ช่วงนี้นักเลือกตั้งเร่งตระเวนหาเสียงแทบไม่มีวันหยุด ไปไหนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยไป วัดที่ไม่เคยไปไหว้ก็ต้องไป บนบานศาลกล่าวไปเรื่อย ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือให้สมหวังทั้งที่ไม่รู้ตัวว่าที่ผ่านมานั้นได้ทำคุณให้แผ่นดิน หรือว่ายุ่งแต่หารายได้
เห็นนักเลือกตั้งหาเสียงพูดเจื้อยแจ้วยิ่งกว่าผีเจาะปาก ให้คำมั่นสัญญาสารพัด ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะได้เป็น ส.ส.หรือไม่ และจะได้เป็นรัฐบาล ได้กระทรวงที่หวังมั้ย
ก็ต้องให้สัญญาไว้ก่อน ได้ไม่ได้เป็นอีกเรื่อง เป็น ส.ส.แล้วก็อ้างแก้ตัวอย่างนั้นอย่างนี้ ว่าทำไม่ได้ เป็นอย่างนี้โดยตลอด และชาวบ้านก็ยอมรับสภาพ
คำว่า “เงินไม่มา กาไม่เป็น” ยังขลัง การซื้อเสียงยกครัวเหมาจ่ายเป็นเรื่องปกติ
บางพรรคหาเสียงทำตัวเด่น ประณามว่าพรรคนั้น พรรคนี้ซื้อเสียง พรรคตัวเองไม่ซื้อ ที่ไม่ซื้อไม่ใช่ว่ามีคุณธรรมสูงส่ง แต่เป็นพวกนิยมของฟรี ขี้เหนียว กินไม่แบ่ง
อ้างว่าเป็นพรรคไม่โกงกิน ทำประโยชน์ให้บ้านเมืองยาวนาน ไว้ใจได้ มีหลักการประชาธิปไตย วงในเค้ารู้กันทั่วว่าเปิบหนัก แอบกิน ฝากทรัพย์ให้คนอื่นซุก
มันอีหรอบเดียวกันทั้งนั้น หาเสียงแต่ละพรรคไม่มีใครประกาศว่าจะจัดการปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน ซึ่งเป็นพฤติกรรมหลักของนักเลือกตั้งถอนทุนบวกกำไร
นักเลือกตั้งเมืองไทยโชคดี ไปหาเสียงชาวบ้านไม่ตั้งคำถามแทงใจ “อ้าว เห็นอยู่พรรคนั้นมาตลอด จะเลือกตั้งย้ายพรรคทำไม อุดมการณ์ไม่ตรงกันทำไมทนได้ 4 ปี และอุดมการณ์ที่ว่านั้นต่างกันตรงไหน” ต้องถามอย่างนี้ ถ้าไม่กลัวโดนรุม
ชาวบ้านใจดีเกิน แบบไทยๆ เป็นธรรมเนียม ผู้สื่อข่าวก็กลัว ไม่กล้าถาม
เห็นบางคนออกจากพรรคเก่า ด่าเช็ด หาว่าอยู่พรรคนั้นทำงานไม่ได้ ทั้งที่ตัวเองเป็นเสนาบดี มีเสียงร่ำลือว่าโกยไม่ได้มากดังใจเลยหาเรื่องย้าย จ้องกระทรวงเกรดเอ
บางคนมองตัวเองว่าเป็นตัวเต็ง อยู่มาแล้ว ยังอยู่ และจะอยู่ต่อไป อ้างว่าถ้าคนอื่นมาจะเป็นเวรกรรมของบ้านเมือง ต้องให้ตัวเองเป็นต่อไปเท่านั้น
ไม่รู้สึกเลยว่าที่ผ่านมาแปดปี แปดเปื้อนนั้น ยิ่งกว่าเวรกรรมของบ้านเมือง
การเมืองเป็นเรื่องของตัณหาอย่างหนึ่ง ร้ายแรง นั่นคือการแสวงหาอำนาจอยู่เหนือผู้อื่น ถ้าเป็นพวกกังฉินมหาวายร้าย ก็เป็นโอกาสตักตวงผลประโยชน์ให้ตัวเองและพวกพ้อง เป็นทุนทั้งอำนาจและการเงินเพื่อให้อยู่ต่ออีกนานๆ
ตัณหาในอำนาจทำให้คนกล้ากระทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ไปในสถานที่ไม่เคยไป อ้อนวอนเสียงอ่อนเสียงหวานจากชาวบ้านให้ลงคะแนนให้ ทั้งที่ไม่เคยให้ชาวบ้านได้พบเมื่อตัวเองอยู่ในอำนาจ ช่วงนี้ต้องเดินพนมมือแต้เข้าไปในตลาด ทั้งอากาศร้อน
อายุ สังขาร คุณวุฒิ ไม่เป็นปัญหา ถ้าเป็นนักเลือกตั้งต้องพร้อมเผชิญกับความท้าทาย ยิ่งถ้าจัดอยู่ในกลุ่มที่ไม่มีอะไรจะเสียด้วยแล้ว ก็ยิ่งด้าน ทน อึดเกินคนทั่วไป
