หลังจากกั๊กๆ ยึกยักมานาน ในที่สุดท่านห้าวเป้งก็กวักมือเรียกผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบมารับฟังในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะพูด หลังจากสงวนท่าทีลีลามานาน กับคำถามที่ว่า “จะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่”
ก่อนหน้านี้ มีคนอยากรู้ ผู้สื่อข่าวเซ้าซี้ ก็โยกโย้ โบ้ยนั่นนี่โน่น เป็นเพราะเหตุอะไรไม่บอก เมื่อถึงเวลา กลับเปิดปากยอมรับว่าจะไปอยู่พรรคที่ว่านั้นจริง
ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ก็ตั้งหัวหน้าพรรคนั้นไปเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีตำแหน่ง กินเงินเดือนภาษีประชาชนและผลประโยชน์ที่จะได้รับตามสภาพ
เอาเป็นว่าใช้เงินหลวง เงินภาษีชาวบ้านปูนบำเหน็จให้หัวหน้าพรรค เอามาอยู่ใกล้ตัว ปรึกษาหารือเรื่องอนาคตของตัวเอง ความอยู่รอด เพื่อผลประโยชน์ของพรรค
การเปิดตัวได้เสริมพลังดูดนักเลือกตั้งแสวงหาผลประโยชน์มาเข้าคอก อ้างว่าอุดมการณ์ตรงกัน บางคนเชลียร์หนัก ออกปากว่า “ลุงตู่อยู่ไหน ผมไปที่นั่น”
เปิดปาก เปิดใจไม่ทันข้ามวัน ก็มาออกตัวว่ายังไม่ได้ไปสมัคร ต้องมีขั้นตอน คงมีคนเตือนว่าการพูดว่าจะไปอยู่พรรคใหม่อาจนำความเดือดร้อนด้านกฎหมายมาให้
ก็ตัวเองเป็นนายกฯ โดยแรงหนุนของพรรคลุงป้อม แล้วจะไปเป็นสมาชิกใหม่อีกพรรค มันไม่สง่างาม ถ้าจะแสดงให้เห็นเกียรติภูมิ ต้องลาออกจากนายกฯ จากสังกัดพรรคลุงป้อม ไปเริ่มต้นใหม่ แต่คงไม่มีวันเป็นไปได้สำหรับนักตีกิน ชุบมือเปิบ
ชาวบ้านได้ฟังการเปิดใจ อย่าเพิ่งเชื่อว่าจะเป็นไปอย่างนั้น โอกาสเปลี่ยนใจยังมีเสมอ ถ้านายทุนไม่เต็มใจช่วยเต็มร้อย หรือไม่มั่นใจว่าพรรคใหม่จะได้ ส.ส.เยอะ
การมีนักเลือกตั้งในสังกัด เป็นเกรดเอ หรือเกรดอะไรก็แล้วแต่ มีปัจจัยอื่นๆ เช่นมีกระสุน กระแส การช่วยเหลือจากองค์กรรัฐต่างๆ ด้วยหรือไม่ สุดท้าย ชาวบ้านจะเลือกมั้ย และตัวเองมีจุดแข็ง จุดขายอะไรจากผลงานกว่า 8 ปี ที่ถูกมองว่าโกงเวลา
ถ้าจะมองให้ละเอียด ต้องดูว่าพฤติกรรมนั้นเหมาะสมหรือไม่ กับการที่ดิ้นรนหวังอยู่ต่อในอำนาจภายใต้การหนุนของพรรคใหม่ที่ระดมนักเลือกตั้งมาด้วยการดูด ตกปลาในบ่อเพื่อน หรือเอาพวกมีชนักปักหลัง หลังลาย พวกหวังหลุดคดีมาร่วม
พฤติกรรมเยี่ยงนี้ เสี่ยงกับการถูกมองว่าเป็นการทรยศ เนรคุณพี่ใหญ่หรือไม่
คนทั้งเมืองรู้ดีว่าท่านห้าวเป้งได้รับการอุ้มชูโดยพี่ใหญ่ของ 3 ป. มาโดยตลอดพรรคพี่ใหญ่ส่งให้ไปเป็นนายกฯ แต่ลุงป้อมไม่นั่งควบเก้าอี้รัฐมนตรีแม้ได้เป็นรองนายกฯ อันดับแรก ต่างจากหัวหน้าพรรคอื่นๆ หรือรองนายกฯ คนอื่น
ลุงป้อมได้งานดูเรื่องน้ำ ดิน ฟ้า อากาศ ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ได้ฝึกงานเป็นนายกฯ รักษาการประมาณ 1 เดือน โชว์ฟอร์มว่ายังไหว ไปได้สวยแน่ ชาวบ้านโอเค
เมื่อจะเลือกตั้งใหม่พี่ใหญ่อยากเป็นนายกฯ เต็มตัว พรรคพี่ใหญ่ประกาศว่าจะส่งชื่อลุงป้อมเป็นคู่ชิงนายกฯ คนเดียว ไม่มีคนอื่น ท่านห้าวเป้งหมดโอกาส
ก็เป็นมานานกว่า 8 ปี แล้วยังไม่พอ เสพติดอำนาจงอมแงม เช่นนั้นหรือ?
มันดูไม่สวยตรงที่ว่าเมื่อพี่ใหญ่ขอเป็นคู่ชิงนายกฯ ท่านห้าวเป้งดูเหมือนไม่พอใจ คล้ายกับบอกว่า “ถ้าพี่ต้องการเป็นนายกฯ พรรคพี่ไม่เอาผมแล้ว ผมก็ต้องหาพรรคใหม่เพื่อให้ส่งชื่อผมเป็นนายกฯ ผมจะแข่งกับพี่ให้เห็นดำเห็นแดงไปเลย”
ทำแบบนี้ จะให้ชาวบ้านประเมินว่าเป็นบุคคลเยี่ยงไร อดีตนายทหารยศร้อยโทที่ทิ้งลูกน้องบาดเจ็บไว้ในบังเกอร์ในสมรภูมิช่องบก ให้นายทหารคนอื่นไปช่วย ใช่มั้ย?
เป็นเรื่องที่ท่านห้าวเป้งไม่ยอมไขความจริงว่าเป็นอย่างที่นายพลเอกนอกราชการคนไปช่วยชีวิต 2 ทหารบาดเจ็บในบังเกอร์พูดไว้หรือไม่
“การเมืองไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร มีแต่ผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้นที่ถาวร” พิสูจน์ให้เห็นการย้ายคอกของนักเลือกตั้ง ไม่ต่างจากฝูงวัวควายหนีฟางแห้งไปหาหญ้าสด
ลุงป้อมคงไม่ว่าอะไร อย่างที่คำคมของอดีตนายทหารนักรัฐประหารรุ่นก่อนบอกไว้ “ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน” คำพูดนี้คงไม่ใช้สำหรับทุกคน ทุกกรณี
ลุงป้อมคงได้แต่สะท้อนสะท้านใจ เมื่อนึกถึงคำอ้างว่า “3 ป. ฟอร์เอฟเวอร์” ไม่มีวันที่ 3 พี่น้องในชีวิตทหารจะแยกทางกันเดิน หลังจากอยู่ร่วมกันมานานกว่า 50 ปี
ความเป็นจริงก็คือ เมื่อถึงคราวจำเป็นคับขัน คนต้องเอาตัวรอดก่อนเสมอ คำอ้างที่ว่า “ตายแทนกันได้” คงเป็นเพียงคำประกาศลมๆ แล้งๆ สัญชาตญาณมนุษย์ย่อมรักตัวกลัวตาย การตายแทนคนอื่นนั้นมีน้อย เห็นได้ในหนังสงครามฮอลลีวูด
การหักพี่ใหญ่ จะสู้ชิงตำแหน่งนายกฯ ต่อไป ดูแล้วช่างโหดร้าย ไร้น้ำใจ จะถูกมองว่าเป็นพฤติกรรมเนรคุณหรือไม่ ต้องประเมินก่อนว่าใครมีบุญคุณต่อใครมากกว่า
ก็มีแต่พวก 3 ลุงเท่านั้นที่จะรู้ว่าใครทำอะไรให้ใคร ใครได้ประโยชน์สูงสุดจากความสัมพันธ์อันยาวนาน หรือจะเป็น “พรรคพี่ พรรคน้อง” อย่างที่ลุงป้อมว่าด้วยการ “แยกกันอยู่ รวมกันสู้เพื่อความอยู่รอดบนหลังเสือให้นานที่สุด”
การจะสู้เพื่ออยู่ต่อของท่านห้าวเป้ง ก็เพื่อตัวเอง ที่อ้างว่ามีงานค้างอยู่ อยากสานต่อไป ต้องถามว่ามีใครเรียกร้องหรือ นอกจากกลุ่มทุนใหญ่ที่ได้กอบโกยความมั่งคั่งมาตลอดกว่า 8 ปี ขณะที่ประชาชนและบ้านเมืองยากจนลง มีแต่แบกหนี้สินอ่วม
อยากอยู่ต่อเพื่อแก้ปัญหาที่ตัวเองและพรรคพวกทำไว้มากมายใช่หรือไม่
การเมืองไม่มีน้ำใจต่อกัน พรรคร่วมรัฐบาลยังฟัดกันด้วยผลประโยชน์ อ้างประชาชนบังหน้า อย่างเช่นเรื่องกัญชาที่สู้กันอย่างไม่ต้องมีสำนึก มโนธรรม
ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงหนัก เดิมพันสูงสำหรับนักล่าอำนาจ อีกไม่นานก็รู้ผล