xs
xsm
sm
md
lg

วิกฤตค่าครองชีพถูกลืม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




"โสภณ องค์การณ์"

 นักเลือกตั้งทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเร่งหาเสียง เตรียมสู้ศึกเลือกตั้ง ทุ่มทั้งกำลังเงินและทรัพยากรสารพัดเพื่อชนะ ได้อำนาจรัฐให้ได้ หัวหน้ารัฐบาล เสนาบดี มีเวลาไม่มากสำหรับงานหลวง ห่วงแต่ว่าตัวเองจะหลุดจากอำนาจหลังเลือกตั้ง ไม่มีใครใส่ใจว่าราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเขยิบขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่ราคาน้ำมันเพิ่ม เมื่อน้ำมันราคาลด ราคาสินค้าไม่ลดตาม


แม้แต่สินค้าบาป ไม่จำเป็นต่อการยังชีพ เช่นสุรา เบียร์ ก็ขึ้นราคา เพราะไม่ได้เป็นสินค้าต้องควบคุมราคา พ่อค้าต่างฉวยโอกาสขึ้นราคาโดยไม่มีใครจัดการ

บ้านเมืองนี้อยู่ภายไต้ระบบเศรษฐกิจทุนนิยม บางประเภทผูกขาด หรืออยู่เหนือตลาด ธุรกิจค้าส่ง ค้าปลีกอยู่ในกำมือของพ่อค้าไม่กี่กลุ่ม รับบทเป็นนายทุน สปอนเซอร์ทุนการเมืองให้ผู้มีอำนาจในรัฐบาล ทำกันอย่างไม่ต้องอายฟ้าดิน

ค่าครองชีพโดยรวมเพิ่มทุกอย่าง พร้อมกับค่าไฟฟ้า และพลังงานทุกชนิด พ่อค้าน้ำมันโกยกำไรจากค่าการกลั่น ค่าการตลาดเต็มที่ ตัวเลขแสดงให้เห็นผลประกอบการที่สร้างรายได้มหาศาล ขณะที่รายได้ประชาชนลดลง

อัตราเงินเฟ้อจริง และอัตราแฝงเร้นเขยิบขึ้นตามราคาสินค้า ขึ้นอยู่กับระดับสังคมและรายได้ของแต่ละกลุ่มประชากร กลุ่มรายได้น้อย ชักหน้าไม่ถึงหลังลำบากที่สุด คำว่าเลือดตาแทบกระเด็นก็พูดได้ในยุคนี้

จนกระทั่งยากจนเข็ญใจ สิ้นไร้ไม้ตอก กลุ่มคนรากหญ้าป่าคอนกรีตและรากหญ้าชนบทอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะมีรายได้หรือไม่ก็ตาม

 ผู้กุมอำนาจรัฐอ้างว่า “วิกฤติเศรษฐกิจเป็นเหมือนกันทุกประเทศทั่วโลก”

 แต่การเอาใจใส่ แก้ไขปัญหาต่างกัน ทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อแก้ไขปัญหาก็ต่างกัน ในบ้านเราการใช้เงินงบประมาณแก้ไขปัญหาให้ประชาชนถือว่าเป็นโอกาสทอง

 เป็นช่วงจังหวะของการแสวงหาผลประโยชน์ ลาภลอย นั่นคือการมีส่วนแบ่ง เงินทอนจากเงินงบประมาณ ข่าวฉาวถึงการทุจริต คอร์รัปชั่นจึงมีโดยตลอด

พวกที่ไม่ได้ส่วนแบ่งจากเงินทอนโครงการต่างๆ ก็รีดไถประชาชนในรูปแบบแล้วแต่โอกาส ช่วงนี้กลุ่มสีกากีตกเป็นข่าวฉาว ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดเมื่อค่าครองชีพสูง ทำงานนอกเวลา บริการนักท่องเที่ยวอย่างที่เป็นเรื่องน่าอายขณะนี้

พวกตั้งด่านรีดไถนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอย่างที่ประจานกันอยู่ ยิ่งน่าอาย

ข่าวโด่งดังเรื่องพฤติกรรมมาเฟียหากินโดยใช้อำนาจ อิทธิพล ไม่ยำเกรงกฎหมายบ้านเมืองไม่ใช่เรื่องใหม่ มาเฟียต่างชาติทำมาหากินนานแล้วในประเทศไทย เพียงแต่ส่วนใหญ่เล่นงานพวกชาติเดียวกัน ไม่ยุ่งกับคนท้องถิ่น กลัวมีปัญหา

