หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ
ดูเหมือนโพลจะส่งสัญญาณชัดแจ้งว่า พรรคเพื่อไทยน่าจะชนะด้วยคะแนนถล่มทลาย เมื่อดูนิด้าโพลล่าสุดแล้ว หากเป็นไปตามนั้นมีโอกาสมากที่พรรคเพื่อไทยพรรคเดียวจะได้เสียงเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนส.ส. 500 คน แต่โพลนั้นสำรวจเพียง 2,000 ตัวอย่างก็คงต้องลุ้นว่าจะเป็นไปตามนั้นไหม ในขณะที่ส่วนตัวผมนั้นคิดว่าพรรคเพื่อไทยน่าจะได้ที่ประมาณ 200 บวกลบ
แต่เมื่อไปดูนิด้าโพลบอกว่า พรรคเพื่อไทยจะได้ถึงร้อยละ 49.75 ในระบบเขตที่มี 400 คนนั้นเท่ากับว่า พรรคเพื่อไทยจะได้ส.ส.เกือบ 200คน ส่วนบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยจะได้ร้อยละ 49.85 จาก 100 คนนั่นก็เท่ากับว่า พรรคเพื่อไทยจะได้ส.ส.เกือบ 50 คนเช่นกัน หากเป็นเช่นนั้นพรรคเพื่อไทยพรรคเดียวก็จะได้ส.ส.เกือบจะครึ่งหนึ่งคือ 250 คนแม้จะไม่ถึง 310 อย่างที่พรรคเพื่อไทยคาดหวัง ก็ทำให้โอกาสในการตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากของพรรคขั้วรัฐบาลเดิมหมดลงทันที
เมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 38.20 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 2 ร้อยละ 15.75 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) อันดับ 3 ร้อยละ 15.65 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (พรรครวมไทยสร้างชาติ) อันดับ 4 ร้อยละ 9.45ระบุว่า ยังหาคนที่ เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 5 ร้อยละ 5.10 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) อันดับ 6 ร้อยละ 4.45 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) อันดับ 7 ร้อยละ 2.35 ระบุว่าเป็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) อันดับ 8ร้อยละ 1.60 ระบุว่าเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 9 ร้อยละ 1.55 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) อันดับ 10 ร้อยละ 1.40 ระบุว่าเป็น นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคชาติพัฒนากล้า) อันดับ 11 ร้อยละ 1.15 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ และร้อยละ 3.35
จะเห็นว่าอุ๊งอิ๊งนำห่างมากกว่าพล.อ.ประยุทธ์ไปมาก แถมอันดับ 1-6 มีพล.อ.ประยุทธ์แทรกในอันดับ 3 คนเดียว นอกนั้นเป็นพรรคฝ่ายค้านปัจจุบันเกือบทั้งหมดทั้งนี้รวมคุณหญิงสุดารัตน์ที่แยกตัวมาจากพรรคเพื่อไทยด้วย แม้ว่าโพลอาจจะไม่แม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ต้องบอกว่ายากแล้วที่พล.อ.ประยุทธ์จะกลับมาเป็นนายรัฐมนตรี แม้ว่าฝ่ายอนุรักษนิยมจะเลือกแบบยุทธศาสตร์คือเทให้พรรคใดพรรคหนึ่งก็ยังถือว่ายากจะชนะได้
และเมื่อดูคะแนนพรรคการเมืองที่ประชาชนจะเลือกให้เป็น ส.ส. แบบแบ่งเขต พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 49.75 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 17.40 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล อันดับ 3 ร้อยละ 11.75 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 4 ร้อยละ 5.40 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 5 ร้อยละ 2.95 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย อันดับ 6 ร้อยละ 2.70 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 7 ร้อยละ 2.60 ระบุว่าเป็น พรรคเสรีรวมไทย อันดับ 8 ร้อยละ 2.35 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 9 ร้อยละ 2.15 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ และร้อยละ 2.95 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคประชาชาติ พรรคไทยภักดี พรรคกล้า พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรคสร้างอนาคตไทย และพรรคเพื่อชาติ
เมื่อบวกคะแนนพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย แค่ 4 พรรคนี้ก็เท่ากับร้อยละ 67.05 แล้ว คิดเป็นส.ส.รวมกันถึง 268.2 คน ส่วนคะแนนบัญชีรายชื่อก็ไปในทิศทางเดียวกันคือ 4 พรรคนี้รวมกันเท่ากับร้อยละ 72.45 เมื่อเอาสองระบบมารวมกัน340.65 คน นี่ยังไม่นับพรรคในฝ่ายนี้อย่างพรรคประชาชาติที่จะได้ที่นั่งใน 3 จังหวัดใต้จำนวนหนึ่ง
หากเป็นไปตามโพลที่ว่า ก็จะเหลือที่นั่งให้พรรคอื่นนอกจาก 4 พรรคนี้เท่ากับ 159 คนเท่านั้นเอง และหากพรรคเพื่อไทยได้ตามโพลที่ว่า ก็มีความเป็นไปได้มากที่พรรคภูมิใจไทยอาจจะไม่ได้ตามที่ตัวเองคาดหมายไว้ เพราะถูกพรรคเพื่อไทยเบียดในหลายพื้นที่ ลองสังเกตดูดีๆนะครับว่า แม้บางคนอาจจะมองว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคหนึ่งที่มาแรงมีกระแสและกระสุนเยอะ แต่ในโพลต่างๆนั้นมักจะอยู่อันดับท้ายทั้งตัวพรรคและตัวนายอนุทิน
แต่อย่างไรก็ตามจำนวนมือที่จะตั้งรัฐบาลได้เมื่อรวมส.ส.และส.ว.แล้วต้องการ 376 เสียง ดังนั้นหากจะตั้งรัฐบาลได้ก็ต้องใช้เสียงมาเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง ดังนั้นเป็นไปได้ที่อาจจะมีพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมซึ่งอาจจะทำให้ได้เสียงที่ท่วมท้น เพราะอาจจะได้เสียงส.ว.ในปีกของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อีกจำนวนหนี่ง
มีการคาดการณ์กันว่า พล.อ.ประวิตรอาจจะต่อรองเพื่อขอเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าหากแกนนำอย่างพรรคเพื่อไทยไม่สามารถรวบรวมเสียงได้ถึง 376 คนแม้จะรวมกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐด้วยแล้ว แต่ถ้าไม่จำเป็นต้องพึ่งเสียงของส.ว.ก็ฟันธงว่า คนที่ทักษิณจะเลือกให้เป็นนายรัฐมนตรีก็คือ อุ๊งอิ๊ง แม้ว่าพรรคเพื่อไทยอาจจะส่ง 3 ชื่อ คือ เศรษฐา ทวีสิน และอีก 1 ชื่อที่ยังไม่เปิดเผยด้วยก็ตาม
เพราะชัดเจนว่าคะแนนนิยมวันนี้ที่นำอย่างท่วมท้นมาจากตัวอุ๊งอิ๊งที่คนจำนวนหนึ่งเห็นว่าเป็นลูกสาวของทักษิณไม่ใช่คนอื่น และทักษิณก็มีบทเรียนมาแล้วว่า การส่งคนนอกตระกูลมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นไม่สามารถสั่งอะไรได้ดังใจและต้องไม่ลืมว่า พรรคการเมืองพรรคนี้แม้จะอ้างว่าอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย แต่แท้จริงแล้วเหมือนกับพรรคของครอบครัวชินวัตร
ดังนั้นแม้เราจะไม่เห็นว่า อุ๊งอิ๊งจะมีความสามารถตรงไหนเป็นที่ปรากฏ ไม่รู้เลยว่าเธอมีความเก่งกาจอย่างไร แม้ว่าเธอจะมีประวัติด่างพร้อยในการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย แม้ว่าเธอจะเป็นลูกสาวของอดีตนายกรัฐมนตรีที่หนีคดีไปนอกประเทศเพราะทุจริตและหาประโยชน์เข้าวงศ์วานว่านเครือ แต่ถึงเวลาที่เราจะต้องเตรียมใจที่จะให้เธอมาเป็นผู้นำของประเทศในวัย 36 ปี
ฝ่ายที่เกลียดชังพ่อของเธอ เกลียดชังระบอบทักษิณ มีบทเรียนมาแล้วจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์อาของเธอ ก็ต้องทำใจยอมรับเพราะนี่เป็นระบอบประชาธิปไตยที่เสียงของประชาชนเป็นใหญ่ และถ้าจะโทษก็คงต้องโทษว่า แปดปีกว่าในรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์นั้น ไม่สามารถทำให้คนลืมระบอบทักษิณได้ และหากจะพูดกันตามความเป็นจริงต้องบอกว่า แปดปีกว่าของพล.อ.ประยุทธ์ยิ่งทำให้คนคิดถึงทักษิณและระบอบทักษิณ
ต้องยอมรับว่า แม้ทักษิณจะโกงจนศาลตัดสินแล้วและมีหลักฐานเชิงประจักษ์มากมายว่าเมื่อน้องของทักษิณเข้ามาบริหารประเทศในฐานะนอมินีการโกงก็ยังเป็นหัวใจหลักของรัฐบาลนอมินีทักษิณ จนมีรัฐมนตรีหลายคนติดคุกและน้องสาวของทักษิณต้องหนีไปต่างประเทศอีกคน แต่คนจำนวนมากยังโหยหาทักษิณ เพราะคนส่วนหนึ่งยังเชื่อว่า แม้ทักษิณและรัฐบาลของทักษิณจะโกงแต่ประชาชนก็ได้ประโยชน์ด้วย
เราไม่รู้หรอกว่า วันที่รัฐบาลอุ๊งอิ๊งขึ้นมาปกครองและนำพาประเทศของเราเธอจะสร้างประวัติศาสตร์ซ้ำรอยพ่อและอาอีกไหม แต่เราต้องทำใจที่จะอยู่กับเธอให้ได้ ถ้าเธอบริหารประเทศอย่างโปร่งใสต่างกับพ่อและอาของเธอ เธอก็คงจะสามารถอยู่ได้จนครบสมัย แต่ถ้าเธอใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลอย่างที่พ่อและอาของเธอเคยใช้ก็จะเป็นความชอบธรรมที่ประชาชนจะออกมาขับไล่อีก
และเราคงต้องรอดูว่า หากรัฐบาลอุ๊งอิ๊งมีอำนาจเธอจะพาพ่อของเธอกลับบ้านอย่างไร จะต่างกับวิธีที่อาของเธอเคยทำแล้วถูกออกมาขับไล่ไหม
ต้องยอมรับว่า ณ ตอนนี้ทั้งอุ๊งอิ๊งและพรรคเพื่อไทยมาแรงเหลือเกินจนมองไม่เห็นเลยว่า ขั้วรัฐบาลเดิมจะรักษาอำนาจเอาไว้ได้อย่างไร ดูกระแสแล้วแม้ว่าตอนนี้ฝ่ายอนุรักษนิยมจะเลือกตั้งในเชิงยุทธศาสตร์เพื่อเทให้พล.อ.ประยุทธ์คนเดียวก็อาจจะไม่ชนะด้วยซ้ำไป ก็คงต้องยอมรับว่ากว่าแปดปีที่ผ่านมานั้นไม่สามารถซื้อใจประชาชนที่ชื่นชอบระบอบทักษิณได้เลย
ถึงวันนี้ไม่ว่าใครจะชอบหรือไม่ชอบก็คงต้องเตรียมทำใจยอมรับทายาทชินวัตรคนที่สามและคนในครอบครัวชินวัตรคนที่สื่ที่จะสืบสายเลือดขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan