xs
xsm
sm
md
lg

ชัยชนะกัญชาเบื้องแรกของประชาชน! แต่ยังวางใจไม่ได้ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ณ บ้านพระอาทิตย์
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

การดำเนินการไปของสภาผู้แทนราษฎร ในวาระการพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ....ในวาระที่ ๒ ได้ดำเนินไปทั้งสิ้น ๒ ครั้งเดินทางมาถึงการลงมติอนุมาตราสุดท้ายของมาตรา ๗ ถึงจุดนี้แม้จะมีการอภิปรายกันค่อนข้างมาก แต่ก็มีทิศทางที่ดีและเป็นความก้าวหน้าในการเรียกร้องของภาคประชาชนอยู่ ๒ ประการ

 ประการแรก สภาผู้แทนราษฎรยังไม่คว่ำร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ.... แต่ยอมพิจารณารายมาตราแทน

โดยภายหลังจากการที่สภาผู้แทนราษฎร ได้ลงมติด้วยเสียงข้างมากให้ถอนร่างพระราชบัญญัติ กัญชา กัญชง พ.ศ....ของคณะกรรมาธิการเมื่อวันที่ ๑๔ กันยายนพ.ศ. ๒๕๖๕[1]
อย่างไรก็ตามคณะกรรมาธิการฯก็ไม่ได้มีการแก้ไขมาตราใดๆ ทั้งสิ้น เพราะแทบทุกมาตราที่เป็นประเด็นข้อสงสัย บ้างก็เป็นความเข้าใจผิดของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บ้างก็มีบัญญัติอยู่ในมาตราต่างๆ อยู่แล้ว

แม้จะบางมาตราที่สภาผู้แทนราษฎรบางพรรคการเมืองไม่เห็นด้วยกับกรรมาธิการฯ ก็มีผู้สงวนคำแปรญัตติเอาไว้เพื่ออภิปรายลงมติในสภาผู้แทนราษฎรได้อยู่แล้วจึงไม่เป็นอุปสรรคของสภาผู้แทนราษฎรในการลงมติเห็นชอบให้แก้ไขมาตราต่างๆ ของคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากหรือเห็นด้วยกับการแก้ไขรายมาตราของคณะกรรมธิการเสียงข้างน้อยก็ได้[2]

แต่ในที่สุดคำขู่จากพรรคการเมืองต่างๆ ก่อนหน้านี้ว่าจะคว่ำร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ.....ก็ไม่สำเร็จ เพราะพอถึงเวลาจริงเมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๕ และวันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๕ ก็ไม่ปรากฏว่าจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคการเมืองใดเลยเสนอให้คว่ำพระราชบัญญัติฉบับนี้แต่ประการใด

ชัยชนะที่เกิดขึ้นนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเสียงเรียกร้องของภาคประชาชนต้องการไม่ให้เล่นการเมืองจนไม่มีกฎหมายกัญชา กัญชง และได้เรียกร้องมาอย่างต่อเนื่องที่ต้องการให้มีการพิจารณาเห็นชอบหรือแก้ไขรายมาตราเพื่อให้มีกฎหมายสำหรับการใช้ประโยชน์และการควบคุมกัญชาอย่างเหมาะสมต่อไป[3]-[5]

 ประการที่สอง การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ ๒ ในการพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติ กัญชา กัญชงทั้ง ๒ ครั้ง คือ เมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ และวันที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ แม้จะมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวางตั้งแต่คำปรารภ แต่เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติตามร่างและการแก้ไขของคณะกรรมาธิการฯ ทุกมาตราจนถึงมาตราสุดท้ายของมาตรา ๗ แล้ว




และสะท้อนให้เห็นว่าคำอภิปรายชี้แจงของคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากยังคงได้รับการตอบสนองโดยการลงมติเห็นด้วยกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสียงข้างมากอยู่

ปรากฏการณ์ดังกล่าวข้างต้น นอกจากจะสะท้อนให้เห็นว่าเสียงเรียกร้องของภาคประชาชนได้รับการตอบสนองแล้ว ยังสะท้อนในอีกด้านหนึ่งด้วยว่าการพูดคุยเจรจาฝ่ายการเมืองต่างๆ ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่สนับสนุนแนวทางของภาคประชาชนนี้ คือ พรรคภูมิใจไทย พรรคก้าวไกล และอีกจำนวนหนึ่งจากพรรคพลังประชารัฐ พรรคชาติไทยพัฒนา ยังคงรวบรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรเอาไว้ได้ในขณะนี้

 ประเด็นที่จะต้องจับตาดูในเรื่องสำคัญที่สุดก็คือมาตรา ๑๘ ที่คณะกรรมาธิการเสียงข้างมากเห็นว่าประชาชนควรที่จะปลูกกัญชา กัญชงเพื่อการใช้ประโยชน์ในครัวเรือนได้ไม่เกิน ๑๕ ต้นนั้นจะได้รับการตอบสนองจากเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรอย่างไร

และก่อนจะไปถึงมาตรา ๑๘ ก็ต้องดูว่าการอภิปรายที่ยืดเยื้อที่ทำให้การพิจารณาเป็นไปอย่างล่าช้านั้น จะทันมีกฎหมายก่อนการยุบสภาของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ หรือไม่?

โดยเฉพาะบางพรรคการเมืองที่ใช้วิธีทำให้องค์ประชุมไม่ครบโดยการไม่เข้าประชุม หรือเข้าประชุมแต่ไม่ยอมกดบัตรรายงานตัว เพียงเพราะขัดขวางไม่ให้กฎหมายฉบับนี้เดินหน้าต่อไปได้

แต่ใครทำเช่นนั้นก็คงจะเห็นการเปิดโปงของประชาชนให้ทราบว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนใดมีพฤติกรรมที่หวังจะไม่ให้การพิจารณากฎหมายในการใช้ประโยชน์หรือการควบคุมกัญชาเดินหน้าต่อไปมีใครบ้าง?

สำหรับการปลูกกัญชา กัญชงใช้ในครัวเรือนเพื่อการพึ่งพาตัวเองของชาวบ้านนั้นภาคประชาสังคมที่เคลื่อนไหวในเรื่องนี้ยังคงเห็นความจำเป็นที่ประชาชนควรจะปลูกเพื่อการพึ่งพาตัวเองได้ เพราะถือเป็นความมั่นคงทางยาที่ประชาชนจะพึ่งพาตัวเองได้[5]

สำหรับการปลูกกัญชา ๑๕ ต้นนั้น นอกจากจะสำรวจสภาพความเป็นจริง (พิจารณาการสอบถามข้อมูลในคณะกรรมาธิการ)และโพลในประเทศไทยแล้ว ยังสามารถพิจารณาอ้างอิงการบริโภคกัญชาสด รักษาป้องกันโรคตามสูตรของ นายแพทย์วิลเลียม คอร์ทนีย์ ผู้เชี่ยวชาญการใช้ประโยชน์จากกัญชาจากมูลนิธิกัญชาระหว่างประเทศได้ด้วยว่า

“ดอกสด ๑๕ กรัม หรือใบสด ๓๐ กรัมต่อวัน[6] โดยเท่ากับใบ ๑๐,๙๕๐ กรัมต่อปี(๓๐ กรัม x ๓๖๕ วัน) เท่ากับ ๑๐.๙๕ กิโลกรัมต่อปี หรือประมาณ ๑๑ กิโลกรัมต่อปีโดยต้นกัญชา ๑ ต้น อายุ ๓-๔ เดือน ให้น้ำหนักประมาณ ๑ กิโลกรัม (รวมราก ต้นกิ่ง ใบ) โดยเฉพาะใบมีน้ำหนักประมาณร้อยละ ๗๐ ดังนั้นถ้าต้องการใบ ๑๐.๙๕กิโลกรัม จึงควรปลูกประมาณ ๑๕.๖๔ ต้น ต่อคนเป็นอย่างน้อย ยังไม่นับการเผื่อการปลูกแล้วตาย”


อย่างไรก็ตามยังมีการศึกษาอีกชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งที่จะแสดงให้เห็นว่าสังคมไทยมีองค์ความรู้ วุฒิภาวะเพียงพอ ที่จะอยู่ร่วมกับกัญชาเพื่อการพึ่งพาตัวเองได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่ใช้กัญชาทางการแพทย์ซึ่งส่วนใหญ่ใช้แบบใต้ดินได้กลับมาถูกรับรองและปลูกเพื่อพึ่งพาตัวเองได้ ดีกว่าต้องอยู่ภายใต้การซื้อได้ในราคาแพงจากเฉพาะพ่อค้ากัญชาใต้ดินที่มีเส้นสาย หรือต้องซื้อกัญชาไม่มีคุณภาพที่ดีพอหรือถูกจับกุมดำเนินคดีเข้าคุก/รีดไถ หรือไม่สามารถตรวจสอบคุณภาพได้ ฯลฯ

การศึกษาชิ้นนี้ คือ ผลการศึกษาติดตามสถานการณ์การใช้และการให้บริการกัญชาทางการแพทย์ระยะที่สอง เผยแพร่ในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ โดย ศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.) ซึ่งเป็นผลงานของนักวิชาการเมื่อปี ๒๕๖๔ จำนวน ๔ ท่านคือ

 ศ.ดร.พญ.สาวิตรี อังษณางค์กรชัย และ ดร.ดาริกา ใสงาม จากสาขาระบาดวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

 นางสาวกนิษฐา ไทยกล้า จากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 ดร.นพ.มูฮัมมัดฟาร์มี ตาเละ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี

ข้อมูลจากรายงานที่จะนำเสนอจากผลการศึกษานี้ แสดงให้เห็นได้ว่าคนไทยส่วนใหญ่ที่ใช้กัญชาเพื่อทางการแพทย์นั้นคือใช้แบบนอกระบบและผิดกฎหมาย แต่ก็ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพที่ดีขึ้นจนลดหรือเลิกการใช้ยาแผนปัจจุบันจำนวนมาก และมีประสบการณ์พอจนมีผลข้างเคียงน้อย สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในต่างประเทศมาแล้ว

โดยในผลการศึกษาพบว่าประชาชนกลุ่มสำรวจที่ได้รับกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ สามารถรับกัญชาจากแพทย์แผนปัจจุบันในกระทรวงสาธารณสุขเพียงร้อยละ ๐.๙ เท่านั้น

ในขณะที่ผู้ป่วยที่ได้รับกัญชาจากแพทย์แผนไทยในกระทรวงสาธารณสุขเพียงร้อยละ ๔.๗ ส่วนที่ได้รับกัญชาจากแพทย์พื้นบ้านทั้งที่มีทะเบียนและไม่มีทะเบียนนอกระบบกระทรวงสาธารณสุขร้อยละ ๓๒.๓ [7]

ยิ่งไปกว่านั้นตัวเลขที่ได้รับกัญชาในระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมายนั้นมีเพียงร้อยละ ๑๖ เท่านั้น ซึ่งแปลว่ามีประชาชนใช้ประโยชน์กัญชทางการแพทย์นอกระบบมากถึงร้อยละ ๘๔ เช่น ได้จากญาติ ตลาดมืด และที่ไม่สามารถระบุที่มาของกัญชาได้[7]

ถึงแม้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ที่ใช้กัญชาทางการแพทย์จะใช้อย่างผิดกฎหมาย แต่ผลสำรวจก็ได้พบว่าหลังใช้กัญชาประชาชนมีการเปลี่ยนแปลงโรคในทางที่ดีขึ้นถึงดีขึ้นมากจำนวนมากถึงร้อยละ ๙๓.๔[4] และส่วนใหญ่ใช้ปริมาณเท่าเดิมจากที่เคยใช้ครั้งแรกโดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณ

ด้วยความปราถนาดีจาก
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติ กัญชา กัญชง พ.ศ.
สภาผู้แทนราษฎร
๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕

อ้างอิง
[1] สำนักข่าวอิศรา, สภามีมติถอนร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ออกจากวาระการประชุมให้กมธ.ทบทวนรายละเอียดใหม่, เว็บไซต์สำนักข่าวอิศรา,๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๕
https://www.isranews.org/article/isranews-news/112041-new-44.html

[2] ผู้จัดการออนไลน์, ปานเทพ” ถาม ปชป.เตะถ่วง พ.ร.บ.กัญชาฯ เพื่อ? จะแก้ไขหรือเห็นด้วยก็ไปลงมติในสภา, เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์, ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕
https://mgronline.com/politics/detail/9650000114376

[3] มติชนออนไลน์, เครือข่าย ปชช.แถลงการณ์จี้ ส.ส.ออก พ.ร.บ.คุมใช้กัญชา, เว็บไซต์มติชนออนไลน์, ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๕
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_3673186

[4] ผู้จัดการออนไลน์, เครือข่ายประชาชนตั้งเวทีอภิปรายคู่ขนาน พ.ร.บ.กัญชาฯ 19 ธ.ค.นี้ “ประสิทธิ์ชัย” ฟาดก้าวไกล-เพื่อไทย ทำโพลชี้นำ, เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์, ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕
https://mgronline.com/politics/detail/9650000119669

[5] ไทยโพสต์, เครือข่ายประชาชนจี้สภาโหวตผ่าน กม.กัญชา, เว็บไซต์ไทยโพสต์, ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕
https://www.thaipost.net/x-cite-news/288440/

[6] Dr. William Courtney, Origins of Cannabis International Foundation
https://www.cannabisinternational.org/about.php

[7] สาวิตรี อัษณางค์กรชัย และคณะ. การศึกษาติดตามสถานการณ์การใช้และการให้บริการกัญชาทางการแพทย์ระยะที่สอง. ศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก). 2565


กำลังโหลดความคิดเห็น