หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ
ผมเคยเขียนและฟันธงไปแล้วว่า โอกาสที่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานั้นริบหรี่มาก หรือจะพูดตรงไปว่าไม่มีโอกาสเลยก็ว่าได้ เพราะผมเชื่อว่า พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลและพรรคประชาชาติจะต้องมีส.ส.รวมกันมากกว่า 250 คนคือเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนส.ส. 500 คน ซึ่งเท่ากับจะปิดโอกาสอีกฝั่งให้ตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้
ณ เวลานี้ผมก็ยังเชื่ออย่างนั้น
หรือถ้าจะดึงดันกันตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยโดยอาศัยเสียงส.ว.เพื่อรวบรวมเสียง 2 สภาได้เกิน 376 คน แม้จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็บริหารประเทศไม่ได้
ดังนั้นถ้าถามว่าโอกาสของพรรคร่วมรัฐบาลเดิมจับมือกันตั้งรัฐบาลกลับมาบริหารประเทศอีกหมดแล้วใช่ไหม ณ ตอนนี้ผมเชื่อว่าหมดแล้ว คำตอบของบทความนี้ก็น่าจะจบลงแค่นี้ไม่ต้องสาธยายต่อไปอีก
แต่ถึงตอนนี้คนที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ที่ออกมาส่งเสียงเชียร์ “ลุงตู่สู้ๆ” ในวันเปิดตัวเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ต่างก็ยังคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์จะยังมีความหวังที่จะกลับมา ทั้งๆ ที่ทางที่กลับมานั้นมีทางเดียวคือ พรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้ยังจับมือกันกลับมาตั้งรัฐบาลอีกและต้องมีเสียงรวมกันเกิน 250 คน ผมก็ต้องสาธยายต่อไปว่าโอกาสที่ว่านั้นน้อยมากอย่างไร
ต้องยอมรับนะครับว่า พรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐนั้นสู้อยู่บนฐานเสียงเดียวกัน ในครั้งที่แล้ว พรรคพลังประชารัฐได้ 116 คน พรรคประชาธิปัตย์ได้ 53 คน ครั้งนี้พรรคพลังประชารัฐจะต้องได้ส.ส.น้อยกว่าเดิมแน่ เพราะส.ส.แตกกระเจิงไปหลายพรรคทั้งไปพรรคภูมิใจไทย ไปพรรครวมไทยสร้างชาติ และกลับไปพรรคเพื่อไทย
เสียงของพรรคพลังประชารัฐจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วที่ชูพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นครั้งที่แล้วผู้สมัครหลายคนเป็นพวกที่ดึงตัวมาจากพรรคเพื่อไทย ครั้งนี้มีแนวโน้มสูงมากที่จะมีส.ส.ย้ายกลับไปพรรคเพื่อไทยเพิ่มอีกนอกจากที่แสดงตัวออกมาแล้วตอนนี้ โดยเฉพาะส.ส.กลุ่มสามมิตรที่ตอนนี้ยังนิ่งเฉย ชัดเจนว่า ไม่น่าจะไปพรรครวมไทยสร้างชาติกับพล.อ.ประยุทธ์แน่ เพราะถ้าไปคงจะแสดงตัวแล้วตั้งแต่ตอนนี้ แต่เป็นไปได้สูงมากว่ากลุ่มสามมิตรจะย้ายกลับพรรคเพื่อไทย
ดังนั้นจึงมีคำถามว่าพรรครวมไทยสร้างชาติของพล.อ.ประยุทธ์ล่ะจะได้ส.ส.มากเช่นเดียวกับพรรคพลังประชารัฐในครั้งที่แล้วไหม
ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วเสียงที่เลือกส.ส.จำนวน 116 คนของพรรคพลังประชารัฐเพื่อให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นไม่ใช่มวลชนที่ภักดีกับพล.อ.ประยุทธ์ล้วนๆ หลายเสียงเป็นเสียงที่ติดตัวมาจากส.ส.หลายคนที่ดึงมาจากพรรคเพื่อไทย เป็นพวกบ้านใหญ่ในพรรคทั้งกลุ่มชลบุรี สมุทรปราการ กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ ฯลฯ แต่ครั้งนี้พวกบ้านใหญ่ไม่มีใครไปกับพล.อ.ประยุทธ์เลย พวกที่ไปส่วนใหญ่ไม่ใช่พวกที่มีแสงในตัวเอง แต่หวังพึ่งกระแสของพล.อ.ประยุทธ์ทั้งนั้น ทั้งส.ส.กทม.บางคนและส.ส.ภาคใต้
นอกจากนั้นเชื่อว่าเสียงส่วนหนึ่งที่เลือกพรรคพลังประชารัฐในครั้งที่แล้วยังมาจากเสียงคนกลางๆ ทางการเมืองที่เชื่อว่า เลือกพล.อ.ประยุทธ์แล้วบ้านเมืองจะสงบ แต่ถึงวันนี้คนเหล่านั้นรู้แล้วว่าพล.อ.ประยุทธ์มีศักยภาพแค่ไหน แต่ที่สำคัญที่สุดคือ คนจำนวนมากเริ่มเบื่อและต้องการเปลี่ยนแปลงเพราะพล.อ.ประยุทธ์บริหารบ้านเมืองมายาวนานกว่า 8 ปีแล้ว คนเหล่านี้ไม่น่าจะเลือกพล.อ.ประยุทธ์อีก เพราะถ้าเราอยู่ในสังคมจะจับได้ว่ากระแสบ่นเบื่อและต้องการเปลี่ยนแปลงนั้นแรงมาก
ก็ต้องวัดศักยภาพกันนั่นแหละว่าจะมีฝ่ายอนุรักษนิยมที่จะเลือกพล.อ.ประยุทธ์เหลือสักกี่คน บนฐานเสียงเดียวกันมีกี่คนรักพล.อ.ประยุทธ์กี่คนที่ยังภักดีต่อพรรคประชาธิปัตย์ หรือว่าฝ่ายอนุรักษนิยมจะผนึกกำลังกันทิ้งพรรคประชาธิปัตย์เพื่อเทคะแนนให้พล.อ.ประยุทธ์อีกครั้ง
ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วฝ่ายอนุรักษนิยมในกทม.เทคะแนนให้พรรคพลังประชารัฐแล้วทิ้งพรรคประชาธิปัตย์ไป คนที่ยังเลือกพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นแฟนพันธุ์แท้เหนียวแน่นของพรรคเก่าแก่นี้จริงๆ หากถามว่าครั้งนี้คนเหล่านั้นจะรวมตัวกันเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติเพื่อให้พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกไหม ผมเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์จะถูกทิ้งเหมือนเดิมอีก แต่คนที่เลือกพรรครวมไทยสร้างชาติก็อาจจะไม่มาก เพราะเหตุผลที่กล่าวไว้แล้วว่าคนเริ่มเบื่อนั่นเอง และครั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ได้เสียงจากคนกลางๆเพราะเขาต้องการเปลี่ยนรัฐบาล
แล้วโพลสำรวจความนิยมยังบอกว่าครั้งหน้าคนกทม.ส่วนใหญ่จะเลือกพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ซึ่งถูกวัดผลออกมาแล้วในการเลือกตั้งสก.ว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลได้รับการเลือกตั้งส่วนใหญ่ มีพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นสก.เก่าแก่มาเนิ่นนานเท่านั้นที่เบียดมาได้ในบางส่วน จึงเชื่อว่าการเลือกตั้งส.ส.ครั้งหน้าในกทม.พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจะกวาดที่นั่งได้มาก
ในขณะที่ความหวังของพรรครวมไทยสร้างชาติที่จะได้เสียงส.ส.เกิน 25 เสียงนั้นอยู่ในกทม.และภาคใต้ ถ้าผลการเลือกตั้งในกทม.พลาดเป้าเพราะพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลกวาดไปมาก โอกาสของพล.อ.ประยุทธ์ก็อาจจะยิ่งริบหรี่ เพราะในภาคใต้นั้นก็ต้องต่อสู้กันเองในขั้วการเมืองฝ่ายเดียวกันทั้งกับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐ
โอกาสที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะได้ส.ส.มาเป็นร้อยเสียงแบบพรรคพลังประชารัฐเคยทำได้นั้น บอกตรงๆ ว่ายังมองไม่เห็นหนทาง มีคนคาดการณ์กันว่า 3 พรรค รวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐอาจจะได้ส.ส.รวมกัน 100 เสียงบวกลบเท่านั้น
