"โสภณ องค์การณ์"
มหกรรมเปิดตัวท่านแปดเปื้อนอย่างเอิกเกริกผ่านไปแล้ว มีมวลชนนั่งรถบัสมาหลายคันโดยการจัดการของนักเลือกตั้งขาใหญ่ย่านตะวันออก แน่นอนย่อมมีค่าเมื่อยในการนั่งรถและต้องเล่นบทเชียร์ นั่งฟังคนพล่าม โว โม้ บ้า หลายชั่วโมง
มาแล้วได้ 1 ใบใหญ่ ดีกว่าอยู่บ้านเปล่าๆ เศรษฐกิจอย่างนี้เงินทุกบาทย่อมมีความหมาย ไม่ต่างจากแต่ละคะแนนให้นักเลือกตั้ง กกต. ไม่ให้สูญเปล่า
ถ้ามีมากพอ 2-3 หมื่นเสียง ได้ทำให้นักเลือกตั้งแจ้งเกิดแบบปัดเศษมาแล้ว
เงินพันในกระเป๋าคนไม่มีรายได้ย่อมน่าพิสมัย เท่ากับค่าแรงขั้นต่ำ 3 วัน ดังนั้นการจัดฉากให้ดูสวย มีมวลชนสวมเสื้อเป็นแนวสลับสีธงชาติจึงไม่ต้องอธิบายว่าเป็นการจัดขบวนมาเพื่อความสวยงาม สร้างความประทับใจให้ท่านแปดเปื้อน
ถึงกับอุทานว่า “พ้มไม่เคยพบปะกับประชาชนมากขนาดนี้มาก่อน จึงตื่นเต้น” โฮ่ย! ที่ผ่านมา มวลชนยากไร้ตากหน้ามาทำเนียบขอพบท่านแปดเปื้อน ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้า ยิ่งเป็นพวกที่ไม่ชอบขี้หน้ามาขับไล่ ก็ได้เห็นแค่ตู้คอนเทนเนอร์ตั้งสูง 2 ชั้น
อยู่ในกลุ่มเจ้าสัว หน้าตาแดงระเรื่อ กลิ่นความมั่งคั่งแรงแทบสำลัก มันสบายใจกว่าอยู่กับกลุ่มรากหญ้า ยากไร้ มีชีวิตแทบรากเลือก มีแต่ขอนั่นนี่โน่น ต้องจัดโครงการประชานิยมถมไม่เต็มให้ตลอด เพื่อให้ชาวบ้านไม่คิดจะด่า
งานตัวหวือหวา จัดฉากเต็มรูปแบบ แต่เหมือนไฟไหม้ฟาง วูบเดียวหาย ทั้งยังไม่ได้สร้างความประทับใจอะไรกับการขึ้นเวที นอกจากคำหวานกลวงๆ สัญญาลมๆ แล้งๆ คำหวานไร้ความจริงใจ แม้คำพูดที่ว่าทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ก็ยังดูโพย
น่าสงสัยว่าไม่คุ้นหรือซึ้งกับคำว่าซื่อสัตย์ สุจริต ที่ผ่านมาต้องประกาศสงครามกับการทุจริต คอร์รัปชั่นปีเว้นปี สะท้อนให้เห็นว่าไม่ได้เรื่อง เป็นแค่คุยบนเวที
งานเปิดตัวท่านห้าวเป้ง เจ้าของฉายา “แปดเปื้อน” จึงเป็นงานกระตุ้น ดูค่าใช้จ่ายเยอะอยู่นะ ไม่รู้ว่าใครควักกระเป๋า ค่าหัวละพันก็ไม่ธรรมดา
นี่เป็นการลงทุนทางการเมือง ใครก็ทำกัน มีทั้งพลังดูดและตกปลาในบ่อเพื่อนเพื่อเอาชนะใจนักเลือกตั้งพอมีราคาและโอกาสชนะ ดังนั้นต้องจ่ายแพง แย่งกับคนอื่น
ท่านแปดเปื้อนปราศรัยก็งั้นๆ ไม่ต่างจากการไปพบปะกับพี่น้องรากหญ้าต่างจังหวัดที่มีคนจัดตั้ง ซ้อมปรบมือ ก่อนร้องเชียร์ “ลุงตู่สู้ๆ” หรือ “ลุงตู่อยู่ต่อ” โดยไม่ยอมขยายความว่าจะอยู่เพื่ออะไร แก้ปัญหาที่ตัวเองและพวกสร้างไว้งั้นหรือ
อยู่บนเวทีคราวนี้ท่านแปดเปื้อนออกลีลาใหม่ อ้างว่า “อยู่เพื่อให้ประเทศไทยไปต่อ” แต่ก็ไม่บอกว่าจะไปไหน ไปอย่างไร และจะมีอะไรขับเคลื่อนให้เดินหน้า
สภาพของรัฐบาลถังแตก ก็เหมือนรถยนต์ยางแตก ต้องเปลี่ยนยาง ถ้าคนขับไม่ดีต้องเปลี่ยนคนขับ ก่อนที่จะพาผู้โดยสารไปลงเหวเพราะไม่เป็นงาน
คำประกาศว่าจะได้ผู้แทนเข้าสภามากถึงร้อยนั้นดูเวอร์มาก ผู้สังเกตการณ์ประมาณว่าเอาแค่ให้ได้ 25 เสียงก็น่าจะหืดจับแล้ว เพราะพวกเห็บเหาประชาธิปไตยที่ดูดเข้ามานั้นไม่ใช่พวกที่เคยประสบความสำเร็จทั้งหมด มีพวกไม้ตายซากด้วยซ้ำ
ดังนั้นการขึ้นเวทีประกาศศักดา จึงเหมือนกับเป็นการปลอบใจพวกกันเดียวกัน ในใจต่างก็รู้ว่าศึกเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องลงทุนเยอะ และท่านแปดเปื้อนก็ไม่ใช่จุดขายหลัก มีแต่พวกติ่งไต้ตม หรือพวกนิยมคติพจน์ “เงินไม่มา กาไม่เป็น”
คืนหมาหอนไม่มีเหมือนเดิม ต้องตกเขียว จ่ายก่อน ซื้อใจล่วงหน้า พร้อมเกทับราคาที่คู่แข่งเสนอให้ ทุกค่ายจึงต้องเตรียมกระสุนเสริมกระแสให้เพียงพอ
พรรคท่านแปดเปื้อนจะต้องขับเคี่ยวกับคู่แข่ง การเป็นพรรคใหม่ มีนักเลือกตั้งมาจากหลายค่ายจึงเป็นเหมือนพรรคเฉพาะกิจ ไม่ต่างจากพรรคลุงป้อมพี่ใหญ่ ที่ต้องเสียลูกพรรคไปให้ค่ายวัคซีนกัญชา ซึ่งฮึกเหิม ประกาศว่าจะได้ระดับยี้ห้อยร้อยยี่สิบ
ประกาศอีกด้วยว่า “หนู” ที่เคยช่วยราชสีห์ ครั้งนี้พร้อมจะเป็นนายกฯ
ความฝันห้ามกันไม่ได้ ทุกคนมีสิทธิ์ฝัน แต่จะให้เป็นจริงหรือไม่อยู่ที่ความสำเร็จ โชควาสนาและโอกาส รวมถึงปัจจัยอื่นๆ อีกที่ไม่สามารถควบคุมได้
พรรคของท่านดูไบก็คึกจัด คุยว่าจะได้กว่า 200 ขึ้นไป คำว่าแลนด์สไลด์ไม่มีใครเอ่ยบ่อยเหมือนแต่ก่อนเพราะรู้ว่าศึกครั้งนี้ไม่ธรรมดา เดิมพันสูง ถ้าได้ต่ำกว่า 200 ไม่มีโอกาสชนะพรรค สว. ที่พร้อมจะเทคะแนนให้ลุงป้อมหรือท่านแปดเปื้อนส่วนหนึ่ง
ท่านแปดเปื้อนฝันไกลกว่าใคร ข่าวแว่วว่าหวังจะแก้ไขรัฐธรรมนูญปลดล็อกข้อห้าม 8 ปี จะอยู่ต่อให้อีกนานแสนนาน ถ้าชาวบ้านเลือก การเสพติดอำนาจยังแรง
พรรคเกิดใหม่ มีคนหน้าเดิมพยายามจับมือกัน ร่วมสู้กับพรรคใหญ่ หวังว่าจะมีที่ยืนในสภา แต่ยังติดว่าใครจะเป็นคู่ชิงเก้าอี้นายกฯ เรื่องพรรค์นี้ยอมกันง่ายไม่ได้
ค่ายสะตอยังพยายามปลอบใจตัวเองว่ามีหวังได้เยอะกว่าเดิม โดยไม่มีพื้นฐานให้ประเมินว่าจะไปถึงจุดนั้นได้อย่างไรท่ามกลางสภาพที่เลือดไหลไม่หยุด ทั้งจุดขายก็ไม่มี ที่ผ่านมาชาวบ้านจำได้แต่เรื่องพิสดารโยงหน้ากากอนามัยและถุงมือยาง
ดูแล้ว ใครจะมาก็ตาม โอกาสที่บ้านเมืองจะดีขึ้น ยังคงยาก การขาดดุลงบประมาณ หนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะ ค่าครองชีพสูงเพราะพลังงานแพงยังไม่มีใครแก้ไข ความเกรงใจนายทุน กลุ่มธุรกิจใหญ่ทำให้ผู้กุมอำนาจรัฐยอมสยบ
อย่างที่เคยว่าไว้ การเมืองน้ำเน่าบ้านเราคนดีเข้าไม่ได้ อนาคตของประเทศนี้อยู่ได้อย่างไรขึ้นอยู่กับว่ากลุ่มที่จะมากุมอำนาจใหม่จะเขมือบมากหรือน้อย
หน้าเดิมหรือหน้าใหม่ ไม่ต่างกัน ต้องถอนทุน บวกกำไร ดูหน้าแต่ละคนแล้วถ้าต้องพูดคำว่า “ซื่อสัตย์สุจริต” ต้องดูโพย เพราะดูแล้วโหงวเฮ้งโจรแรงมาก