เรื่องที่คาใจชาวบ้านก็คือ ท่านห้าวเป้งแปดเปื้อนเป็นผู้กำกับดูแล บังคับบัญชางานตำรวจทำตัวเหมือนทองไม่รู้ร้อน หรือขยับปากพูดบางครั้งเหมือนโหนกระแส ถ้าโดนถามไล่จี้หนัก เกี่ยวโยงกับหลานชาย ก็ทำเป็นโมโหโทโส สวมบทยักษ์พิโรธ

นั่นเป็นลีลาเฉไฉไขสือ โบ้ยบ้ายตามสไตล์น้ำเน่าผู้สื่อข่าวทนมาตลอด

การไม่แก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง แต่ยังอยากอยู่ต่อในอำนาจท่ามกลางความเบื่อหน่ายของชาวบ้านคนห่วงใยความอยู่รอดของบ้านเมือง ท่านห้าวเป้งแปดเปื้อนไม่มีคำอธิบายให้ชาวบ้านได้รู้ แต่ชาวบ้านเชื่อว่าถ้าอยู่ต่ออีก บ้านเมืองไร้อนาคต

สภาวะในบ้านเมืองล้าหลัง เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในระนาบเดียวกัน
อยู่มา 8 ปีกว่าโครงสร้างการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ศีลธรรม จริยธรรม คุณธรรม ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไม่เหลือ กระบวนการยุติธรรมไร้ความน่าเชื่อถือ องค์กรอิสระบางแห่งเป็นเครื่องมือทางการเมือง บางแห่งเหมือนองค์กรอาชญากรรม

ท่านห้าวเป้งแปดเปื้อนไม่รู้สึกว่าเป็นหน้าที่ต้องจัดการ อย่างมากก็พ่นแต่คำว่าได้กำชับเจ้าหน้าไว้แล้ว เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องแก้ไขปัญหา

ไม่ต่างจากการผายลมทางปากแต่ประการใด ไร้น้ำหนัก ความน่าเชื่อถือ

สิ่งที่ชาวบ้านทนไม่ได้คือท่าทางคำพูดยโสโอหัง ลำพองในอำนาจ ไร้มธุรสวาจา ทำตัวเหมือนเทวดาเดินดินเห็นชาวบ้านเป็นขี้ข้าบริวาร ทั้งที่มีความสุขกับเงินภาษีประชาชนและรายได้จากแหล่งอื่นที่ไม่เปิดเผย เพราะอำนาจเปิดทางให้

 ค่าไฟแพงเพราะซื้อจากเอกชนเกินความต้องการ แต่เก็บเงินจากชาวบ้าน ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นอิงสิงคโปร์ มีค่าใช้จ่ายไม่เป็นจริง ราคาก๊าซอิงจากตะวันออกกลาง บวกค่าขนส่งประกันภัย ทั้งที่ก๊าซอยู่ไต้ผืนดินไทย ไม่ชั่วร้ายจริงทำไม่ได้อย่างนี้

ประชาชนคนไทยเหมือนอยู่ในสภาพกบต้ม กบเลือกนาย ไม่เห็นอนาคต เมื่อระบบการเมืองปิดช่องไม่ให้คนดีเข้ามาได้อย่างสะอาด นักเลือกตั้งต้องใช้เงินมหาศาลใช้จ่ายทั้งซื้อเสียง ฟากรัฐบาลก็ใช้กลไกข้าราชการ หน่วยงานรัฐเอื้อให้

ฝ่ายเสนาบดีแทบจะไม่ต้องห่วงงานประจำ หาช่องทางออกไปหาเสียงโดยใช้เวลาและงบราชการ ออกเยี่ยมชาวบ้าน ตรวจงาน ทั้งที่ไม่เคยทำในยามปกติ

การเมืองปกติจึงไม่ใช่เป็นทางออกถ้ายังมีคนหน้าเดิมๆ อยู่อย่างนี้ ไม่ใช่การรัฐประหารที่ทำมาเพื่อสร้างความมั่งคั่งอย่างทุกกลุ่ม ความหวังอยู่ที่ “คนนอก” ที่จะต้องมีสถานการณ์และความร่วมมือของบางพรรคการเมืองทำให้เกิดขึ้น

 นั่นเป็นความหวังเดียวที่จะให้บ้านเมืองพ้นจากกลุ่มกังฉิน จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับพรรคที่จะชนะอันดับ 1


กำลังโหลดความคิดเห็น