โลกตะวันตกเรียกนักเลือกตั้งว่าพวก Baby Kissers คือพวกอุ้มเด็กมาหอมแก้ม แม้จะเป็นพวกไม่รักเด็กก็จำเป็นต้องทำ ในบ้านเราพวก “ลุง” เดินหาเสียงถูกแม่ยกสูงอายุมาโอบเอว หอมแก้ม ต้องฝืนยิ้ม กลิ่นต่างจากพวกเจ้าสัวกลิ่นเงินห่อตัว
ไม่มีนักเลือกตั้งเดินหาเสียงหน้าบึ้ง มีคนตะโกนด่าต้องยอมยิ้มตอบ
เลือกตั้งวันที่ 14 เดือนหน้าเป็นเดิมพันสูง พฤติกรรมของนักเลือกตั้งมุ่งแย่งคะแนนเสียงจากคู่แข่ง นำเสนอโครงการประชานิยมถมไม่เต็ม คุยทับกัน
ทุกโครงการถูกถาม ว่าจะเอาเงินมาจากไหนเมื่อบ้านเมืองได้แต่กู้มา 7-8 ปี
หนี้สาธารณะบานมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ถ้ากู้อีกรอบก็เกือบถึง 70 เปอร์เซ็นต์ บ้านเมืองจะเข้าใกล้ความเสี่ยงสารพัด ทั้งค่าเงินบาท การสร้างรายได้
ทุกพรรคจะต้องกู้โปะงบประมาณขาดดุลอีกหลายปี ปีละ 5-6 แสนล้านบาท
ที่อิจฉาตาร้อนเก็บอาการไม่ได้ ก็ตอบโต้ด้วยคำปรามาสว่าอย่างนั้นทำไม่ได้ ต้องข้าพเจ้าเท่านั้นที่ทำได้ สั่งสอนเรื่องการทำงบประมาณ ทั้งที่ตัวเองกู้เงินตลอด
ช่วงนี้มีการทำโพล น่าเชื่อถือบ้าง ไม่น่าเชื่อบ้าง ขัดแย้งกันเองก็มี ขึ้นอยู่กับว่าเป็นโพลรับจ้างเฉพาะงานหรือไม่ โพลพวกนี้ชาวบ้านไม่ค่อยจำว่าแม่นหรือไม่
แต่ทุกโพลยังอ้างว่าลูกสาวของนายห้างดูไบยังเต็งหนึ่ง เหนือคู่แข่ง ทั้งที่ประสบการณ์ด้อยกว่าหัวหน้าพรรคหลัก นี่เป็นความพิสดารในมุมมองของชาวบ้าน
ดูแล้วช่างกระไร หญิงวัย 37 ปี ไม่มีประสบการณ์ ความสามารถพิเศษอะไร อุ้มท้องแก่เดินหาเสียงเพียง 3-4 เดือน สามารถชนะพวกเกล็ดแตกลายงา เขี้ยวลากดินได้ หลับตานึกว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ถ้าแม่นางได้เป็นหัวหน้ารัฐบาลจริงๆ
ต้องรอดูว่าแม่นางจะเป็นตัวจริงหรือไม่ เมื่อ “ตัวจริง” ล้มป่วย ให้เห็นอาการของความไม่พร้อมด้านสังขาร ช่วงนี้มีเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์เป็นตัวเต็งร่วม
ขึ้นอยู่กับว่าพรรคนายห้างดูไบจะทำให้เกิดแลนด์สไลด์จริงหรือไม่ ทุกวันนี้ยังเถียงกันอยู่ว่าตัวเลขใกล้ความจริงที่แท้นั้นระดับใด โพลหลายแห่งก็เห็นต่างกัน
ทั้งโอกาสที่จะได้ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวก็ไม่ง่าย พวก ส.ว.ฝักถั่วรอคว่ำอยู่
ความเป็นจริงที่ใครไม่อยากพูดก็คือ หลังจากเลือกตั้งแล้ว รัฐบาลใหม่จะทำให้บ้านเมืองดูดี มีอนาคตหรือไม่ การทุจริต คอร์รัปชันจะลดลงบ้างมั้ย
ถ้าเป็นเสือตัวเดิมกินยังไม่อิ่ม ก็กินต่อไป มีโครงการกินต่อเนื่องและสร้างใหม่
ถ้าเป็นเสือหิวตัวใหม่ จะเหนียมอายไม่นาน จ้องหาโอกาสได้เขมือบ จะเน้นก้อนใหญ่ ถอนทุนเร็ว บวกกำไรเผื่อว่าไปไม่รอดนาน และอาจวางเกมกินยาว
บ้านเมืองจึงดูไม่มีความหวัง เศรษฐกิจอาจดีขึ้นตามแรงเหวี่ยง ถ้าการเมืองมีเสถียรภาพ แต่การกู้เงินทุกปีอุดงบประมาณขาดดุล จะทำให้รากฐานอ่อนแอ
ชาวบ้านไม่รู้หรอกว่าพวกที่เสนอหน้ามาให้เลือกนั้น มีพวกรักห่วงใยความอยู่รอดของชาติบ้านเมืองแท้จริงกี่คน ดูแล้วตัวเต็งๆ ล้วนเป็นพวกรักชาติน้ำลายไหล