หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ
มีคนถามบ่อยมากว่าเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคก้าวไกลจะเป็นอย่างไรจะได้ส.ส.มากกว่าเดิมหรือไม่ ตามความคิดของผมเชื่อว่าเขาน่าจะได้ไม่น้อยกว่าเดิม และมักถามว่าพรรคก้าวไกลจะได้เป็นรัฐบาลหรือพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ผมมีคำตอบในบทความนี้
เราต้องมาดูผลการเลือกครั้งก่อนนะเดิมที่เป็นพรรคอนาคตใหม่นะครับว่า พรรคอนาคตใหม่นั้นกลายเป็นขวัญใจของคนรุ่นใหม่เพราะความฟีเวอร์ของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เพราะได้รับเสียงเชียร์จากค่ายมติชน ที่ธนาธรเคยนั่งเป็นกรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้นก่อนจะเปลี่ยนไปให้แม่ถือเมื่อเข้ามาเล่นการเมือง ตอนนั้นมติชนหรือที่ต่อมาบางคนเหน็บแหนมว่าเป็นมติสมพร สร้างกระแส “พ่อฟ้า” ขึ้นมาในหมู่คนรุ่นใหม่
ธนาธรโอนหุ้นมติชนออกจากมือทันก่อนจะมาเล่นการเมืองแต่ลืมหุ้นโอนหุ้นวีลัคไปพร้อมกันด้วย จนมีการอ้างเรื่องโอนหุ้นในภายหลังอย่างอลเวงว่ามีการโอนไปก่อนเดดไลน์แต่ต่อมาศาลไม่เชี่อทำให้เขาพ้นจากความเป็นส.ส.
การเลือกตั้งครั้งที่แล้วพรรคอนาคตใหม่ได้ส.ส.เข้ามาถึง 81 คนเป็นส.ส.เขต 31 คน และเป็นบัญชีรายชี่อถึง 50 คน แต่พรรคอนาคตใหม่อาจจะไม่ได้ขนาดนี้หากพรรคไทยรักษาชาติที่ทักษิณวางกลยุทธ์แตกพรรคจากพรรคเพื่อไทยไม่ถูกยุบเพราะการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีที่ต่อมามีพระบรมราชโองการว่า การนำสมาชิกชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์มาเกี่ยวข้องกับระบบการเมือง ไม่ว่าจะโดยทางใดก็ตาม จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อโบราณราชประเพณี ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมของชาติ ถือเป็นการกระทำที่มิบังควรไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
การถูกยุบของพรรคไทยรักษาชาติทำให้ฐานเสียงเดิมของพรรคเพื่อไทยไม่มีตัวเลือกในเขตที่พรรคเพื่อไทยไม่ส่งลงเลือกตั้งเพื่อเปิดทางให้พรรคไทยรักษาชาติ ทำให้มวลชนฝั่งนี้เทคะแนนมาให้พรรคอนาคตใหม่ พรรคอนาคตใหม่เลยได้อานิสงส์ไป แต่ในครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยจะต้องส่งส.ส.ลงให้ครบทั้ง 400 เขต ดังนั้นคะแนนส่วนนี้จะต้องแย่งชิงกันระหว่าง 2 พรรคคือ พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย
แน่นอนว่าวันนี้มวลชนในฝั่งที่ต่อต้านรัฐบาลประยุทธ์และเคยสนับสนุนระบอบทักษิณมีส่วนหนึ่งที่ไปยืนข้างพรรคก้าวไกล เพราะผลงานของพรรคก้าวไกลในสภาในการต่อสู้กับฝั่งอนุรักษนิยมนั้นมีความโดดเด่นกว่าพรรคเพื่อไทย ถ้าพรรคก้าวไกลจะได้เสียงจากประชาชนในการเลือกตั้งครั้งหน้าก็เป็นเพราะความนิยมของพรรคโดยตรงไม่ใช่ได้อานิสงส์มาจากใคร
