หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ
วันก่อนดูสัมภาษณ์ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร เป็นภาษาอังกฤษ และเธอตอบคำถามแบบอังกฤษปนไทยที่ถ้าฝรั่งฟังแล้วคงจะงง ฝ่ายตรงข้ามก็เอาไปล้อกันใหญ่ ต่อไปจะพูดภาษาอังกฤษเธอคงจะเสียความมั่นใจไปมากทีเดียว หรือไม่ก็ต้องไปเข้าคอร์สเตรียมตัวกันใหม่ยกใหญ่ แต่ที่ผมไม่เข้าใจมากกว่าคือ สื่อค่ายนั้นเขาต้องการสื่อสารกับใครเหรอครับจึงต้องสัมภาษณ์เธอเป็นภาษาอังกฤษ แม้ว่าวันนี้เธอจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งก็ตาม
ต้องยอมรับความจริงว่า ถ้าอุ๊งอิ๊ง ไม่ใช่ลูกสาวของทักษิณ เธอคงจะลอยหน้าลอยตามาเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยไม่ได้ ยังดีที่ทักษิณคงจะเกรงใจผู้อาวุโสหลายคนในพรรคจึงไม่วางไว้ที่ตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่ในทางพฤตินัยอุ๊งอิ๊งก็คือคนที่ทุกคนในพรรคต้องค้อมหัวน้อมรับอยู่ดี ตอนนี้ไปขึ้นเวทีที่ไหนโฆษกของพรรคก็ประกาศว่า อุ๊งอิ๊งคือว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30
มีใครจะกล้าปฏิเสธล่ะว่านี่ไม่ใช่คำสั่งของทักษิณ น่าสนใจที่พรรคการเมืองที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยในพรรคเพื่อไทยไม่กล้าออกมาหือฮือกับคำสั่งที่สั่งตรงมาจากทักษิณเลย ยอมเป็นพระอันดับของเด็กหญิงที่ไม่ประสีประสากับการเมือง ไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมืองมาก่อนเลย ไม่มีแม้กระทั่งว่าเคยทำอะไรประสบความสำเร็จมาแล้วในชีวิตบ้าง
พรรคการเมืองซึ่งเป็นที่รวมของคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน เพื่ออาสาเข้ามารับใช้สังคมรับใช้ประเทศชาติ พวกเขาควรจะต้องตรวจสอบคนที่พรรคเสนอมาให้เป็นตัวเลือกของประชาชนด้วยความรู้ความสามารถและมีเกียรติประวัติเป็นที่ยอมรับ และคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตยด้วยแล้ว การที่จะชูใครขึ้นมาสักคนนั้นก็น่าจะต้องขอมติและความเห็นกลั่นกรองอย่างเข้มข้นร่วมกันเสียก่อน แต่กรณีของอุ๊งอิ๊งนั้นเชื่อได้เลยว่า ไม่ได้ผ่านขั้นตอนและกระบวนการเหล่านั้น
หรือถ้าจะอธิบายว่าผ่านการคัดสรรมาว่าอุ๊งอิ๊งมีคุณสมบัติที่โดดเด่นกว่าใครในพรรคไม่ใช่เพราะทักษิณสั่งมา ก็ลองอธิบายมาหน่อยสิว่าคุณสมบัติที่โดดเด่นนั้นคืออะไร
ทำไมปัญญาชนจำนวนมากในพรรคเพื่อไทย หลายคนเคยผ่านการต่อสู้เรียกร้องเพื่อประชาธิปไตย จึงยอมรับคำสั่งเผด็จการอย่างไม่กล้าทัดทานแม้แต่คำพูดเดียว มองไม่เห็นเลยหรือว่า เมื่อคราวที่ทักษิณผลักดันน้องสาวขึ้นมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยที่ไม่มีความรู้ความสามารถเลยนั้นมันสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างไร วันนี้เราจะยอมให้อุ๊งอิ๊งมาปกครองนำพาประเทศของเราเช่นนั้นหรือ
ประวัติของเธอในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็เป็นที่สงสัยและมีการสอบสวนโดยกรรมการชุดนายสุเมธ ตันติเวชกุล ในเวลาต่อมาว่า มีข้อสอบรั่ว หลังจากคะแนนสอบของอุ๊งอิ๊งเพิ่มขึ้นมาอย่างน่ามหัศจรรย์จากการสอบครั้งแรก ภาษาไทย จาก 52 เพิ่มเป็น 72 สังคม จาก 41.25 เพิ่มเป็น 67.5 ภาษาอังกฤษ จาก 64 เพิ่มเป็น 84 คณิตศาสตร์ 2 จาก 27 เพิ่มเป็น 63
แต่จริงๆ ไม่ใช่เพียงอุ๊งอิ๊งเท่านั้นลูกของทักษิณทุกคนก็มีข้อกล่าวด่างพร้อยทางด้านการศึกษา พานทองแท้ ผู้พี่ถูกจับได้ว่าพกโพยเข้าห้อง และพี่สาวพิณทองทา ก็ย้ายคณะในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์อย่างที่หลายคนงุนงง นี่ต้องนับว่า เป็นลูกไม้ที่ตกไม่ไกลต้นกันทุกคน
การฉ้อฉลในเรื่องการศึกษาของลูกทักษิณนั้นเป็นสิ่งที่มองเห็นเป็นรูปธรรมและมีหลักฐานปรากฎชัดคนที่รักทักษิณหรือคนที่เป็นลิ่วล้อในพรรคของทักษิณก็มองข้ามไปไม่ต่างกับเรื่องทุจริตของทักษิณในหลายเรื่องที่ถูกพิสูจน์ด้วยกระบวนการของศาลยุติธรรมอย่างชัดเจนแล้วว่าใช้อำนาจฉ้อฉลอย่างไรบ้างจึงต้องยึดทรัพย์และรัฐมนตรีในรัฐบาลของทักษิณและรัฐบาลยิ่งลักษณ์ต้องถูกจองจำในคุก แต่ทักษิณและยิ่งลักษณ์หนีคดีไป คนที่รักทักษิณและลิ่วล้อในพรรคของทักษิณก็แกล้งมองข้ามเช่นกัน
ถ้าลูกทั้งสามคนของทักษิณใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาทำธุรกิจสานต่อที่พ่อแม่ทำไว้ให้เรื่องเหล่านั้นน่าจะลืมๆไปได้บ้าง แต่วันนี้อุ๊งอิ๊งลูกสาวคนเล็กของทักษิณกลับได้รับการผลักดันให้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศไทย ภายใต้พรรคเพื่อไทยที่แทบจะไม่มีประชาธิปไตยในพรรคเลย อะไรที่ทำให้นักการเมืองหลายคนในพรรคที่ผ่านสังเวียนชีวิตมาอย่างโชกโชน จึงยอมจำนนศิโรราบต่อทักษิณอย่างไม่มีเงื่อนไข หรือเพราะหากอยู่ใต้ร่มเงาของทักษิณแล้วโอกาสที่จะได้เข้ามาเป็นส.ส.นั้นมีมาก แต่ถามว่าชีวิตคนเราคิดกันแค่นั้นเองโดยไม่ต้องคำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรมเหมาะสมดีงามเลยหรือ
หรือวันนี้นักการเมืองในพรรคเพื่อไทยยึดมั่นว่าการสืบทอดทางสายเลือดนั้นกลายเป็นหลักการสำคัญของฝ่ายประชาธิปไตยไปแล้ว หรือจำนนว่า พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่สืบทอดมาจากพรรคการเมืองที่ทักษิณสร้างขึ้นดังนั้นจึงยอมรับอำนาจเด็ดขาดของทักษิณคนเดียว พรรคนี้เป็นสมบัติของครอบครัวทักษิณ หรือเชื่อจริงๆ ว่า อุ๊งอิ๊งมีความสามารถเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยได้
ผมไม่ได้หวั่นไหวว่า อุ๊งอิ๊งจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อปกครองประเทศได้สำเร็จหรอกครับ เพราะเห็นแล้วว่า ด้วยเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญวางไว้นั้นยากมากที่ทักษิณจะผลักดันลูกสาวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ที่นั่งมากเป็นอันดับ 1 ก็ตาม เพราะไม่มีทางเลยที่พรรคเพื่อไทยจะสามารถรวบรวมเสียงส.ส.ได้เกิน 376 คน แต่ผมต้องการตั้งคำถามถึงคนหัวหงอกหัวดำในพรรคเพื่อไทยว่า ถ้ายังไม่สามารถเรียกร้องประชาธิปไตยในพรรคได้แล้วจะมาเรียกร้องประชาธิปไตยให้ประชาชนได้อย่างใด
ผมมองว่าคนในพรรคเพื่อไทยเป็นคนที่น่าสงสารมาก ที่ยังเหมือนเป็นทาสในเรือนเบี้ยของทักษิณ และมันน่าสมเพชมากที่พรรคนี้มีนักการเมืองที่ผ่านการต่อสู้และเรียนรู้ในระบอบประชาธิปไตยมาไม่น้อย
ยอมรับนะครับว่า ด้วยความเป็นลูกของทักษิณที่คนจำนวนมากยังคงรักและเข้าใจว่าทักษิณไม่สามารถอยู่ในประเทศไทยได้เพราะถูกกลั่นแกล้งจากอำมาตย์ ทักษิณไม่ได้คดโกงทุจริตแต่ถูกใส่ร้ายเพราะอำนาจเก่าอิจฉาที่ประชาชนชั้นล่างรักทักษิณมากกว่า หรือแม้กระทั่งพูดกันว่า นักการเมืองคดโกงกันทุกคนแต่ถึงทักษิณจะโกงแต่ประชาชนก็ได้ประโยชน์ด้วยไม่เหมือนกับนักการเมืองคนอื่น อุ๊งอิ๊งจึงมีคะแนนนำในโพลต่างๆ แม้แต่ในภาคใต้ที่พรรคไม่เคยได้รับเลือกเลยก็ยังมีคะแนนนิยมอยู่ในระดับต้นๆ
ล่าสุดนิด้าโพลสำรวจที่นครศรีธรรมราชบอกว่า อุ๊งอิ๊งมีคะแนนตามมาเป็นอันดับสองรองจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีคะแนนเหนือกว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อยู่มาก และคนนครศรีธรรมราชบอกว่าจะเลือกส.ส.เขตพรรคเพื่อไทยเป็นอันดับสองรองจากพรรคประชาธิปัตย์ แต่จะเลือกส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยเป็นอันดับหนึ่งเหนือพรรคประชาธิปัตย์ โพลของนิด้าอันนี้จริงหรือไม่หรือถูกคนนครหลอกผลการเลือกตั้งในอนาคตจะเป็นข้อพิสูจน์
แน่นอนเราต้องยอมรับถ้าหากประชาชนในประเทศนี้จะเลือกพรรคเพื่อไทยเป็นอันดับ 1 และได้รับเลือกตั้งอย่างถล่มทลายแลนด์สไลด์จนสามารถครองเสียงข้างมากทั้งสองสภาได้ นายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ก็ต้องชื่อ แพทองธาร ชินวัตรไป และทักษิณคงจะรอคอยวันนั้นเพื่อจะได้กลับบ้าน แม้ว่าทางเดียวที่มองเห็นอยู่ตอนนี้ว่า หากทักษิณจะกลับบ้านเขาก็ต้องยอมกลับมาติดคุกเสียก่อน ส่วนหลังจากนั้นเขาจะขอพระราชทานอภัยโทษหรือทำอย่างไรก็เป็นเรื่องที่จะตามมา
แต่ก่อนจะถึงวันนั้นไม่ว่าจะรักทักษิณมากเพียงใด ก็ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่า เราจะยอมให้คนที่ไม่รู้เลยว่ามีความรู้ความสามารถเพียงใด นอกจากเกิดมาจากพ่อแม่ที่ร่ำรวยและมีประวัติการศึกษาด่างพร้อยขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของเราจริงๆ หรือ เราจะยอมให้เธอมานำพาประเทศที่เป็นอนาคตของลูกหลานเราจริงๆ หรือ
ความขัดแย้งทางการเมืองตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา การต่อสู้บนท้องถนนของทุกฝ่าย ไม่ได้ทำให้ได้เรียนรู้หลักการของระบอบประชาธิปไตยเลยหรือ หรือเรารักความเป็นฝักฝ่ายมากกว่ารักชาติ เราเพียงแต่ต้องการเอาชนะคะคานกันโดยไม่สนใจว่าชัยชนะนั้นจะนำมาสู่ความสูญเสียต่อประเทศหรือไม่
ไม่หวังหรอกว่าเสียงสะท้อนนี้จะทำให้คนรักทักษิณไม่เลือกแพทองธารหรือไม่ลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย แต่อย่างน้อยให้พวกเขาได้คิดสักนิดก่อนจะลงคะแนนก็ยังดี
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan