xs
xsm
sm
md
lg

ทางเลือกของประชาชน กับความยากที่จะหานักการเมืองที่ดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ


ใกล้ถึงวันเลือกตั้งครั้งใหม่ อย่างช้าที่สุดก็ไม่เกินวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 แต่ถ้ายุบสภาก็จะเร็วกว่านั้น เพราะกฎหมายกำหนดให้เลือกตั้งหลังยุบสภา 45-60 วัน ถึงวันนี้นักการเมืองส่วนใหญ่ไม่ทำงานกันแล้ว ไม่ลงไปหาเสียงในพื้นที่ก็วิ่งหาพรรคใหม่สังกัด ทำให้สภาล่มอยู่เป็นเนืองนิจ

โดยหลักการของพรรคการเมืองแล้วเป็นที่รวมตัวของคนที่มีความคิดและอุดมการณ์ไปแนวทางเดียวกัน แต่นักการเมืองไทยอยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์นั้นสามารถย้ายออกจากพรรคที่มีอุดมการณ์ฝั่งหนึ่งไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งได้ หรือถ้าพรรคของตัวเองตกต่ำก็พร้อมวิ่งไปหาพรรคใหม่ที่มีแนวโน้มว่าจะมีโอกาสมากกว่าสังกัด หลายคนใช้การย้ายสังกัดพรรคเป็นการสร้างรายได้ ว่ากันว่าส.ส.เกรดเอนั้นมีมูลค่าหลายสิบล้านบาท ถ้าซื้อยกจังหวัดมาเป็นทีมก็จะมากขึ้น การเมืองไทยจึงเป็นเรื่องของผลประโยชน์อย่างเดียว

 อยากจะให้มีกฎหมายนะครับว่า ถ้านักการเมืองสังกัดพรรคการเมืองไหนแล้วจะย้ายสังกัดพรรคต้องทิ้งเวลาไปสัก 5 ปีเกิน 1 สมัยของการเลือกตั้ง เพื่อป้องกันนักการเมืองขายตัวเอาเงินแลกกับการเข้าสังกัดพรรค ใครจะย้ายพรรคก็ต้องคิดมากเพราะกว่าจะครบ 5 ปีทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแล้ว ยังช่วยให้นักการเมืองต้องคิดให้ดีเสียตั้งแต่ต้นว่าจะเข้าพรรคไหนที่มีอุดมการณ์ตรงกับตัวเองจริงๆ และจะอยู่พรรคนั้นได้นาน ถ้าทำอย่างนี้ได้ก็ช่วยให้พอใกล้จะหมดสมัยแบบนี้สภาไม่ล่มอย่างที่เป็นอยู่ เพราะเรื่องย้ายพรรคเป็นเรื่องยาก

แล้วถ้านักการเมืองขายตัวสิ่งที่ตามมาก็คือพรรคที่เอาเงินไปซื้อตัวนักการเมืองต้องหาประโยชน์เมื่อเข้ามามีอำนาจ

ลองคิดดูว่าทุกวันนี้การทุจริตแผ่กระจายไปทุกขุมขนของสังคมไทย ข้าราชการต้องวิ่งหาเงินเพื่อแลกกับตำแหน่ง หรืออย่างน้อยต้องวิ่งหาพวกที่มีเส้นสายนักการเมืองไม่เช่นนั้นแล้วจะไม่มีวันเติบโตในทางราชการ โดยเฉพาะตำรวจด้วยแล้วถ้าไม่มีเงินไม่มีพวกก็จมปลักอยู่ในตำแหน่งเดิมค่อยๆ คลานขึ้นมาเป็นเต่า ไม่มีวันเผยอหัวขึ้นมาได้เลย เมื่อข้าราชการเป็นแบบนั้นนักการเมืองก็ยิ่งไม่ต่างกันลองคิดดูว่าถ้าพรรคการเมืองใช้เงินซื้อส.ส. และนักการเมืองที่ซื้อเสียงเข้ามาในสภาแล้วพวกเขาจะไม่ถอนทุนหรือ

ความจริงคำถามแบบนี้ไม่ต้องถามหรอก เพราะเมืองไทยนั้นทุจริตกันตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ตั้งแต่ข้าราชการทุกระดับมาจนถึงนักการเมืองที่เข้ามาคุมนโยบายคอยกำกับสั่งการข้าราชการอีกที ส่งผลประโยชน์กันขึ้นมาเป็นทอดๆ

 แต่เราก็โทษนักการเมืองไม่ได้ทั้งหมด เพราะประชาชนนั่นแหละที่เป็นคนเลือกนักการเมือง บางคนเลือกด้วยอามิสสินจ้างรับเงินเขามาแล้วกลัวบาปบุญเพราะรับเงินมาแล้วก็ต้องลงคะแนนให้ บางคนบอกว่าใครให้มาก็รับแต่ไม่เลือกแบบนี้ก็ไม่ได้ต่างกันตรงไหน เพราะเป็นการเพิ่มต้นทุนให้นักการเมืองกลับไปหาผลประโยชน์ทีหลังเหมือนกัน บางคนเลือกเพราะเป็นพวกอยู่ใต้ระบบอุปถัมภ์แม้รู้ว่าคนที่เลือกนั้นไม่ได้ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาตินอกจากแสวงหาประโยชน์ให้ตัวเอง บางคนเลือกเพราะบรรพบุรุษเลือกพรรคนี้มาตลอดโดยไม่ได้มองว่าพรรคนี้ได้ทำประโยชน์ให้กับสังคมหรือเปล่า

นักการเมืองหลายคนไม่ได้ทำอาชีพอื่นแต่เล่นการเมืองอย่างเดียวก็มีเงินหลายร้อยล้านบาท ถามว่าจะเอาเงินมาจากไหนล่ะถ้าไม่ใช่ผลประโยชน์ที่มิชอบ เพราะเงินเดือนนักการเมืองแม้จะมากอยู่เมื่อเทียบกับรายได้ของคนทั่วไป แต่ยังไงก็ไม่น่าทำให้รวยขึ้นได้ เพราะนักการเมืองจะมีรายจ่ายมาก นักการเมืองบางคนแกล้งจนแต่เอาเงินไปฝากไว้กับคนอื่น

นักการเมืองไทยจึงไม่มีหลักการอะไร มีแต่คำกล่าวอ้างให้สวยหรูทั้งนั้น ไม่ว่านักการเมืองฝ่ายไหน เราไม่มีนักการเมืองฝ่ายเทพและมารจริงๆ หรอก เพราะเขี้ยวลากดินพอๆ กันหมด บ้านเราไม่มีนักการเมืองที่มีชุดความคิดเป็นอุดมการณ์อนุรักษนิยม เสรีนิยม หรือสังคมนิยมหรอก เรามีแต่นักการเมืองที่ตั้งอยู่บนผลประโยชน์และพร้อมจะฉ้อฉลถ้ามีอำนาจ

แต่ช่วงเกือบสองทศวรรษที่ผ่านมา เมื่อมีประชาชนกลุ่มหนึ่งออกมาขับไล่นักการเมืองที่ใช้อำนาจอย่างฉ้อฉล นักการเมืองที่ถูกขับไล่ก็ใช้ประชาชนในฝั่งตัวเองเป็นเครื่องมือในการมาปะทะกับประชาชนอีกฝ่าย จนทำให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกทางความคิดในสังคม ทั้งๆ ที่จริงแล้วไม่ว่านักการเมืองฝั่งไหนก็มีอำนาจแล้วฉ้อฉลเหมือนกัน แทนที่ประชาชนจะเป็นคนคอยตรวจสอบนักการเมืองที่เข้ามามีอำนาจไม่ว่าฝ่ายไหน กลับกลายเป็นเครื่องมือของนักการเมืองและเกราะกำบังให้นักการเมืองทุจริต

เพราะเมื่อนักการเมืองฝ่ายที่ตัวเองเข้ามาบริหารประเทศก็จะหลับหูหลับตาเชียร์ไม่ว่านักการเมืองฝ่ายตนจะทำอะไรก็ดูดีและถูกต้องไปทั้งหมดเป็นอย่างนี้กันทั้งสองฟากฝั่งทำให้นักการเมืองใช้ประโยชน์จากการที่มีประชาชนเป็นเกราะกำบังของตัวเองคอยเชียร์คอยพิทักษ์คอยแก้ต่างอำพรางในสิ่งที่ไม่ชอบ เพราะถือว่ามีมวลชนของตัวเองเป็นผู้สนับสนุน

 วันนี้คนที่เชียร์พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มองเห็นแต่สิ่งที่ดีจากพล.อ.ประยุทธ์ คนที่สนับสนุนทักษิณก็ชื่นชอบทุกสิ่งที่ทักษิณทำ เมื่อคนที่ตัวเองชอบทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็มองข้ามไป หรือคอยแก้ต่างๆให้ด้วยซ้ำไป การแตกความสามัคคีของประชาชนเช่นนี้เองที่กลายเป็นเหยื่ออันโอชะของนักการเมือง

วันนี้หลายคนถูกทำให้เชื่อว่านักการเมืองฝั่งหนึ่งเป็นฝ่ายประชาธิปไตย นักการเมืองฝั่งหนึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนเผด็จการ แต่ไม่ได้ดูเลยว่าในพรรคที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยนั้นแท้จริงเป็นประชาธิปไตยจริงไหม เพราะแม้แต่ในบางพรรคก็มีคนคนเดียวคอยสั่งการ ใครจะเป็นอะไรในพรรคใครจะเป็นรัฐมนตรีก็เป็นเรื่องของคนเพียงคนเดียว แล้วอย่างนี้จะเป็นประชาธิปไตยไหม

นักการเมืองบางคนดีแต่ปากพูดเอาดีใส่ตัว แต่มีอำนาจแล้วก็ไม่ได้ทำประโยชน์ให้กับสังคม คนบางคนบางภาคเลือกนักการเมืองพรรคเดียวมาทั้งชีวิตไม่ว่าเขาส่งใครมาลงก็เลือก ไม่ได้ดูหรอกว่าคนที่เขาส่งมานั้นมีความรู้ความสามารถมีความประพฤติปฏิบัติตนอย่างไร จนกระทั่งมีคำกล่าวที่ว่าเขาส่งเสาไฟฟ้าลงมาก็เลือก บางคนโทษพรรคนั้นพรรคนี้ว่าไม่เคยทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ แต่เวลาตัวเองมีอำนาจก็ไม่ได้ทำเหมือนกัน

พรรคการเมืองไทยนั้นจริงๆ แล้วมีชุดความคิดที่ไม่แตกต่างกันหรอก มีเป้าหมายเดียวกันคือ มีส.ส.ให้ได้มากไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม จากนั้นเข้าไปมีอำนาจแล้วหาผลประโยชน์ ยังไม่เคยเห็นพรรคไหนเลยที่เป็นที่รวมกันของคนที่มีอุดมการณ์และมีความคิดที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติจริงๆ ถ้าใครคิดว่ามีพรรคการเมืองไหนก็ลองเอ่ยชื่อมาสักพรรค หรือมีนักการเมืองคนไหนก็ลองเอ่ยชื่อมาสักคน

 นักการเมืองที่ไม่มีผลประโยชน์ก็คือนักการเมืองที่ยังไม่มีอำนาจนั่นเอง

แต่นั่นแหละเราปฏิเสธระบอบประชาธิปไตยไม่ได้ เพราะใครต่อใครกล่อมเกลาเราว่าเป็นระบอบที่ดีที่สุด แม้วันนี้จะมีคำถามว่าจริงหรือ ทำไมระบอบแบบจีนจึงทำให้ประเทศมั่งคั่งได้ และทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีได้ แล้วก็เวลาใครที่จะประชดประเทศไทยก็มักจะบอกว่าวันนี้ประเทศไทยกำลังจะล้าหลังเวียดนามอีกไม่กี่ปีเวียดนามจะแซงหน้าไทย แต่คงลืมไปว่าเขาปกครองแบบคอมมิวนิสต์ซึ่งสะท้อนว่าเขาเจริญได้โดยที่ไม่มีนักการเมือง

ใกล้เลือกตั้งแล้วผมไม่กล้าบอกหรอกว่าเราควรจะเลือกนักการเมืองคนไหนหรือพรรคไหน แต่อยากจะให้เราลองเลือกออกจากความคิดและค่านิยมเดิม ไม่มองใครมาจากพรรคเทพหรือมาร แต่มองว่าคนๆนั้นเป็นคนดีมีความสามารถและน่าจะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้ อย่าเลือกพรรคการเมืองและนักการเมืองที่เข้ามามีประวัติในการฉ้อฉล หรือเลือกคนที่รวยมาจากการทุจริตคอร์รัปชั่น คนที่เล่นการเมืองมาตลอดชีวิตแล้วร่ำรวยโดยไม่มีธุรกิจอื่นให้เชื่อไว้เลยว่าได้ทรัพย์สินมาโดยมิชอบ อย่าเลือกนักการเมืองที่ดีแต่เอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น

พรรคการเมืองและนักการเมืองที่ไม่ควรเลือกเช่นกันก็คือ พรรคการเมืองที่มีความมุ่งหมายที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นสังคม สร้างแต่ประเด็นสที่นำไปสู่มิคสัญญี พรรคการเมืองที่ลืมรากเหง้าประวัติศาสตร์และความเป็นชาติของตัวเอง

พูดแบบนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีคนดีเหลือให้เลือกไหม การมองหาคนดีที่เพรียบพร้อมเสียสละเพื่อสังคมมันยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรจริงๆ

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น