ต้องยอมรับนะครับว่า ถ้าเราเป็นมวลชนฝั่งตรงข้ามกับฝ่ายอนุรักษนิยมหรือพวกที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย เราต้องพอใจกับการทำหน้าที่ของพรรคก้าวไกลในสภา พวกเขากล้าที่จะลุกขึ้นมาอภิปรายงบประมาณของส่วนพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรง พวกเขาเสนอตัวออกมาประกันตัวคนหนุ่มสาวที่ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 และชัดเจนว่าพวกเขาสนับสนุนการเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
พูดอย่างถึงที่สุดพวกเขาสนับสนุนการลดทอนบทบาทและสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์
การแสดงออกของพรรคก้าวไกลยังถูกโยงกับการเคลื่อนไหวเมื่อวันที่ 10 สิงหาคมของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนากุลเป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ 10 ข้อ ที่กระทบต่อบทบาทและสถานะของพระมหากษัตริย์และสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การกระทำผู้ถูกร้องทั้ง 3 คน มีการตั้งเป็นกลุ่มเครือข่าย และยังมีส่วนในการจุดประกายให้เกิดความรุนแรงในบ้านเมือง ทำให้เกิดความแตกแยกในบ้างเมือง เป็นการทำลายหลักภราดรภาพ นำไปสู่การทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า “การใช้สิทธิหรือเสรีภาพของผู้ถูกร้องที่ 1,2 และ 3 เป็นการแสดงความคิดเห็นที่ไม่สุจริต เป็นการละเมิดกฎหมาย มีมูลเหตุจูงใจเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรค 1”
ศาลรัฐธรรมนูญยังมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้ง 3 และกลุ่มองค์กร เครือข่าย เลิกกระทำการดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย
และเมื่อพรรคก้าวไกลและส.ส.ของพรรคก้าวไกลเข้าไปมีส่วนร่วมเปรียบเสมือนเครือข่ายโดยการใช้ตำแหน่งประกันตัวผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และการสนับสนุนการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็ย่อมถูกมองว่าเข้าข่ายการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเช่นกัน มีผู้ไปร้องให้ยุบพรรคก้าวไกล แต่ต่อมากกต.มีมติให้ยกคำร้อง
พรรคก้าวไกลมีจุดยืนเสนอให้แก้ไขมาตรา 112 และบางครั้งยังแสดงออกอย่างชัดแจ้งว่าให้ยกเลิกมาตรา 112 ไป ปิยบุตร แสนกนกกุล อดีตผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ก่อนจะมาเป็นพรรคก้าวไกล เคยระบุว่าส่วนตัวแล้วยืนยันว่าประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ต้องถูกยกเลิกไป เนื่องจากเป็นมาตราที่มีปัญหาทั้งในเรื่องของตัวบท การบังคับใช้และอุดมการณ์เบื้องหลัง
พรรคก้าวไกลยังมีท่าทีอย่างชัดเจนที่จะให้แก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดพระมหากษัตริย์ ซึ่งมาตรา 6 บัญญัติว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงดํารงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้
ดังนั้นพฤติกรรมที่แสดงออกอย่างชัดเจนของพรรคก้าวไกลคือ พวกเขามีปัญหาต่อการดำรงสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ในปัจจุบัน
เมื่อไม่กี่วันนี้พวกเขาเสนอให้มีการปลดล็อกท้องถิ่นคือ การผลักดันให้ยกเลิกราชการส่วนภูมิภาคซึ่งประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แต่พวกเขาอ้างว่าไม่มีการยกเลิกกำนัน ผู้ใหญ่ใหญ่บ้านในทันที แต่หลายคนเชื่อว่าเจตนาของพวกเขามีเป้าหมายที่จะนำไปสู่ระบอบสหพันธรัฐเพียงแต่ยังไม่กล้าแสดงออกเพราะเสี่ยงที่จะกระทบต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 1 ที่บัญญัติว่า ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ ซึ่งเราเห็นว่า พวกเขาเรียกร้องให้แก้รัฐธรรมนูญหมวด 1 ด้วยเพื่อไปสู่เป้าหมายนี้นี่เอง
การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคก้าวไกลมีความฮึกเหิมมากขึ้นแน่ เพราะพวกเขาได้แสดงออกอย่างชัดเจนต่อเป้าหมายของพรรคที่ท้าทายต่ออุดมการณ์ของรัฐ ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วพวกเขาไม่คาดคิดว่าจะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อมากมายขนาดนี้ ทำให้ส.ส.ในลำดับหลังๆ ไม่ค่อยมีคุณภาพในสภา หลายคนเอ่ยมาก็ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเป็นส.ส.เพราะอภิปรายไม่เป็นเป็นเพียงไม้ประดับ
กระทั่งมีคนเล่าว่าในครั้งที่แล้ว ส.ส.พรรคก้าวไกลบางคนแทบจะตัดสูทเข้าสภาไม่ทันเลยทีเดียว แต่เชื่อว่าครั้งนี้พรรคก้าวไกลเล็งเห็นแล้วว่า พวกเขาจะต้องคัดคนที่มีเป้าหมายในการทะลุทะลวงมากขึ้นไม่ใช่ใส่ใครลงไปในบัญชีรายชื่อเพื่อเติมเต็มอย่างเดียว แม้ว่าโอกาสในการได้บัญชีรายชื่อจะน้อยลงเพราะเป็นแบบบัตรสองใบหาร 100 ก็ตาม
หากถามว่าพรรคก้าวไกลจะได้ส.ส.ในครั้งหน้าเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับการสำรวจของนิด้าโพลแล้วคาดว่า พรรคก้าวไกลจะได้ส.ส.ทั้งสองระบบประมาณ 80 คนบวกลบ และฟันธงเลยว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์จะเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
ทำไมถึงมองว่าพรรคก้าวไกลต้องเป็นพรรคฝ่ายค้าน เพราะผมมองว่า ไม่ว่าฝั่งไหนจะเป็นรัฐบาลก็ตาม แต่ด้วยบทบาทของพรรคก้าวไกลต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และอุดมการณ์ของรัฐก็คงจะไม่มีพรรคการเมืองฝั่งไหนชวนพรรคก้าวไกลไปร่วมสังฆกรรมเป็นแน่ แม้ว่าพรรคเพื่อไทยซึ่งอยู่ในฝั่งที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกันมีโอกาสจัดตังรัฐบาลก็เชื่อว่าคงไม่อยากร่วมมือทำงานกับพรรคก้าวไกลแน่ เพราะมีอุดมการณ์ที่เป็นอันตรายจนเกินไป
ถ้าพรรคก้าวไกลจะเป็นพรรครัฐบาลคงจะต้องชนะเลือกตั้งเป็นพรรคอันดับ 1 ด้วยตัวเอง แต่เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าโอกาสของพรรคก้าวไกลยังมองไม่เห็นและเชื่อว่ามวลชนฝั่งนี้นอกจากพวกฮาร์คคอร์หรือพวกปฏิกษัตริย์นิยมจริงๆ ที่จะเลือกก้าวไกลนอกนั้นพวกเขายังน่าจะเลือกพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะคะแนนสงสารทักษิณที่ส่งลูกสาวแพทองธาร ชินวัตรเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
แต่ในอนาคตข้างหน้าในวันที่ธนาธรและปิยบุตรพ้นโทษแบนทางการเมือง 10 ปี และคนรุ่นใหม่ในวันนี้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเป็นพลเมืองส่วนใหญ่ของประเทศ เมื่อถึงวันนั้นประเทศเราจะเดินไปทางไหนก็เป็นชะตากรรมที่ไม่อยากจะคาดเดา
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan