ยังไม่ถึงกับพอหาข้อสรุปได้ชัดเจน...ว่าเหตุการณ์ตูมๆ ตามๆ ในอิหร่าน หรือเหตุการณ์ที่เครื่องบินโดรน 3 ลำบุกจู่โจมเข้าเล่นงานสถานที่สำคัญทางทหารในเมือง “Isfahan” ของอิหร่านเขา จะมีที่มา-ที่ไปในแบบไหน? อย่างไร? ดังนั้น...แม้จะเป็นเรื่องที่น่าสนใจน่าตื่นตระหนกตกใจมิใช่น้อย แต่เอาเป็นว่า...สำหรับ “ปิดท้ายสัปดาห์นี้” คงต้องขออนุญาตแวะไปดูเรื่องที่ปรึกษาด้านทหาร ด้านความมั่นคงของอเมริกา อย่างบริษัท “Rand Corporation” เขาออกมาแสดงท่าทีแปลกๆ แหม่งๆ ในกรณีความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน น่าจะเหมาะกว่า เพราะอาจถือเป็นการ “ส่งสัญญาณ” บางอย่าง บางประการ ที่อาจนำมาซึ่ง “จุดเปลี่ยน” ในแนวรบยุโรปตะวันออก หรืออาจทำให้ “สงครามยูเครน” จบเร็วกว่าที่คิดที่คาด เอาเลยก็เป็นได้...
คือบริษัท “Rand Corporation” ที่ว่านี้...ย่อมไม่ใช่บริษัทธรรมดาๆ ที่รวบรวมเอาบรรดานักคิด นักวิชาการ นักยุทธศาสตร์หรือที่เรียกๆ กันว่าพวก “Think-Tank” ทั้งหลายไปนั่งคิดโน่น คิดนี่ กันแบบเรื่อยๆ เจื้อยๆ แต่โดยประวัติความเป็นมา ต้องเรียกว่า...ถือเป็นกลุ่มก้อน องค์กร ที่ค่อนข้างมีหลัก-มีฐาน มีฤทธิ์-มีเดชอยู่พอสมควร นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว หรือตั้งแต่ปี ค.ศ. 1984 และได้รับการใช้บริการจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือ “เพนตากอน” มาโดยตลอด ในการให้คำปรึกษา ชี้แนะ ชี้นำ ต่อปัญหาด้านความมั่นคงทางทหาร ทั้งด้านลึกและด้านกว้าง โดยรัฐบาลอเมริกันในแทบทุกยุค ทุกสมัย แถมยังถือเป็นองค์กรที่ได้รับเงินสนับสนุนโดยตรงและโดยเปิดเผย จากเพนตากอนอีกซะด้วยต่างหาก...
และเมื่อไม่นานมานี้...บริษัทที่ปรึกษาที่ว่า เขาได้นำเสนอเอกสารรายงานต่อกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ โดยได้ระบุเอาไว้แบบชัดเจนและตรงไป-ตรงมาเลยว่า “Avoiding a long war : US policy and the trajectory of the Russia-Ukraine conflict” หรือเสนอให้รัฐบาลอเมริกันพยายามหาทางหลีกเลี่ยง “สงครามระยะยาว” โดยเฉพาะการที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง พัวพันกับปมปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนเอาไว้ซะแต่เนิ่นๆ...ประมาณนั้น โดยผู้นำเสนอ 2 ราย คือ “นายSamuel Charap” และ “นางMiranda Priebe” อันเป็นกลุ่มนักคิด นักวิชาการ ของบริษัทดังกล่าว...
ซึ่งถ้าหากสรุปเนื้อหาโดยรวมๆ ของเอกสารรายงานที่ว่า...ต้องถือเป็น “คำเตือน” ที่มีเหตุ-มีผล มีน้ำหนัก และมี “สติ” รองรับเอาไว้มิใช่น้อย ไม่ว่าการชี้ให้เห็นว่า เอาเข้าจริงๆ แล้ว “ผลประโยชน์” ของอเมริกากับ “ตัวแทน” อย่างยูเครนนั้น มันออกจะเป็น “คนละเรื่อง-คนละม้วน” ชนิดที่ไม่ควรถลำตัวไปตามการคุยโม้โอ้อวดของ “ตัวตลก” อย่าง “นายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้” ผู้นำยูเครนที่พยายามฉุดกระชากลากถูมหาอำนาจสูงสุดอย่างอเมริกาให้ต้องเข้าไป “มั่ว” อยู่กับปมปัญหาความขัดแย้งเหล่านี้ จนอาจถอนตัวไม่ออก ถอนตัวไม่ขึ้นเอาง่ายๆ เพราะโอกาสจะไปตั้งความหวังใดๆ กับประเทศที่แทบทุกสิ่งทุกอย่างแทบ “ราพณาสูร” ไปทั้งประเทศ ไม่ว่าเศรษฐกิจ การเมือง การทหาร แถมยากส์ส์ส์จะฟื้นฟูให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้อีก ยิ่งเป็นการตั้งความหวังว่าคิดจะยึดคืนดินแดนอาณาบริเวณที่ถูก “งาบ” หรือถูก “ผนวก” เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของหมีขาวรัสเซียเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ 4 เขต 4 แคว้นด้านตะวันออกของประเทศ ไปจนถึงแหลมไครเมียตามการคุยโม้ คุยโตของ “นายเซเลนสกี้” ก็แล้วแต่ บรรดานักคิดนักยุทธศาสตร์ของบริษัทที่ปรึกษารายนี้ เขาสรุปไว้ประมาณว่า ออกจะเป็นมุมมองประเภท “โลกสวย” หรือ “แทบเป็นไปไม่ได้” เอาเลยก็ว่าได้!!!
โดยถ้าดันไปเชื่อตัวแทน-ตัวตลก หรือดันไปตั้งความหวังแบบลมๆ-แล้งๆ ในลักษณะทำนองนี้ ก็อาจส่งผลให้ผู้สนับสนุนรายใหญ่สุดอย่างคุณพ่ออเมริกา อาจถูกชัก-ถูกลากให้ต้องเผชิญกับ “สงครามระยะยาว” ที่มีแต่ทำให้สหรัฐฯ “เสีย-กับ-เสีย” ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น โดยเฉพาะถ้าหากความพยายามกดดันรัสเซียเลยเถิดไปถึงจุดที่ทำให้หมีขาวต้องเกิดอาการ “จนตรอก” ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ตาม โอกาสที่การเผชิญหน้าโดยตรงระหว่างรัสเซียกับโลกตะวันตก อาจไปไกลถึงขั้น “สงครามนิวเคลียร์” เอาเลยก็ไม่แน่!!!
อีกทั้งโดยสภาพ “ข้อเท็จจริง” ของอเมริกาตลอดไปจนถึงบรรดาพันธมิตรยุโรปในช่วง ณ ขณะนี้ ก็ออกจะเป็นอะไรที่น่าห่วง น่ากังวล เอามากๆ แถมยังทำให้สิ่งที่อาจสำคัญเสียยิ่งกว่าการต่อสู้และเอาชนะรัสเซีย นั่นก็คือการตระเตรียมรับมือกับมหาอำนาจคู่แข่งที่กำลังผงาดขึ้นมาเบียดหลัง-เบียดไหล่อเมริกาในแทบทุกๆ ย่างก้าว หรือพญามังกรจีนนั่นเอง ยังอาจต้องเบี่ยงเบนไปเป็นอื่น ทั้งที่เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของอเมริกาอย่าง “พลเอกMike Minihan” หัวหน้าหน่วย “Air Mobility Command” ท่านเพิ่งออกมาแสดงความหวาดเสียว สยดสยอง ว่าเผลอๆ...กองทัพสหรัฐฯ อาจต้องรบกับจีนในอีก 2 ปีข้างหน้า หรือภายในปี ค.ศ. 2025 เอาเลยถึงขั้นนั้น มิหนำซ้ำแถมยังทำให้รัสเซียและจีนเกิดการผนึกตัว รวมตัว อย่างเหนียวแน่น หนุบหนับยิ่งขึ้นไปอีก...
ดังนั้น...สิ่งที่อเมริกาควรกำหนดเป็นนโยบายในระยะต่อไป ก็คือการอาศัย “เงื่อนไข” ของการเป็นผู้สนับสนุนด้านอาวุธและความช่วยเหลือแทบทุกๆ ด้านต่อยูเครนนั่นแหละ เป็นตัวตะล่อมให้ทุกสิ่งทุกอย่างจบลงใน “โต๊ะเจรจา” มากกว่าที่คิดจะ “ลากยาว” สงครามต่อไปเรื่อยๆ เพราะยิ่งยาวว์ว์ว์ออกไปเท่าไหร่ ก็ยิ่งก่อให้เกิด “อัตราเสี่ยง” ต่อ “ผลประโยชน์” ของสหรัฐฯ และพันธมิตรยุโรปยิ่งขึ้นไปเท่านั้น เผลอๆ อาจต้องเจอกับความเสี่ยงของการเผชิญหน้าด้านนิวเคลียร์ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงไปเป็นอื่นได้เลย อีกทั้งการสนับสนุนด้านอาวุธให้กับยูเครนแบบตลอดชั่วนิจนิรันดร์กาล ดังที่ผู้นำและกองทัพยูเครนเกิดความมั่นอก-มั่นใจอยู่ในทุกวันนี้ ยังส่งผลให้เกิด “ความอ่อนแอทางทหาร” ไม่ว่าทั้งต่ออเมริกาและพันธมิตรอีกด้วยต่างหาก หรือทำให้จำนวนอาวุธที่เคยสั่งสมเอาไว้ เริ่มเกิดอาการร่อยหรอ แทบไม่เหลือติดคลังยุทโธปกรณ์ไปแล้วในบางประเทศ...
ด้วยเหตุนี้...เพื่อหลีกเลี่ยง “สงครามระยะยาว” บรรดานักคิดของบริษัท “Rand” เขาเลยเสนอให้รัฐบาลอเมริกันหาทางจบสงครามโดยเร็ว ด้วยการ “รับประกันความเป็นกลาง” ให้กับสถานะของยูเครน รวมทั้งการเจรจาต่อรองถึงเงื่อนไขในการยกเลิกการแซงชั่นรัสเซียภายใน “โต๊ะเจรจา” นั่นแหละเป็นหลัก เพราะการปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างยืดเยื้อ คาราคาซัง ต่อไปไม่ใช่แต่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อ “ผลประโยชน์” อเมริกาเท่านั้น แต่อาจฉิบหายวายวอดกันไปทั้งโลกก็ว่าได้ อันนี้เลยต้องเรียกว่า...ถือเป็นมุมมองแบบตรงไป-ตรงมา ไม่ได้อาศัย “รสนิยม” เฉพาะตัวที่มักก่อให้เกิดความลำเอียงไปในข้างหนึ่ง-ข้างใด หรือถือเป็นมุมมอง เป็นข้อเสนอ ที่ค่อนข้างตั้งอยู่บนพื้นฐานของความมี “สติ” มิใช่น้อย เพราะถึงแม้รัฐบาลอเมริกันทุกวันนี้ จะกอบโกยกำไรจากการค้าอาวุธ หรือค้าแก๊สได้สักเท่าไหร่ก็เถอะ แต่โดยสถานะแห่งความเป็นมหาอำนาจสูงสุดของอเมริกา นับวันจะเสื่อมโทรม ทรุดโทรม อย่างเห็นได้ชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที...
ถึงขั้นที่ผู้รับผิดชอบด้านการเงิน-การทอง อย่างรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ “นางJanet Yellen” ต้องออกมาเอะอะโวยวายไว้เมื่อช่วงวันเสาร์ (28 ม.ค.) ที่ผ่านมา ว่าตัวเองกำลังเกิดอาการ “ประสาท” เอาเลยถึงขั้นนั้น!!! เพราะแนวโน้มที่จะเกิดความฉิบหาย วายวอด ความพังพินาศทางเศรษฐกิจระดับถึงขั้น “กลียุค” เอาเลยก็ว่าได้ อันเนื่องมาจาก “วิกฤตการเงิน” ที่อาจอุบัติขึ้นมาถ้าหากสหรัฐฯ ต้องกลายเป็นผู้ผิดนัดการชำระหนี้ หรือเพราะความยุ่งยาก หาจุดจบ จุดลงตัว กันไม่เจอ ในเรื่องการ “เพิ่มเพดานเงินกู้” อันเนื่องมาจากสภาล่างได้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของฝ่ายตรงข้ามกับพรรครัฐบาลไปเรียบร้อยแล้ว โดยการเลือกตั้งกลางเทอมที่ผ่านมา และนั่นยังไม่รวมไปถึงปัญหาเงินเฟ้อที่ยังไม่ถึงกับผ่อนคลาย ไม่ลดระดับลงมาอย่างเท่าที่ควรจะเป็น แม้จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปแล้วกี่ครั้ง กี่หนก็ตาม ตลอดไปจนปัญหาความขัดแย้งในเรื่องเผ่าพันธุ์-สีผิว รวมทั้งความรุนแรงทางสังคม ที่มีแต่แรง-กับ-แรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้สภาพเช่นนี้...ถ้า “เศรษฐกิจโลก” เกิดอาการย่อยแยก แตกกระจาย อย่างที่กรรมการผู้จัดการ “IMF” ท่านเตือนเอาไว้ล่วงหน้าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ-ยุโรป หรือเศรษฐกิจโลก ย่อมมีแต่ต้องฉิบหาย-กับ-ฉิบหาย อย่างมิอาจผันแปรไปเป็นอื่น...
การ “ส่งสัญญาณ” ของบริษัท “Rand” คราวนี้...จึงขึ้นอยู่กับว่ากระทรวงกลาโหมและรัฐบาลอเมริกัน จะเหลือ “สติ” รวมทั้ง “สตังค์” เอาไว้สักกี่มาก-น้อย โดยเฉพาะถ้าหากคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ท่านไม่ถึงกับ “เอ๋อ” ไม่ถึงกับหลงๆ ลืมๆมากมายเกินไปนักโอกาสที่บรรดาเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย อาจมีโอกาสได้เห็น “จุดจบ” ของ “สงครามยูเครน” ในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกลนับจากนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย...