ฝรั่งผิวขาวในยุโรปทำสงครามกันเป็นประวัติศาสตร์ยาวนาน เป็นนักล่าอาณานิคม แย่งกันครอบครองปล้นทรัพยากรในทวีปอื่นๆ ในละตินอเมริกา แอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชีย สังหารคนท้องถิ่นไม่คำนึงถึงมนุษยธรรม ศีลธรรม อยู่เหนือกฎหมาย
ความโหดร้ายดั้งเดิมของฝรั่งนักล่าอาณานิคมได้เห็นคนอังกฤษเข่นฆ่าชาวอินเดียนแดงเมื่อกลายเป็นคนอเมริกัน ฆ่าคนอเมริกันเมื่ออเมริกาขาวประกาศอิสรภาพไม่ยอมเป็นอาณานิคมของอังกฤษสุดท้ายกลายเป็นเมืองพี่เมืองน้อง
อังกฤษเข่นฆ่าคนอะบอริจินในออสเตรเลีย ฆ่าชนเผ่าเมารีในนิวซีแลนด์
สเปนยึดหลายประเทศในละตินอเมริกาทำให้ทั่วทวีป เว้นบราซิล พูดภาษาสเปน
อังกฤษและฝรั่งเศสมีบทบาทล่าเมืองขึ้นในแอฟริกาและเอเชีย จีนก็โดนด้วย
ความโหดร้าย เอาเปรียบไม่ต้องพูดถึง ไทยรอดมาได้จากนักล่าอาณานิคมอังกฤษ
ฝรั่งเศสเพราะมีความเหนือชั้นทางการทูต ยอมเสียน้อย ไม่ยอมเสียมาก หาเพื่อนช่วย
นั่นเป็นเรื่องในอดีต แต่นักล่าอาณานิคมยุโรปยังไม่ละทิ้งพฤติกรรมเดิม ยังทำตัวเหนือชาติอื่น เป็นชาติเหยียดสีผิวอันดับต้นๆ ของโลก ไล่จากอันดับ 1 คืออังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี สเปน โปรตุเกส ฯลฯ มองผิวสีอื่นๆ ด้อยพัฒนากว่า
กรรมมีจริง ไม่มีใครสะใจเท่ากับคนอินเดียซึ่งคนเชื้อสายอินเดียเป็นผู้นำประเทศอังกฤษซึ่งเคยเอาอินเดียเป็นเมืองอย่างโหดร้าย ปล้นทรัพยากรนาน 200 ปี
ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งคนอังกฤษต้องใช้กรรม อยู่ภายใต้ความอัปยศเมื่อต้องเอาคนเชื้อสายอินเดียชมพูทวีป มีอยู่ในอังกฤษไม่ถึง 10 ล้านคน เป็นผู้นำในภาวะจำยอม
เมื่ออ้างว่าเป็นประชาธิปไตย ก็ต้องยอมรับสภาพ มีแต่สหรัฐฯ เจ้าโลกที่ยึดหลักตัวเองเป็นใหญ่ มีประชาธิปไตยแบบที่ชาติอื่นไม่มีสิทธิกำหนดรูปแบบการปกครองตัวเอง เคยต่อต้านระบอบคอมมิวนิสต์ ฆ่าคนหลายล้านคน เป็นตัวพ่อก่อสงครามเย็น
Rishi Sunak น่าจะสะใจไม่น้อย แม้ตัวเองจะเกิดในอังกฤษ แต่ยังนับถือศาสนาฮินดู คนอังกฤษผิวขาวต้องซ่อนเร้นความไม่พอใจ เมื่อระบบการเมืองทำให้คนเชื้อสายอินเดียได้เป็นผู้นำ คนผิวขาวผู้ดีอยู่ในสภาพตกต่ำหลังจากไม่รวมกับยุโรป
จากจักรภพอังกฤษ ดินแดนที่พระอาทิตย์ไม่ตกดิน ทุกวันนี้เหลือแค่ปลายเกาะอังกฤษกับประเทศในอาณานิคมไม่กี่แห่ง คนอังกฤษหลายล้านคนอยู่อย่างลำบาก
แต่ยังไม่ทิ้งพฤติกรรมเดิม เกาะกลุ่มกันอยู่ในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ มีสหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เรียกว่ากลุ่ม “ประเทศ 5 ตา”
มีผลประโยชน์ร่วมกัน และหักกับฝรั่งผิวขาวด้วยกัน เช่น สหรัฐฯ อังกฤษ ออสเตรเลีย ร่วมกันหักหลังฝรั่งเศสในโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์
เดิมออสเตรเลียสั่งซื้อจากฝรั่งเศสมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ จะช่วยอุ้มเศรษฐกิจฝรั่งเศส แต่สหรัฐฯ และอังกฤษไปแย่งมา อ้างความเป็นฝรั่งพูดอังกฤษด้วยกัน
ผู้นำฝรั่งเศสพูดอะไรไม่ออก ได้กลอกลูกตา รู้ว่าเพื่อนอเมริกาอังกฤษทำแสบ โดยแท้จริงแล้วฝรั่งเศสและอังกฤษต่างสู้รบ เหม็นขี้หน้ากันมานาน ซ่อนความเกลียดชังกันไม่ค่อยมิด แม้แต่เรื่องชิงดีชิงเด่นกันในเรื่องภาษาว่าของใครสำคัญกว่า
ช่วงนี้ Rishi Sunak เดินทางไปคารวะโจ ไบเดนที่กรุงวอชิงตัน ร่วมกับผู้นำออสเตรเลีย ถกเรื่องโครงการเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ จะซื้อเพิ่มเพื่อปิดล้อมจีน
ยุคนี้ เราได้เห็นธาตุแท้ของฝรั่งผิวขาวเมื่อรบกันในสมรภูมิยูเครนและแย่งชิงผลประโยชน์ ผู้นำประเทศยุโรปทอดทิ้งประชาชนด้วยความเกรงกลัวสหรัฐฯ เจ้าโลก
ฝรั่งรัสเซียเชื้อสายสลาฟเล่นงานยูเครนเมื่อผู้นำเลือดยิวจะเอาประเทศไปอยู่ในวงจรใต้อำนาจขององค์กรสนธิสัญญานาโต ซึ่งมีสหรัฐฯ เป็นหัวหอก ปิดล้อมรัสเซีย
คนยุโรปจะฉลาดน้อยหรือมาก พิจารณาได้จากการยอมให้ผู้นำประเทศเลิกซื้อก๊าซและน้ำมันราคาถูกจากรัสเซีย เพราะเดินตามก้นสหรัฐฯ สนับสนุนทำสงคราม ช่วยทั้งอาวุธและเงินให้ยูเครนเป็นตัวแทนทำสงครามจนโดนรัสเซียทำลายย่อยยับ 5 เมือง
ยูเครนเสียแผ่นดินไป 20 เปอร์เซ็นต์ โครงสร้างทุกอย่างพินาศ เป็นหนี้ท่วมหัว ไม่มีอนาคต อาจต้องสิ้นชาติ สิ้นสภาพถ้าพ่ายแพ้สงคราม คนยูเครนลำบากหนัก พวกฐานะดีมีเงินหนีไปหาอนาคตใหม่ในยุโรปและสหรัฐฯ เริ่มถูกรังเกียจโดยเจ้าบ้าน
ผู้นำยุโรป เชื่อฟังสหรัฐฯ แบบบ่าวกับนาย ต้องทนลำบากเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เงินเฟ้อด้วยเหตุพลังงานราคาแพง ค่าครองชีพสูง ธุรกิจใหญ่น้อยล้มละลาย
ฝรั่งอังกฤษเป็นผู้ดีตกยาก ธุรกิจบาร์ ร้านอาหารหลายพันแห่งปิดตัว สู้ค่าใช้จ่ายต้นทุนสูงไม่ไหว คนอังกฤษรายได้ลด อยู่ด้วยมาตรฐานชีวิตตกต่ำ
ผู้นำยุโรปยังยอมอยู่ภายใต้คำสั่งสหรัฐฯ แม้ประชาชนลำบาก เดินขบวนในหลายเมืองใหญ่ เรียกร้องให้ผู้นำรัฐบาลเลิกช่วยยูเครน หยุดเป็นปฏิปักษ์กับรัสเซีย แต่ทำไม่ได้ เมื่ออเมริการะเบิดท่อก๊าซใต้ทะเล ตัดขาดพลังงานจากรัสเซีย
สื่อหลักในสหรัฐฯ เยอรมนี อ้างว่าพวกสนับยูเครนระเบิดท่อก๊าซ นั่นยิ่งต้องเป็นเหตุให้ยุโรปเลิกสนับสนุนยูเครน สหรัฐฯ มีแต่ได้กับได้ โบ้ยว่าเป็นฝีมือคนโปรยูเครน แล้วขายพลังงานและอาวุธให้ยุโรป โกยเงินเข้ากระเป๋า ยุโรปต้องกู้เงินให้อยู่รอด
ฝรั่งเพื่อนกันยังหักหลังกันได้ เยอรมนี ฝรั่งเศส และชาติร่วมหุ้นในโครงการท่อก๊าซรู้ว่าเป็นฝีมือของสหรัฐฯ จากการสั่งการของโจ ไบเดน แต่เหมือนน้ำท่วมปาก พูดไม่ออก ไม่กล้าหือกับสหรัฐฯ ที่วางกำลังทหารไว้เกือบทั่วยุโรป อังกฤษก็ต้องจำยอม
ชาวยุโรปที่ทุกข์ยากลำบากเริ่มไม่ยอม เดินขบวนกดดันผู้นำรัฐบาล ต้องดูว่าใครจะไปก่อน ดูสภาพแล้วผู้นำเยอรมนี ฝรั่งเศส สาธารณรัฐเช็ก เริ่มมีอาการง่อนแง่น
จะยอมให้เศรษฐกิจประเทศตายขอเป็นลูกไล่สหรัฐฯ เจ้าโลกหรือไม่ รอดูกัน