การเมืองในปีใหม่ที่จะถึงนี้จะเป็นปีที่ร้อนระอุปีหนึ่ง เพราะจะมีการเลือกตั้งอย่างช้าในเดือนพฤษภาคม ตอนนี้ลุ้นอยู่แต่ว่าจะยุบสภาฯ ก่อนกำหนดหรือไม่ ถ้ายุบสภาฯ การเลือกตั้งก็จะเร็วขึ้น
ตอนนี้อยู่ในช่วงเทศกาลย้ายพรรค ส.ส.หลายคนชิงลาออกเพื่อไปเข้าพรรคใหม่ทั้งที่จริงๆ ยังมีเวลาอย่างน้อยถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ก็จะสามารถเข้าพรรคใหม่ทัน แต่คงเพราะพรรคใหม่เร่งรัดพร้อมกับปัจจัยที่กินได้ว่าจะต้องแสดงตัวให้ชัดเจนว่าจะมาไหมก็ต้องลาออกก่อนกำหนด
บางพรรคเช่นพรรคภูมิใจไทยมี ส.ส.ย้ายเข้าพรรคเยอะ ผมเคยคาดการณ์ว่าครั้งหน้าพรรคภูมิใจไทยน่าจะมี ส.ส.ถึง 100 คนบวกลบ แต่มีหลายคนโต้แย้งว่าเอาเข้าจริงแล้วน่าจะได้ประมาณ 70 คนบวกลบเท่านั้น เพราะ ส.ส.ที่ไหลเข้าหลายคนเป็นพวกนกแลที่ไม่มีแสงในตัว เคยได้รับเลือกเข้ามาเพราะกระแสพรรค พรรคภูมิใจไทยได้ไปแต่ตัวแต่ไม่ได้เสียงไปด้วย ก็คอยดูว่าจะจริงดังที่ว่าไหม
ถ้าพรรคภูมิใจไทยซึ่งดูทรงดีที่สุดในฝั่งนี้ยังไม่เข้าเป้าก็ทำใจไว้เลยว่า ยากแล้วที่ขั้วรัฐบาลเดิมจะได้เสียงเกิน 250 คนเพื่อตั้งรัฐบาลได้ เพราะมีคนบอกว่า 3 พรรคฝั่งนี้ที่แย่งชิงเค้กก้อนเดียวกันอย่างพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์ 3 พรรคนี้รวมกันน่าจะประมาณ 100 บวกลบเท่านั้นเอง ดีไม่ดีมีพรรคใดพรรคหนึ่งใน 3 พรรคนี้ที่อาจจะมีเสียงไม่ถึง 25 เสียง แล้วแคนดิเดตพรรคจะหลุดวงนายกรัฐมนตรีไป
ส่วนตัวผมเคยแสดงความเห็นไปแล้วว่า เลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และพรรคพันธมิตร น่าจะมีเสียงเกิน 250 เสียง ซึ่งจะปิดทางไม่ให้ขั้วรัฐบาลเดิมจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้ แม้จะมีเสียง ส.ว.หนุน
ขณะที่ ส.ว.เริ่มส่งเสียงแล้วว่าครั้งนี้จะไม่ยอมทำตามใบสั่ง ฝ่ายไหนชนะจะยกมือให้ฝ่ายนั้น เพราะต้องทำตามมติของประชาชน แต่ผมคิดว่าถึงเวลาก็ยังเป็นฝักถั่วนั่นแหละ จะแบ่งเป็น ส.ว.สายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับสายพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เขานับมือกันแล้วบอกว่าสายพล.อ.ประวิตรนั้นมีประมาณ 70 มือ
หลังเลือกตั้งแม้คาดกันว่า ฝ่ายพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลจะมีเสียงเกินครึ่ง แต่การจัดตั้งรัฐบาลตัดพรรคก้าวไกลไปได้เลย เพราะไม่มีฝ่ายไหนเอาพรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาลแน่ เพราะพรรคก้าวไกลอันตรายเกินไป อยู่กับพรรคก้าวไกลเหมือนนอนกอดฟืนที่ร้อนอยู่ตลอดเวลา มีโอกาสมากที่จะเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง
แม้ว่าตอนนี้บรรดาอินฟลูเอนเซอร์ของฝ่ายที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยอย่างใบตองแห้ง อธึกกิต แสวงสุข จะพยายามบอกว่า ในวิถีการเมืองที่ต่อสู้กันระหว่างรัฐประหารสืบทอดอำนาจ กับฝ่ายประชาธิปไตย ยิ่งเป็นสถานการณ์ที่เข้มข้นเด่นชัด สะท้อนถึงจุดยืนโดยสปิริตของพรรคฝ่ายประชาธิปไตย โดยความคาดหวังของมวลชนประชาธิปไตยยิ่งต้องการให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยจับมือกันตั้งรัฐบาลก่อน ต้องการให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยให้คำมั่น ว่าจะเลือกร่วมรัฐบาลกับฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกันก่อน ถ้าตกลงกันไม่ได้ค่อยข้ามขั้ว ไม่ใช่ข้ามขั้วทันที
แต่เชื่อเถอะว่า ทักษิณคงไม่เอาพรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาลแน่ ถ้าเขาต้องการรัฐบาลที่มั่นคงไม่ล่อมือล่อเท้าฝ่ายความมั่นคง และทักษิณรู้ดีโอกาสไหนที่เขาจะได้กลับบ้านบ้าง แม้ทางออกของทักษิณตอนนี้พูดกันว่า เขาจะยอมมาติดคุกก่อนเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ เขาก็ต้องเลือกกลับมาในยุคที่ฝ่ายของเขาเป็นรัฐบาล
ถ้า 3 พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐจับมือกันตั้งรัฐบาล ก็น่าจะเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็งมาก เพราะเมื่อรวมพรรคพันธมิตรของพรรคเพื่อไทยอย่างพรรคประชาชาติที่จะกิน 3 จังหวัดใต้ด้วยแล้วมีโอกาสมากที่รัฐบาลจะมีเสียงถึง 300 เสียง แต่หมายความว่า ต้องได้เสียง ส.ว.ในมือพล.อ.ประวิตรมาโหวตตอนเลือกนายกฯ ให้ด้วยจึงจะมีเสียงครบ 376 เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสองสภา
ถ้าถามว่ามีโอกาสไหมที่พรรคเพื่อไทยและพรรคที่เข้ามาร่วมจะได้เสียง ส.ส.ถึง 376 เสียง โดยไม่ต้องพึ่งเสียงของ ส.ว.ผมเชื่อว่าไม่มีทางเป็นไปได้ อย่างไรเสียเสียงของพรรคเพื่อไทยน่าจะได้ประมาณ 200 คนบวกลบเท่านั้น ไม่แลนด์สไลด์อย่างที่ทักษิณมั่นใจ
แล้วการเมืองหลังเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ผมไม่เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะชื่ออุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของทักษิณในสมัยนี้ อุ๊งอิ๊งอายุยังน้อยยังเก็บเกี่ยวประสบการณ์และยังรอได้ เพราะการเลือกตั้งครั้งถัดไปจากครั้งที่จะเกิดในปีนี้หากเกิดขึ้นหลังเดือนพฤษภาคม 2567 จะไม่มีเสียงของ 250 ส.ว.มาตัดสินนายกรัฐมนตรีแล้ว พรรคเพื่อไทยเพียงแต่รักษาฐานเสียงให้ยังเป็นพรรคอันดับ 1 ก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ไม่ยากนั่นแหละจึงถึงเวลาของอุ๊งอิ๊ง
ผมจึงคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่การโหวตนายกรัฐมนตรีในสภาฯ หลังเลือกตั้งอาจจะเป็นการแข่งขันของพี่น้อง 2 ป.ที่แยกทางกันเดิน คือจะแข่งกันระหว่างพล.อ.ประวิตรกับพล.อ.ประยุทธ์ แน่นอนถ้าเป็นไปตามนี้พล.อ.ประวิตรจะเป็นต่อ เพราะอยู่ในฟากที่มีเสียง ส.ส.เกิน 250 คน
ถามว่าถ้าอีกขั้วเป็นรัฐบาลจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นไหม ผมคิดว่าไม่มีในทันทีเช่นเดียวกับสมัยที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์บริหารประเทศ หากไม่เดินสะดุดด้วยการนิรโทษกรรมสุดซอยวันนี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ยังอยู่ นั่นหมายความว่ารัฐบาลต้องไม่ใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลอย่างที่เกิดขึ้นในยุคสมัยของรัฐบาลทักษิณและยิ่งลักษณ์ที่สร้างความชอบธรรมให้กับมวลชนที่ออกมาขับไล่
แต่การเมืองบนถนนจะวุ่นวาย ถ้าหากว่า 250 ส.ว.ไปยกมือให้ฝั่งที่ได้เสียงในสภาผู้แทนน้อยกว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แม้ว่ารัฐบาลเสียงข้างน้อยจะไม่สามารถดำรงอยู่ได้โดยตัวของมันเอง สุดท้ายจะต้องชิงยุบสภาฯ แต่เชื่อว่าประชาชนออกมาชุมนุมบนท้องถนนแน่และพวกเขาจะมีความชอบธรรมในการชุมนุม เพราะอ้างว่านี่เป็นมติของประชาชนเสียงส่วนใหญ่ที่ต้องการให้อีกฝั่งเป็นรัฐบาล
แม้นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภาจะออกมาการันตีว่า ส.ว.จะเลือกฝ่ายชนะ เขาบอกว่า ส.ว.ควรที่จะเลือกให้ระบบรัฐสภาที่มี 2 สภาอยู่ได้ ตามกฎหมายที่ให้สมาชิกวุฒิสภาเลือกนายกฯ ได้ ถ้าเราเลือกไม่ดี ไม่ถูกต้อง ก็จะมีผลกระทบ ไม่ว่า ส.ว.หรือ ส.ส.ทุกคนก็รักประเทศชาติ และอยากให้ประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไปได้
แต่ถึงเวลาจริงใน 250 ส.ว.มีจำนวนมากที่ไม่เอาระบอบทักษิณอยู่แล้วจะยอมยกมือให้ฝ่ายที่ชนะเสียงประชาชนในการเลือกนายกรัฐมนตรีของอีกฝั่งหรือ เพราะพวกเขายังมีทางออกคือ ดื้อแพ่งด้วยการงดออกเสียง ซึ่งจะทำให้เสียงของอีกฝั่งแม้อาจจะได้เสียงของ ส.ว.ที่แตกแถวออกไปบ้าง แต่อาจจะไม่ถึง 376 เสียง เมื่อนั้นก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ ความวุ่นวายก็จะบังเกิดทันที
และถ้า ส.ว.เลือกทางนี้บนถนนก็จะระอุไปด้วยมวลชน อาจเกิดสิ่งไม่คาดฝันมีคนฉวยโอกาสเปิดเพลงมาร์ชออกมาดับสถานการณ์การเมืองอีกครั้ง แต่ถามว่าง่ายไหม ตอบเลยว่าไม่ง่ายอาจถูกต่อต้านอย่างรุนแรง
ติดตามผู้เขียนได้ที่https://www.facebook.com/surawich.verawan