xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อคนรุ่นใหม่จะเลือกพรรคของเขา โดยไม่ลังเลและไตร่ตรอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ

แม้จะมีพรรคหลายสิบพรรคให้เลือก แต่หลายฝ่ายวิเคราะห์ตรงกันว่าพรรคที่คนรุ่นใหม่จะออกไปเลือกคือ พรรคของพวกเขา เพราะพวกเขามองว่าพรรคนี้คือพรรคตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่จะเข้าไปทำลายความคิดอันคร่ำครึและไม่ทันโลกของคนรุ่นเก่าเข้าไปทลายโครงสร้างเก่าที่กัดกินสังคมไทยซึ่งทำให้คนรุ่นใหม่ไม่สามารถเติบโตแข่งขันเพื่อหาที่ยืนในสังคมได้


หลายคนไม่สนใจด้วยว่า ผู้สมัครในเขตของตัวเองเป็นใคร ไม่สนใจว่าแต่ละพรรคการเมืองต่างๆ จะสรรหาคนเก่งคนมีความรู้ความสามารถอย่างไร อย่าว่าแต่ผู้สมัครของพรรคอื่นเลย แม้แต่พรรคที่ตัวเองจะเลือกก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาส่งใครมาลงสมัคร รู้ว่าแต่ว่าพรรคนี้เบอร์นี้แล้วเข้าคูหาไปกาเลย เพราะเชื่อกันเหมือนโดนสะกดจิตว่าพรรคนี้เป็นตัวแทนของคนรุ่นเรา

การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเป็นครั้งแรกในชีวิตถึง 4,012,803 คน พวกเขาส่วนใหญ่ถูกคาดการณ์ว่าจะเลือกพรรคที่พวกเขาชื่อว่าเป็นตัวแทนของพวกเขามากกว่าพรรคการเมืองอื่น ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาได้ใช้ความคิดพิจารณาจากเหตุผลอะไร หรือมันเป็นกระแสของคนรุ่นใหม่ที่มีความเห็นไปในทางเดียวกันเหมือนเด็กในนวนิยายเรื่อง กาเหว่าที่บางเพลง ของ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ผมเคยเขียนไว้แล้ว หลายคนคงจะเคยอ่านนวนิยายเรื่องนี้มาแล้ว ถ้าใครยังไม่ได้อ่านก็ไปหาอ่านเองผมจะไม่ขยายความต่อ

ถ้าคนรุ่นใหม่ได้อ่านนวนิยายเรื่องกาเหว่าที่บางเพลง แล้วหากมองย้อนดูตัวและบทบาทที่คนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งได้แสดงออกในสังคมไทย ก็อาจจะเห็นตัวเองและเพื่อนโดดเด่นอยู่ในนวนิยายเรื่องนี้ ถ้าจะไม่อ่านหนังสือก็ลองไปหาภาพยนตร์เรื่องนี้มาดูเพราะเคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ไว้แล้ว

พวกเขาบอกว่าบ้านเมืองถูกปกครองด้วยคนรุ่นเก่ามานานแล้ว วันนี้ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงให้คนรุ่นใหม่เข้าไปบริหารประเทศ เพื่อลบล้างอดีตที่เต็มไปด้วยคอร์รัปชันและการแสวงหาประโยชน์จากอำนาจ พรรคของพวกเขาไม่เพียงแต่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคม ล้มล้างระบบระเบียบต่างๆ ในสังคมเท่านั้น แต่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเชิงระบอบที่ท้าทายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขด้วย

พรรคของพวกเขาสนับสนุนคนรุ่นใหม่ที่ออกมาเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ที่พวกเขามองว่าเป็นส่วนเกินของระบอบประชาธิปไตย ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมและมีชนชั้นในสังคม ในขณะที่ทุกคนควรมีความเท่าเทียมกัน “คนเท่ากัน” คือความยุติธรรมที่ไม่อาจโต้แย้ง ทำไมคนต้องแตกต่างกันด้วยเล่า ชนชั้นและความแตกต่างล้วนแล้วถูกอำนาจเก่าสร้างขึ้นมาเพื่อกดทับคนด้วยกัน

และเป้าหมายที่พรรคของพวกเขาประกาศไว้แล้วว่า หากเลือกพรรคนี้ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม ประเทศที่ถูกสร้างขึ้นโดยบรรพบุรุษนั้นล้วนแล้วแต่เป็นประวัติศาสตร์ที่เขียนขึ้นเพื่อใช้อำนาจปกครองโดยกลุ่มคนส่วนน้อย

ประเทศไทยที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานประชาชนอยู่กันอย่างมีความสุข มีความสงบสุขที่หลายชาติยกย่อง แม้จะขัดแย้งกันทางความคิดกันบ้าง แต่ถึงเวลาที่ต้องร่วมมือร่วมใจกันก็ออกมาช่วยเหลือเกื้อกันอย่างไม่แบ่งแยกที่เคยเกิดขึ้นให้เห็นในหลายครั้งที่เกิดวิกฤตการณ์ มันเป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิมไหมถ้าพรรคของพวกเขาขึ้นมาปกครองบ้านเมือง

พรรคนี้ประกาศแล้วว่าจะตัดงบประมาณกองทัพ เพราะยุคสมัยนี้ไม่มีสงครามแล้วไม่รู้ว่าจะไปสู้รบกับใคร ลดกำลังกองทัพให้เล็กลง พวกเขาสนับสนุนการเคลื่อนไหวของผู้ประท้วงในเพื่อนบ้าน พวกเขาสนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกง พวกเขาสนับสนุนอธิปไตยของไต้หวันและไม่ยอมรับหลักการจีนเดียว หากเขาได้เป็นรัฐบาลก็จะต้องแสดงจุดยืนออกมาให้เด่นชัด ซึ่งชัดเจนว่าหากมีอำนาจรัฐพวกเขาจะพารัฐไทยไปยืนท่ามกลางความขัดแย้ง โดยพร้อมจะแทรกแซงการเมืองในประเทศอื่น เพื่อตอกย้ำว่าพวกเขามีจุดยืนทางการเมืองแบบประชาธิปไตยตะวันตก

พวกเขาไม่เห็นด้วยกับรัฐไทยที่จัดงบประมาณแบบ “ช้างป่วย”

พวกเขาบอกว่า ตัวเลขที่สูงที่สุดใน พ.ร.บ.งบประมาณ นี้คือตัวเลขจากเงินบำเหน็จบำนาญของข้าราชการที่มีมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท สูงเท่ากับงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการที่ดูแลเด็กนักเรียนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาของช้างป่วย โดยคิดเป็น 40% ของวงเงินทั้งหมด หรืองบอุ้ยอ้าย เป็นงบที่ใช้กับอดีตไม่ใช่อนาคต

พวกเขาจะเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งๆ ที่ปัจจุบันสถาบันพระมหากษัตริย์ได้อยู่เหนือการเมืองมาแล้วตั้งแต่ถูกรัฐประหาร2475 และเอาอำนาจมาไว้ในมือของขุนทหารและนักการเมืองตั้งแต่บัดนั้น

ทั้งที่พระมหากษัตริย์ไทยไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองมานาน แต่ด้วยที่มีความรักต่อพสกนิกรพระมหากษัตริย์ไทยก็ได้แสดงความห่วงใยต่อราษฎรด้วยการพระราชทานแนวคิดและโครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาบ้านเมืองซึ่งสิ่งเหล่านั้นล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ แต่ข้อเรียกร้องของพวกต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นต้องการให้พระมหากษัตริย์ไม่เข้าไปยุ่งกับความเป็นอยู่หรือการช่วยเหลือราษฎร ถ้าได้อ่านความคิดของแกนนำพรรคนี้หรือแถลงการณ์ที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคนี้ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ต่อข้อเรียกร้องที่ท้าทายพระราชอำนาจที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าเป็นเจตนาซ่อนเร้นเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มิใช่เป็นการปฏิรูป

พวกเขาเรียกร้องให้แก้ไขมาตรา 112 ที่บัญญัติว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี” ซึ่งเห็นได้ว่า บทบัญญัตินี้ไม่ได้ล่วงละเมิดเสรีภาพของใครเลย แต่เป็นการปกป้องประมุขของประเทศที่มีกฎหมายบัญญัติไว้ในทุกประเทศ

ไม่เพียงแต่ต้องการแก้ไขมาตรา 112 เท่านั้นการแสดงออกที่แท้จริงของพวกเขาบ่งบอกว่าพวกเขาต้องการยกเลิกมาตรานี้ เพื่อจะสามารถกระทำในสิ่งที่มาตรานี้ห้ามไว้นั่นเอง ซึ่งเราเห็นได้เลยว่า แม้แต่บุคคลธรรมดาหากถูกหมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายจากบุคคลใดก็ไม่สามารถทำได้ เพราะการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายต่อผู้อิ่นนั้นไม่ใช่เสรีภาพ

แต่ต้องยอมรับว่าวันนี้ผู้นำทางความคิดของพรรคนี้ แกนนำหลายคนของพรรคนี้ทำให้คนรุ่นใหม่จำนวนมากเชื่อในสิ่งที่พวกเขานำเสนอและทำให้เชื่อว่าปัญหาของประเทศนี้เกิดจากอำนาจเก่าที่กุมสังคมไทย ทำให้คนรุ่นใหม่เชื่อว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นส่วนเกินของระบอบประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมายที่แสดงให้เห็นถึงคุณูปการของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อสังคมไทย และเป็นประวัติศาสตร์ที่เราควรภาคภูมิใจหากได้ตระหนักคิดและพิจารณาจากความเป็นจริง มากกว่าคำพูดของคนที่ยังไม่ปรากฏเลยว่าเคยทำประโยชน์อะไรให้กับสังคมไทยบ้าง

พวกเขาทำให้คนรุ่นใหม่ไม่ภูมิใจในความเป็นชาติไทย ไม่ภูมิใจในประวัติศาสตร์ของชาติไทย ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่ศรัทธาในศาสนาหรือศาสดาองค์ไหน ไม่เข้าวัดเข้าโบสถ์หรือมัสยิด ไม่นับถือครูบาอาจารย์เพราะถูกจ้างให้มาสอน ไม่นับถือพ่อแม่ว่าเป็นผู้มีพระคุณ ประเทศนี้ในอดีตนั้นมีแต่สิ่งที่เลวร้าย ไม่น่าเชื่อว่าความคิดเหล่านี้เป็นความคิดที่สามารถชักนำคนรุ่นใหม่ให้เดินตาม โดยที่พวกเขาไม่ไตร่ตรองเลยว่าสำนึกเช่นนี้หรือที่จะมาเป็นผู้นำเพื่อนำพาชาติบ้านเมือง

ไม่เพียงแต่คนรุ่นใหม่กว่า 4 ล้านคนที่จะได้เลือกตั้งครั้งแรก เขาเชื่อกันว่าคนที่มีอายุ 18-25 ปีที่มีจำนวน 6,689,453 คน ส่วนใหญ่ก็จะเลือกพรรคการเมืองเดียวกัน แถมมิหนำซ้ำคนที่มีอายุ 26-41 ปีจำนวน 15,103,832 คน ส่วนใหญ่ก็จะเลือกพรรคนี้ และดีไม่ดีพวกเขาก็อาจสามารถชักนำพ่อแม่ของพวกเขาทั้งที่เคยออกมาต่อต้านระบอบทักษิณต่อต้านนิรโทษกรรมสุดซอยสามารถเปลี่ยนใจมาคล้อยตามพวกเขาได้ด้วย

ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ถึงเวลานี้เราคงจะทัดทานความเชื่อของคนรุ่นใหม่ไม่ได้ พวกเขาเชื่อว่าสิ่งที่คนรุ่นเก่าเคยคิดไว้นั้นผิดหมดล้าหลังคลั่งชาติที่ต้องการลบล้างโดยทันที ประวัติศาสตร์ชาติไทยมีแต่การมอมเมาให้คนหลงเชื่อในความภาคภูมิใจของชาติ แต่เขาไม่ได้เป็นคนของชาติไหนเป็นคนของโลกนี้เพียงแต่อาศัยแผ่นดินนี้เกิด ความเป็นไทยเป็นเรื่องน่าอับอาย และถ้าเลือกได้พวกเขาจะไปอยู่แผ่นดินอื่น

คงจะสายเกินไปที่เราจะบอกกล่าวให้พวกเขายั้งคิด เพราะพวกเขาเชื่อว่า ความคิดของคนรุ่นเก่านั้นไม่ถูกต้องคนรุ่นใหม่อย่างพวกเขาเท่านั้นที่จะนำพาสังคมไทยไปรอดได้ ก็ต้องปล่อยให้พวกเขาเดินไป และคนรุ่นเก่าอย่างเรารอวันที่จะซับน้ำตาของพวกเขาในอนาคตหากวันนั้นยังมีลมหายใจ

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น