ในสามพรรคที่อยู่บนฐานเสียงเดียวกันนี้ถ้าพรรคใดพรรคหนึ่งได้ส.ส.เยอะก็จะทำให้อีกสองพรรคได้ส.ส.น้อยลง ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์นั้นไม่มีใครคาดการณ์ว่าจะได้ส.ส.มากกว่าเดิม แม้แต่คนในพรรคก็ไม่กล้าคาดหวังมีแต่ออกมาพูดว่าจะได้ไม่น้อยกว่าเดิม แต่คอการเมืองก็คาดว่าพรรคประชาธิปัตย์น่าจะได้ส.ส.ประมาณ 30-40 คนเท่านั้นเอง
ต้องยอมรับว่า มีคนจำนวนมากที่เบื่อรัฐบาลประยุทธ์ เสียงของคนกลางๆ ที่ฟังจากการสำรวจของโพลเขาต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ฐานเสียงจากคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่จะเทให้กับฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเมื่อรวมกับมวลชนของฝ่ายที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยแล้วก็น่าจะมากกว่ามวลชนของฝ่ายอนุรักษนิยมแน่นอน
มองไม่ออกเลยว่าในฝั่งขั้วรัฐบาลเดียวกันนั้นจะรวบรวมเสียงส.ส.ให้ได้เกิน 250 คนอย่างไร แม้ว่าตอนนี้อาจจะคาดหวังจากพรรคภูมิใจไทยที่มีพลังดูดเยอะมีปัจจัยเยอะมีกระสุนเยอะว่าจะสามารถเบียดพรรคเพื่อไทยในหลายจังหวัดในภาคอีสาน แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว ส.ส.ที่พรรคภูมิใจไทยได้มาจะมีเสียงตามมาไหมหรือได้แต่ตัว จนมีคนบอกว่าที่คาดว่าจะได้ถึง 120 เสียงนั้น ถึงเวลาพรรคภูมิไจไทยจะได้เสียงถึง 70 เสียงไหม และถ้าพรรคภูมิใจไทยไม่ได้ตามเป้าโอกาสของขั้วรัฐบาลเดิมก็มองไม่เห็น
ดังนั้นโอกาสที่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์นั้นมองไม่เห็นจริงๆ ว่าจะมีเสียงส.ส.จากไหนที่จะได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง ยังไม่นับว่า ถ้าสมมติในขั้วรัฐบาลเดิมสามารถรวบรวมเสียงส.ส.ได้เกิน 250 คนขึ้นมาแล้วพรรคภูมิใจไทยจะยอมพล.อ.ประยุทธ์ไหม ถ้าพรรคภูมิใจไทยได้ส.ส.มากกว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะพรรคภูมิใจไทยหาเสียงชูนายอนุทิน ชาญวีรกุลเป็นนายกรัฐมนตรี
ในกรณีที่พลิกความคาดหมายแบบเหลือเชื่อคือพรรคร่วมรัฐบาลเดิมสามารถรวบรวมส.ส.ได้เกิน 250 คนมีทางเดียวที่พล.อ.ประยุทธ์จะมีอำนาจต่อรองเหนือกว่านายอนุทินก็คือพรรครวมไทยสร้างชาติต้องได้ส.ส.มากกว่าพรรคภูมิใจไทย ถ้าถามใครตอนนี้ก็เชื่อว่าไม่มีโอกาสจะเป็นไปได้
โอกาสที่พรรคร่วมรัฐบาลเดิมจะได้เสียงส.ส.เกิน 250 เสียงนั้นมีน้อยมาก ทางเดียวที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยได้เสียงน้อยลงแล้วดับความหวังของทักษิณก็คือ ต้องให้พรรคก้าวไกลได้ส.ส.เยอะเพราะสองพรรคนั้นอยู่บนฐานเสียงเดียวกัน แต่เราจะยอมรับได้ไหมถ้าพรรคก้าวไกลที่ท้าทายต่อการดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์เติบโตขึ้น แม้สุดท้ายเราเชื่อว่าไม่ว่าฝ่ายไหนก็ไม่เอาพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลก็ตาม
ผมพร้อมจะหน้าแตกถ้าฝ่ายอนุรักษนิยมกลับมาชนะ แต่ถึงตรงนี้คงต้องบอกว่า คนที่อยากเห็นพล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องเผื่อใจกับความผิดหวังเอาไว้บ้าง
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan