ในขณะนี้ โลกกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง หรือการเปลี่ยนผ่านจากโลกเก่า (Old World) ไปสู่โลกใหม่ (New World) อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบหลายร้อยปี
การเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า ทำให้หลายคนในโลกตะวันตกมองว่ามันเป็นหายนะในระดับของยุคสุดท้าย (End of Days) ของสงครามล้างโลก เหมือนอย่างที่พระคัมภีร์ไบเบิลได้บรรยายเอาไว้
บ้านเราก็มีเรื่องพุทธทำนายที่เกี่ยวข้องกับวันสิ้นโลกเหมือนกัน แต่ว่าในตอนนี้ เราจะเน้นเหตุการณ์ก่อนวันสิ้นโลกตามคติความเชื่อของโลกตะวันตก หรือศาสนาคริสต์ว่า จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น หรือมีสัญลักษณ์อะไรบ่งบอกเป็นลาง
Steve Quayle นักจัดรายการวิทยุ นักสร้างภาพยนตร์ นักเขียน และนักขุดโบราณคดีได้ออกมาแสดงความเห็นว่า เรากำลังเข้าสู่ห้วงเวลาที่พระคัมภีร์ไบเบิลเรียกว่ายุคสุดท้าย (End of Days) ซึ่งจะมีเหตุการณ์ที่สร้างความหายนะอย่างรุนแรงให้กับโลก และกลายเป็นชะตากรรมของมวลมนุษยชาติ อันเห็นได้จากการล่มสลายของระบบธนาคาร เศรษฐกิจที่ล่มจม โควิด-19 ที่เป็นอาวุธชีวภาพ และผลกระทบของการฉีดวัคซีนที่ทำให้คนตาย ได้รับบาดเจ็บ หรือกลายเป็นคนพิการ สงครามยูเครน และสงครามโลกที่กำลังจะเกิดขึ้น
Steve Quayle บอกว่า นรกกำลังแตกสำหรับระบบธนาคาร คำว่านรกแตกหมายถึงว่า จะไม่บัตรเครดิตอีกต่อไป จะไม่มีการทำธุรกรรม เพราะว่าจะไม่มีอะไรบนชั้นขายของในห้างที่เราสามารถซื้อได้ด้วยเงินกระดาษ เรากำลังจะเผชิญกับมหันตภัยของเงินเฟ้อระดับไฮเปอร์ เรากำลังเห็นการล่มสลายของตลาดที่อยู่อาศัย และตลาดรถยนต์ การล่มสลายนำไปสู่หายนะ
Bo Polny ผู้เชี่ยวชาญด้านพระคัมภีร์ไบเบิล นักวิเคราะห์ภูมิรัฐศาสตร์ และนักวิเคราะห์การเงินบอกว่า เงินดอลลาร์จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในปีนี้ การพิมพ์เงินเพื่อใช้กับสิ่งที่ชั่วร้ายกำลังจะสิ้นสุดลง ความชั่วร้ายจะถูกทำลายทางการเงิน
เขาบอกว่า ยูเอสดอลลาร์เป็นเครื่องมือพันธนาการ ถ้าหากเรากู้เงินเพื่อซื้อบ้าน กู้เงินเพื่อเรียนหนังสือ หรือกู้เงินผ่านบัตรเครดิตเพื่อใช้จ่าย เราตกเป็นทาสอยู่ภายใต้ระบบการเงินที่สร้างขึ้นมาจากกลางอากาศเปล่าๆ แล้วพวกเขาก็คิดอัตราดอกเบี้ยกับเงินที่ปล่อยกู้ และเอาเปรียบพวกเราเป็นทวีคูณ ระบบการเงินทั้งหมดเป็นเกมของภาพลวงตา แต่คนส่วนมากคิดว่าตัวเองมีความเป็นอิสระ เงินถูกสร้างออกมาจากกลางอากาศนับล้านล้านเหรียญเพื่อที่ผูกมัดทุกคนให้เป็นทาส
Bo Polny อธิบายต่อไปว่า เราไปทำงานทุกวันเพื่อจ่ายเงินคืนให้กับฟาโรห์สมัยใหม่ ซึ่งไม่แตกต่างจากระบบฟาโรห์เมื่อหลายพันปีมาแล้ว เราวิ่งไล่ตามเงินเพื่อจ่ายเงินคืนให้กับระบบที่เราไม่มีทางจ่ายคืนได้ เราจ่ายคืนไม่ได้ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ระบบฟาโรห์ที่ชั่วร้ายในปัจจุบันกำลังจะถูกทำลาย ซึ่งหมายถึงระบบการเงินที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ทองคำและเงินจะมีราคาพุ่งไปถึงดวงจันทร์ ทุกสิ่งทุกอย่างจะพังทลาย เพราะว่าพระเจ้าเข้ามาแทรกแซง
ในบทวิวรณ์ของพระคำภีร์ไบเบิล มีการกล่าวถึง 4 บุรุษอาชาแห่งวันสิ้นโลกในช่วงเวลาของการสิ้นสุดของยุค (End Times) 4 บุรุษอาชาไนยเป็นสัญลักษณ์ หรือเป็นตัวแทนของเหตุการณ์ที่แตกต่างกัน แต่เชื่อมโยงกันจะปรากฏตัวให้เราได้เห็นก่อนที่โลกจะเข้าสู่เวลาของความทุกข์ยากสาหัส
4 บุรุษอาชาไนยแห่งวันสิ้นโลกจะควบม้าเข้าสู่สมรภูมิเพื่อทำสงครามอาร์มาเกดดอน หรือสงครามโลกาวินาศของยุคสุดท้ายที่ Megiddo ในอิสราเอล โดยที่ประชากรโลกจะถูกทำลายไป 1 ใน 4 ก่อนที่พระเจ้าจะกลับมาเพื่อที่จะพิพากษาโลกเพื่อกวาดล้างสิ่งชั่วร้าย และปกป้องคนดี หรือคนที่มีศรัทธาในพระเจ้า
ม้าตัวแรกเป็นสีขาว บุรุษบนหลังม้าในมือถือคันธนู เขาได้รับการสวมมงกุฎ และเขาควบม้าออกไปเหมือนกับผู้ที่ได้รับชัยชนะ ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะ ไม่มีใครสามารถต่อต้านเขาได้ มีคนตีความว่าบุรุษคนนี้เป็นปฏิปักษ์ต่อพระเยซู (Anti-Christ)
บุรุษอาชาคนที่ 2 ควบม้าสีแดงเป็นเปลวเพลิงออกมา เขามีอำนาจที่จะยกเลิกสันติภาพบนโลก และทำให้คนเผชิญหน้าเพื่อฆ่ากัน เขาถือดาบเล่มโต บุรุษอาชาคนที่ 2 นี้เป็นสัญลักษณ์ของสงครามที่จะเกิดขึ้นในช่วงสิ้นสุดของยุค
บุรุษอาชาคนที่ 3 ขี่ม้าสีดำถือตาชั่งในมือ เขาตะโกนออกมาว่าค่าจ้างแรงงานคือข้าวสาลีหนึ่งควาร์ต (quart) 3 ควาร์ตสำหรับข้าวบาร์เล่ย์ อย่าได้ทำให้น้ำมันและเหล้าไวน์เสียไป บุรุษอาชาคนที่ 3 นี้เป็นสัญลักษณ์ของความอดอยากบนโลกเนื่องจากการก่อสงครามของบุรุษอาชาคนที่ 2
บุรุษอาชาคนที่ 4 นั่งอยู่บนม้าสีเทาซีด เขามีชื่อว่ามรณะ เฮเดส (Hades) หรือยมทูตเดินตามหลังเขาติดๆ เขามีอำนาจเหนือพื้นที่ 1 ใน 4 ของโลกที่จะฆ่าคนด้วยดาบ ด้วยความอดอยากและโรคระบาด เขาเป็นสัญลักษณ์ของความตายและความหายนะทั้งปวง เขาจะนำมาซึ่งสงคราม ความอดอยากอย่างรุนแรง รวมทั้งโรคระบาดและเชื้อโรคร้าย
การปรากฏตัวของ 4 บุรุษอาชาเป็นปฐมบทของหายนะที่ใหญ่หลวงที่จะตามมาก่อนวันโลกาพินาศ
เป็นเวลาเกือบ 2,000 ปีแล้วที่ชาวคริสต์อ่านบทวิวรณ์ หรือบทสุดท้ายของพระคัมภีร์ไบเบิลอย่างใจระทึก มีการเตรียมความพร้อมทั้งกายและใจที่จะเผชิญกับความเลวร้ายจากผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อพระเจ้าของพวกเขา และสิ่งเลวร้ายที่จะตามมาจากความอดอยาก โรคระบาด ความทุกข์ยากแสนเข็ญจากสงครามและความตาย
ในยุคสุดท้ายของการทำลายล้างโลก พระเจ้าจะกลับมาบนโลกเพื่อไถ่บาปให้คนที่เชื่อในพระเจ้า และนำพาพวกเขาไปสวรรค์ และจะลงโทษทำลายคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าให้จมปลักอยู่ในนรกโลกันต์ในวันพิพากษาโลก (Judgement Day)
แต่พระเจ้ายังไม่เคยปรากฏกาย แม้ว่าการทำลายโลกผ่านสงคราม ความอดอยาก โรคระบาดและความตายระดับมหากาพย์มาแล้วหลายระลอกในยุคต่างๆ ของโลก ที่ดำเนินไปตามวัฏฏะของการสร้างและการทำลาย
ในปัจจุบันนี้ เราได้มาถึงปากประตูของการสิ้นสุดยุคอีกครั้งของรอบวัฏฏะใหญ่ของการทำลาย จากแนวโน้มของสงครามนิวเคลียร์ หรือสงครามโลกคร้ังที่ 3
พระเจ้าจะปรากฏกายเพื่อพิพากษาโลกหรือไม่ เรามิอาจรู้ได้ ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละคน แต่ 4 บุรุษอาชาแห่งวันโลกาพินาศได้ปรากฏตัวให้มนุษย์โลกได้เห็นแล้วอย่างน้อยในเชิงสัญลักษณ์ในยุคนี้เป็นการชิมลาง หรือเพื่อเป็นการเตือนให้ทุกคนได้รับทราบว่า: “เรากำลังมาแล้ว”
1. นับตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 21 เป็นต้นมา เราได้เห็นการปรากฏตัวของ 4 บุรุษอาชาไนยแห่งวันสิ้นโลกแล้ว แต่อาจจะมาไม่เรียงตามคิว เริ่มต้นด้วยเหตุการณ์ 911 ที่มีการถล่มตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในนิวยอร์กในปี 2001 อันนำไปสู่การทำสงครามของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง ไล่ต้ังแต่อัฟกานิสถาน อิรัก ลิเบีย ซีเรีย เยเมน ไปจนถึงสงครามยูเครนในปัจจุบัน
แรกเริ่มอ้างว่าเป็นสงครามต่อต้านการก่อการร้ายในนามของประชาธิปไตยและสันติภาพ แต่ต่อมานำไปสู่การทำสงครามที่ไม่มีวันสิ้นสุด โดยไม่คำนึงถึงความเสียหาย ผลได้ผลเสีย ผลแพ้ผลชนะ แต่ขอให้ได้ทำสงครามไปเรื่อยๆ โดยที่เป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดของสงครามคือการทำลายรัสเซียและจีน
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของสงครามท้ังปวงในยุคนี้ คือ US Military Industrial Complex ซึ่งเป็นตัวแทนของบุรุษอาชาคนที่ 2 ที่ควบม้าสีแดงเป็นเปลวเพลิงออกมา โดยมีการชูเทพีสันติภาพ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพเป็นหน้าฉาก
2. หลังจากนั้น ในปี 2008 วอลล์สตรีทก็เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงิน เลห์แมน บราเธอร์สล่มสลาย ทำให้ตลาดหุ้นเจ๊ง ระบบธนาคารพัง ธนาคารกลางของสหรัฐฯ หรือFederal Reserve กดดอกเบี้ยต่ำ พร้อมกับการทำคิวอี หรือการพิมพ์เงินมหาศาล ซึ่งนำไปสู่การสร้างฟองสบู่ทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเงิน ในขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐฯ สร้างหนี้จนทะลุเพดาน $31.4ล้านล้าน
เมื่อฟองสบู่แตกจากดอกเบี้ยขาขึ้น และการสูญเสียความมั่นใจในระบบการเงินสหรัฐฯ จะทำไปสู่การทำลายความน่าเชื่อถือในยูเอสดอลลาร์ เกิดเงินเฟ้อระดับไฮเปอร์ เศรษฐกิจตกต่ำ อาหารขาดแคลน และเกิดความอดอยากไปทั่ว
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสร้างความอดอยากจากฟองสบู่การเงินแตกก็คือ Federal Reserve ซึ่งเป็นตัวแทนของความอดอยาก หรือเป็นบุรุษอาชาไนยคนที่ 3 ที่ขี่ม้าสีดำ ถือตาชั่งในมือ
3. ในปี 2019 เกิดการระบาดของโคโรนาไวรัส หรือโควิด-19 ทำให้มีผู้ล้มป่วย และเสียชีวิตหลายล้านคนทั่วโลก โลกถูกล็อกดาวน์เป็นเวลากว่า 2 ปีระหว่างปี 2020-2022 เศรษฐกิจโลกเสียหายยับเยิน แต่ที่ร้ายแรงกว่าไวรัสคือวัคซีน MRNA ที่หลังจากฉีดเข้าไปในร่างกายของคนแล้ว ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ เสียชีวิต สำหรับผู้ที่รอดร่างกายไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะว่ามีความเสี่ยงของโรคร้ายต่างๆ เข้ามารุมเร้า เพราะว่าภูมิต้านทานของร่างกายถูกทำลาย
โควิด-19 รั่วออกมาจากแล็บ หรือเป็นอาวุธชีวภาพที่ต้องการทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ ช่วงที่ระบาดหนักมีการสร้างความกลัวเหมือนกับว่าวันสิ้นโลกกำลังมาถึง มีการไล่ต้อนทุกคนต้องฉีดวัคซีน ที่ไม่ได้ผ่านการการทดลอง หรือตรวจสอบความปลอดภัย รวมท้ังประสิทธิภาพ เพราะอ้างว่าเป็นเหตุการณ์ฉุกเฉิน ถ้าไม่ฉีดวัคซีน เมื่อติดไวรัสแล้วจะแพร่เชื้อให้คนอื่น จะล้มป่วยถูกหามส่งโรงพยาบาล หรือไม่ก็จะเสียชีวิต
โควิด-19 จึงเป็นตัวแทนของโรคระบาด หรือบุรุษอาชาไนยคนที่ 4 ที่นั่งอยู่บนม้าสีเทาซีด
4. หลังจากที่ดอลลาร์ล่มสลาย ไม่สามารถรักษาสถานภาพการเป็นเงินรีเสิร์ฟของโลกได้อีกต่อไป มีการเตรียมตัวที่จะเปิดตัวเงินดิจิทัลโลกที่จะมาทำหน้าที่เป็นเงินสกุลโลกแทนดอลลาร์
เงินดิจิทัลโลกนี้เรียกว่า Unicoin ออกองค์กรที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และธนาคารโลกให้การสนับสนุน ที่ต้องการควบคุมระบบการเงินโลกอย่างเบ็ดเสร็จในวาระโลกใหม่
ในขณะเดียวกัน ประเทศต่างๆ เตรียมการที่เข้าสู่สังคมไร้เงินสดผ่านการออกเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currency หรือ CBDC) กองทุนการเงินระหว่างประเทศจะให้การสนับสนุน Unicon ให้รับบทบาทเป็นเป็น CBDC ตัวแม่ของ CBDC ทั้งหลาย
Unicoin จึงเป็นสัญลักษณ์ชัยชนะของพวกแอนตีไครส์ หรือบุรุษอาชาไนยคนที่ 1 ที่บนหลังม้าในมือถือคันธนู และบนศีรษะได้รับการสวมมงกุฎ
สัญลักษณ์เทพีสันติภาพของพวก US Military Industrial Complex, คิวอี หรือการพิมพ์เงิน King Dollar ของ Federal Reserve, โคโรนาไวรัส และเงินดิจิทัล Unicoin ต่างก็มีมงกุฎเป็นสัญลักษณ์ร่วมด้วยกันทั้งนั้น เพื่อแสดงอำนาจของการเป็นราชาแห่งราชา
สรุปแล้ว 4 บุรุษอาชาไนยแห่งวันสิ้นโลกเป็นตัวแทนของความชั่วร้ายที่มุ่งทำลายโลกตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 21 เป็นต้นมา ผ่านสงคราม ความอดอยาก เชื้อโรคร้าย และความตาย
เราสามารถมองกันได้ว่า 4 บุรุษอาชาไนยแห่งวันสิ้นโลกเป็นฝ่ายมาร หรือฝ่ายซาตานที่ต่อต้านพระเจ้า หรือเป็นพวกแอนตี้ไครส์ ที่หลังจากทำลายระบบโลกปัจจุบันแล้วต้องการครองโลกด้วยระบบเผด็จการโลกที่สมบูรณ์แบบผ่านเงินสกุลโลกเดียว รัฐบาลโลกเดียว และศาสนาโลกเดียว
เมื่อมีฝ่ายมารก็ต้องมีฝ่ายเทพ เสาหลักของศาสนาคริสต์ที่แท้จริงคือรัสเซียนออร์โธดอกซ์ของรัสเซีย -- ไม่ใช่สหรัฐฯ หรือยุโรป -- แต่เป็นรัสเซีย โดยมีประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินเป็นผู้นำในการทำสงครามศาสนาที่กำลังเกิดขึ้นผ่านสงครามตัวแทนที่ยูเครน เพื่อปกป้องพระคริสต์ อารยธรรมโลกจากการทำลายพวกแอนตี้ไครส์ในสงครามของยุคสุดท้าย
การเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า ทำให้หลายคนในโลกตะวันตกมองว่ามันเป็นหายนะในระดับของยุคสุดท้าย (End of Days) ของสงครามล้างโลก เหมือนอย่างที่พระคัมภีร์ไบเบิลได้บรรยายเอาไว้
บ้านเราก็มีเรื่องพุทธทำนายที่เกี่ยวข้องกับวันสิ้นโลกเหมือนกัน แต่ว่าในตอนนี้ เราจะเน้นเหตุการณ์ก่อนวันสิ้นโลกตามคติความเชื่อของโลกตะวันตก หรือศาสนาคริสต์ว่า จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น หรือมีสัญลักษณ์อะไรบ่งบอกเป็นลาง
Steve Quayle นักจัดรายการวิทยุ นักสร้างภาพยนตร์ นักเขียน และนักขุดโบราณคดีได้ออกมาแสดงความเห็นว่า เรากำลังเข้าสู่ห้วงเวลาที่พระคัมภีร์ไบเบิลเรียกว่ายุคสุดท้าย (End of Days) ซึ่งจะมีเหตุการณ์ที่สร้างความหายนะอย่างรุนแรงให้กับโลก และกลายเป็นชะตากรรมของมวลมนุษยชาติ อันเห็นได้จากการล่มสลายของระบบธนาคาร เศรษฐกิจที่ล่มจม โควิด-19 ที่เป็นอาวุธชีวภาพ และผลกระทบของการฉีดวัคซีนที่ทำให้คนตาย ได้รับบาดเจ็บ หรือกลายเป็นคนพิการ สงครามยูเครน และสงครามโลกที่กำลังจะเกิดขึ้น
Steve Quayle บอกว่า นรกกำลังแตกสำหรับระบบธนาคาร คำว่านรกแตกหมายถึงว่า จะไม่บัตรเครดิตอีกต่อไป จะไม่มีการทำธุรกรรม เพราะว่าจะไม่มีอะไรบนชั้นขายของในห้างที่เราสามารถซื้อได้ด้วยเงินกระดาษ เรากำลังจะเผชิญกับมหันตภัยของเงินเฟ้อระดับไฮเปอร์ เรากำลังเห็นการล่มสลายของตลาดที่อยู่อาศัย และตลาดรถยนต์ การล่มสลายนำไปสู่หายนะ
Bo Polny ผู้เชี่ยวชาญด้านพระคัมภีร์ไบเบิล นักวิเคราะห์ภูมิรัฐศาสตร์ และนักวิเคราะห์การเงินบอกว่า เงินดอลลาร์จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในปีนี้ การพิมพ์เงินเพื่อใช้กับสิ่งที่ชั่วร้ายกำลังจะสิ้นสุดลง ความชั่วร้ายจะถูกทำลายทางการเงิน
เขาบอกว่า ยูเอสดอลลาร์เป็นเครื่องมือพันธนาการ ถ้าหากเรากู้เงินเพื่อซื้อบ้าน กู้เงินเพื่อเรียนหนังสือ หรือกู้เงินผ่านบัตรเครดิตเพื่อใช้จ่าย เราตกเป็นทาสอยู่ภายใต้ระบบการเงินที่สร้างขึ้นมาจากกลางอากาศเปล่าๆ แล้วพวกเขาก็คิดอัตราดอกเบี้ยกับเงินที่ปล่อยกู้ และเอาเปรียบพวกเราเป็นทวีคูณ ระบบการเงินทั้งหมดเป็นเกมของภาพลวงตา แต่คนส่วนมากคิดว่าตัวเองมีความเป็นอิสระ เงินถูกสร้างออกมาจากกลางอากาศนับล้านล้านเหรียญเพื่อที่ผูกมัดทุกคนให้เป็นทาส
Bo Polny อธิบายต่อไปว่า เราไปทำงานทุกวันเพื่อจ่ายเงินคืนให้กับฟาโรห์สมัยใหม่ ซึ่งไม่แตกต่างจากระบบฟาโรห์เมื่อหลายพันปีมาแล้ว เราวิ่งไล่ตามเงินเพื่อจ่ายเงินคืนให้กับระบบที่เราไม่มีทางจ่ายคืนได้ เราจ่ายคืนไม่ได้ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ระบบฟาโรห์ที่ชั่วร้ายในปัจจุบันกำลังจะถูกทำลาย ซึ่งหมายถึงระบบการเงินที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ทองคำและเงินจะมีราคาพุ่งไปถึงดวงจันทร์ ทุกสิ่งทุกอย่างจะพังทลาย เพราะว่าพระเจ้าเข้ามาแทรกแซง
ในบทวิวรณ์ของพระคำภีร์ไบเบิล มีการกล่าวถึง 4 บุรุษอาชาแห่งวันสิ้นโลกในช่วงเวลาของการสิ้นสุดของยุค (End Times) 4 บุรุษอาชาไนยเป็นสัญลักษณ์ หรือเป็นตัวแทนของเหตุการณ์ที่แตกต่างกัน แต่เชื่อมโยงกันจะปรากฏตัวให้เราได้เห็นก่อนที่โลกจะเข้าสู่เวลาของความทุกข์ยากสาหัส
4 บุรุษอาชาไนยแห่งวันสิ้นโลกจะควบม้าเข้าสู่สมรภูมิเพื่อทำสงครามอาร์มาเกดดอน หรือสงครามโลกาวินาศของยุคสุดท้ายที่ Megiddo ในอิสราเอล โดยที่ประชากรโลกจะถูกทำลายไป 1 ใน 4 ก่อนที่พระเจ้าจะกลับมาเพื่อที่จะพิพากษาโลกเพื่อกวาดล้างสิ่งชั่วร้าย และปกป้องคนดี หรือคนที่มีศรัทธาในพระเจ้า
ม้าตัวแรกเป็นสีขาว บุรุษบนหลังม้าในมือถือคันธนู เขาได้รับการสวมมงกุฎ และเขาควบม้าออกไปเหมือนกับผู้ที่ได้รับชัยชนะ ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะ ไม่มีใครสามารถต่อต้านเขาได้ มีคนตีความว่าบุรุษคนนี้เป็นปฏิปักษ์ต่อพระเยซู (Anti-Christ)
บุรุษอาชาคนที่ 2 ควบม้าสีแดงเป็นเปลวเพลิงออกมา เขามีอำนาจที่จะยกเลิกสันติภาพบนโลก และทำให้คนเผชิญหน้าเพื่อฆ่ากัน เขาถือดาบเล่มโต บุรุษอาชาคนที่ 2 นี้เป็นสัญลักษณ์ของสงครามที่จะเกิดขึ้นในช่วงสิ้นสุดของยุค
บุรุษอาชาคนที่ 3 ขี่ม้าสีดำถือตาชั่งในมือ เขาตะโกนออกมาว่าค่าจ้างแรงงานคือข้าวสาลีหนึ่งควาร์ต (quart) 3 ควาร์ตสำหรับข้าวบาร์เล่ย์ อย่าได้ทำให้น้ำมันและเหล้าไวน์เสียไป บุรุษอาชาคนที่ 3 นี้เป็นสัญลักษณ์ของความอดอยากบนโลกเนื่องจากการก่อสงครามของบุรุษอาชาคนที่ 2
บุรุษอาชาคนที่ 4 นั่งอยู่บนม้าสีเทาซีด เขามีชื่อว่ามรณะ เฮเดส (Hades) หรือยมทูตเดินตามหลังเขาติดๆ เขามีอำนาจเหนือพื้นที่ 1 ใน 4 ของโลกที่จะฆ่าคนด้วยดาบ ด้วยความอดอยากและโรคระบาด เขาเป็นสัญลักษณ์ของความตายและความหายนะทั้งปวง เขาจะนำมาซึ่งสงคราม ความอดอยากอย่างรุนแรง รวมทั้งโรคระบาดและเชื้อโรคร้าย
การปรากฏตัวของ 4 บุรุษอาชาเป็นปฐมบทของหายนะที่ใหญ่หลวงที่จะตามมาก่อนวันโลกาพินาศ
เป็นเวลาเกือบ 2,000 ปีแล้วที่ชาวคริสต์อ่านบทวิวรณ์ หรือบทสุดท้ายของพระคัมภีร์ไบเบิลอย่างใจระทึก มีการเตรียมความพร้อมทั้งกายและใจที่จะเผชิญกับความเลวร้ายจากผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อพระเจ้าของพวกเขา และสิ่งเลวร้ายที่จะตามมาจากความอดอยาก โรคระบาด ความทุกข์ยากแสนเข็ญจากสงครามและความตาย
ในยุคสุดท้ายของการทำลายล้างโลก พระเจ้าจะกลับมาบนโลกเพื่อไถ่บาปให้คนที่เชื่อในพระเจ้า และนำพาพวกเขาไปสวรรค์ และจะลงโทษทำลายคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าให้จมปลักอยู่ในนรกโลกันต์ในวันพิพากษาโลก (Judgement Day)
แต่พระเจ้ายังไม่เคยปรากฏกาย แม้ว่าการทำลายโลกผ่านสงคราม ความอดอยาก โรคระบาดและความตายระดับมหากาพย์มาแล้วหลายระลอกในยุคต่างๆ ของโลก ที่ดำเนินไปตามวัฏฏะของการสร้างและการทำลาย
ในปัจจุบันนี้ เราได้มาถึงปากประตูของการสิ้นสุดยุคอีกครั้งของรอบวัฏฏะใหญ่ของการทำลาย จากแนวโน้มของสงครามนิวเคลียร์ หรือสงครามโลกคร้ังที่ 3
พระเจ้าจะปรากฏกายเพื่อพิพากษาโลกหรือไม่ เรามิอาจรู้ได้ ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละคน แต่ 4 บุรุษอาชาแห่งวันโลกาพินาศได้ปรากฏตัวให้มนุษย์โลกได้เห็นแล้วอย่างน้อยในเชิงสัญลักษณ์ในยุคนี้เป็นการชิมลาง หรือเพื่อเป็นการเตือนให้ทุกคนได้รับทราบว่า: “เรากำลังมาแล้ว”
1. นับตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 21 เป็นต้นมา เราได้เห็นการปรากฏตัวของ 4 บุรุษอาชาไนยแห่งวันสิ้นโลกแล้ว แต่อาจจะมาไม่เรียงตามคิว เริ่มต้นด้วยเหตุการณ์ 911 ที่มีการถล่มตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในนิวยอร์กในปี 2001 อันนำไปสู่การทำสงครามของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง ไล่ต้ังแต่อัฟกานิสถาน อิรัก ลิเบีย ซีเรีย เยเมน ไปจนถึงสงครามยูเครนในปัจจุบัน
แรกเริ่มอ้างว่าเป็นสงครามต่อต้านการก่อการร้ายในนามของประชาธิปไตยและสันติภาพ แต่ต่อมานำไปสู่การทำสงครามที่ไม่มีวันสิ้นสุด โดยไม่คำนึงถึงความเสียหาย ผลได้ผลเสีย ผลแพ้ผลชนะ แต่ขอให้ได้ทำสงครามไปเรื่อยๆ โดยที่เป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดของสงครามคือการทำลายรัสเซียและจีน
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของสงครามท้ังปวงในยุคนี้ คือ US Military Industrial Complex ซึ่งเป็นตัวแทนของบุรุษอาชาคนที่ 2 ที่ควบม้าสีแดงเป็นเปลวเพลิงออกมา โดยมีการชูเทพีสันติภาพ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพเป็นหน้าฉาก
2. หลังจากนั้น ในปี 2008 วอลล์สตรีทก็เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงิน เลห์แมน บราเธอร์สล่มสลาย ทำให้ตลาดหุ้นเจ๊ง ระบบธนาคารพัง ธนาคารกลางของสหรัฐฯ หรือFederal Reserve กดดอกเบี้ยต่ำ พร้อมกับการทำคิวอี หรือการพิมพ์เงินมหาศาล ซึ่งนำไปสู่การสร้างฟองสบู่ทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเงิน ในขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐฯ สร้างหนี้จนทะลุเพดาน $31.4ล้านล้าน
เมื่อฟองสบู่แตกจากดอกเบี้ยขาขึ้น และการสูญเสียความมั่นใจในระบบการเงินสหรัฐฯ จะทำไปสู่การทำลายความน่าเชื่อถือในยูเอสดอลลาร์ เกิดเงินเฟ้อระดับไฮเปอร์ เศรษฐกิจตกต่ำ อาหารขาดแคลน และเกิดความอดอยากไปทั่ว
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสร้างความอดอยากจากฟองสบู่การเงินแตกก็คือ Federal Reserve ซึ่งเป็นตัวแทนของความอดอยาก หรือเป็นบุรุษอาชาไนยคนที่ 3 ที่ขี่ม้าสีดำ ถือตาชั่งในมือ
3. ในปี 2019 เกิดการระบาดของโคโรนาไวรัส หรือโควิด-19 ทำให้มีผู้ล้มป่วย และเสียชีวิตหลายล้านคนทั่วโลก โลกถูกล็อกดาวน์เป็นเวลากว่า 2 ปีระหว่างปี 2020-2022 เศรษฐกิจโลกเสียหายยับเยิน แต่ที่ร้ายแรงกว่าไวรัสคือวัคซีน MRNA ที่หลังจากฉีดเข้าไปในร่างกายของคนแล้ว ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ เสียชีวิต สำหรับผู้ที่รอดร่างกายไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะว่ามีความเสี่ยงของโรคร้ายต่างๆ เข้ามารุมเร้า เพราะว่าภูมิต้านทานของร่างกายถูกทำลาย
โควิด-19 รั่วออกมาจากแล็บ หรือเป็นอาวุธชีวภาพที่ต้องการทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ ช่วงที่ระบาดหนักมีการสร้างความกลัวเหมือนกับว่าวันสิ้นโลกกำลังมาถึง มีการไล่ต้อนทุกคนต้องฉีดวัคซีน ที่ไม่ได้ผ่านการการทดลอง หรือตรวจสอบความปลอดภัย รวมท้ังประสิทธิภาพ เพราะอ้างว่าเป็นเหตุการณ์ฉุกเฉิน ถ้าไม่ฉีดวัคซีน เมื่อติดไวรัสแล้วจะแพร่เชื้อให้คนอื่น จะล้มป่วยถูกหามส่งโรงพยาบาล หรือไม่ก็จะเสียชีวิต
โควิด-19 จึงเป็นตัวแทนของโรคระบาด หรือบุรุษอาชาไนยคนที่ 4 ที่นั่งอยู่บนม้าสีเทาซีด
4. หลังจากที่ดอลลาร์ล่มสลาย ไม่สามารถรักษาสถานภาพการเป็นเงินรีเสิร์ฟของโลกได้อีกต่อไป มีการเตรียมตัวที่จะเปิดตัวเงินดิจิทัลโลกที่จะมาทำหน้าที่เป็นเงินสกุลโลกแทนดอลลาร์
เงินดิจิทัลโลกนี้เรียกว่า Unicoin ออกองค์กรที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และธนาคารโลกให้การสนับสนุน ที่ต้องการควบคุมระบบการเงินโลกอย่างเบ็ดเสร็จในวาระโลกใหม่
ในขณะเดียวกัน ประเทศต่างๆ เตรียมการที่เข้าสู่สังคมไร้เงินสดผ่านการออกเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currency หรือ CBDC) กองทุนการเงินระหว่างประเทศจะให้การสนับสนุน Unicon ให้รับบทบาทเป็นเป็น CBDC ตัวแม่ของ CBDC ทั้งหลาย
Unicoin จึงเป็นสัญลักษณ์ชัยชนะของพวกแอนตีไครส์ หรือบุรุษอาชาไนยคนที่ 1 ที่บนหลังม้าในมือถือคันธนู และบนศีรษะได้รับการสวมมงกุฎ
สัญลักษณ์เทพีสันติภาพของพวก US Military Industrial Complex, คิวอี หรือการพิมพ์เงิน King Dollar ของ Federal Reserve, โคโรนาไวรัส และเงินดิจิทัล Unicoin ต่างก็มีมงกุฎเป็นสัญลักษณ์ร่วมด้วยกันทั้งนั้น เพื่อแสดงอำนาจของการเป็นราชาแห่งราชา
สรุปแล้ว 4 บุรุษอาชาไนยแห่งวันสิ้นโลกเป็นตัวแทนของความชั่วร้ายที่มุ่งทำลายโลกตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 21 เป็นต้นมา ผ่านสงคราม ความอดอยาก เชื้อโรคร้าย และความตาย
เราสามารถมองกันได้ว่า 4 บุรุษอาชาไนยแห่งวันสิ้นโลกเป็นฝ่ายมาร หรือฝ่ายซาตานที่ต่อต้านพระเจ้า หรือเป็นพวกแอนตี้ไครส์ ที่หลังจากทำลายระบบโลกปัจจุบันแล้วต้องการครองโลกด้วยระบบเผด็จการโลกที่สมบูรณ์แบบผ่านเงินสกุลโลกเดียว รัฐบาลโลกเดียว และศาสนาโลกเดียว
เมื่อมีฝ่ายมารก็ต้องมีฝ่ายเทพ เสาหลักของศาสนาคริสต์ที่แท้จริงคือรัสเซียนออร์โธดอกซ์ของรัสเซีย -- ไม่ใช่สหรัฐฯ หรือยุโรป -- แต่เป็นรัสเซีย โดยมีประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินเป็นผู้นำในการทำสงครามศาสนาที่กำลังเกิดขึ้นผ่านสงครามตัวแทนที่ยูเครน เพื่อปกป้องพระคริสต์ อารยธรรมโลกจากการทำลายพวกแอนตี้ไครส์ในสงครามของยุคสุดท้าย