ปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องคอย “อัพเดต” คอยติดตามข่าวคราวด้าน “เศรษฐกิจ” กันต่อไปเรื่อยๆ นั่นแหละทั่น!!! เพราะเรื่องการเงิน-การทอง เรื่องปาก-เรื่องท้อง เอาเข้าจริงๆ แล้วมันเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้อง พัวพัน เชื่อมโยงกับเรื่อง “การเมือง” ที่กำลังเต็มไปด้วยความขัดแย้งชนิดแทบไม่อาจอยู่ร่วมโลกได้ง่ายๆ ชนิดมิอาจแยกออกจากกันได้เลย ภายใต้ความเป็นไปของภาวะเศรษฐกิจที่ทำท่าว่าจะแย่ๆ กันในระดับโลก ไปๆ-มาๆ แล้ว...อาจกลายเป็น “จุดจบ” เป็น “ประจักษ์พยาน” แห่งความ “ล่มสลาย” ของโลกแบบเก่าเอาเลยก็ไม่แน่...
คือถ้าฟังจากบริษัทจัดอันดับเครดิตระดับโลก อย่างบริษัท “Fitch Rating International Agency” ที่เขาเคยออกมาคาดการณ์ ออกมาประเมินสถานะทางเศรษฐกิจของโลกทั้งโลกไว้เมื่อช่วงเดือนกันยาฯ ที่ผ่านมา แล้วต้องออกมาประเมินกันใหม่ล่าสุด เมื่อไม่กี่วันมานี้ แนวโน้มที่โลกทั้งโลกจะต้อง “หัวทิ่มดิน” ต่อไปในปีหน้า ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ หรือจากที่เคยประเมินว่า “จีดีพีโลก” ในปีหน้า อาจพอโตได้ประมาณสัก 1.7 เปอร์เซ็นต์ สุดท้าย...หนีไม่พ้นต้องหันมาปรับลดเหลือแค่ 1.4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง หายไปถึง .3 เปอร์เซ็นต์ ระดับไม่รู้จะกี่ล้านล้านดอลลาร์เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!
ส่วนเศรษฐกิจของหัวขบวนทุนนิยมโลกอย่างคุณพ่ออเมริกา...ที่เคยคาดว่าน่าจะโตได้สัก 0.5 เปอร์เซ็นต์ในปีหน้า แต่ด้วยเหตุเพราะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบ “ใส่เกียร์ 5” ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ชนิดคราวแล้ว-คราวเล่า เพื่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ บริษัทจัดอันดับเครดิตดังกล่าว เขาเลยต้องหันมาปรับลดจีดีพีปีหน้าของคุณพ่ออเมริกาเหลือแค่ 0.2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ขณะที่หัวขบวนเศรษฐกิจอันดับ 2 อย่างคุณพี่จีน ด้วยเหตุเพราะข่าวแย่ๆ ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เลยทำให้ที่คิดๆ ไว้ว่าอาจโตได้ประมาณ 4.5 เปอร์เซ็นต์ ต้องปรับลดลงมาเหลือ 4.1 เปอร์เซ็นต์ ไม่เกินไปกว่านั้น...
ขณะที่หัวขบวนเศรษฐกิจอีกรายหนึ่ง คือในประเทศแถบ “ยูโรโซน” ตามความเห็นของ “Fitch” อาจไม่ถึงกับแย่อย่างที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ หรือไม่ถึงกับ “ติดลบ” (-0.1 เปอร์เซ็นต์) มีสิทธิ์ที่จะเขยิบขึ้นเป็น “บวก” แต่แค่ประมาณ 0.2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น อันเนื่องมาจากความหนักหนา-สาหัสจาก “วิกฤตพลังงาน” อาจไม่ถึงกับต้องหนาวตาย แข็งตาย กันไปซะทั้งหมด แค่ต้อง “เด็ดปัสสาวะทิ้ง” กันไปเป็นพักๆ แต่สำหรับหนาวนู้น หนาวโน้น หรืออีกสักสี่-ซ้า-ห้าหนาว ที่ยังไม่รู้ว่าจะไปวิ่งหาแก๊ส หาน้ำมัน จากที่ไหนดี เพราะการไม่อาจหาพลังงานแทนที่พลังงานจากรัสเซียได้เลย ย่อมทำให้วิกฤตพลังงานให้ยุโรป กลายเป็น “ปัญหาระยะยาว” อย่างไม่พึงต้องสงสัย...
หรือโดยรวมๆ แล้ว... “Fitch” เขาเห็นว่า การทำให้ภาวะเงินเฟ้อเกิด “ความเชื่อง” หรือลดๆ ลงไปมั่ง ได้เป็นที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นอะไรที่ยากลำบากมิใช่น้อย เพราะแรงกดดันจากภาวะราคาสินค้าที่แพงเอาๆ มันกำลังขยายตัวกว้างขึ้นและรุกล้ำไปสู่ภาคเศรษฐกิจด้านต่างๆ หนักเข้าไปทุกที หรืออย่างที่อดีตรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ “นายLarry Summers” แกเคยออกมาให้ความเห็นไว้ก่อนหน้านี้นั่นแหละว่า ความพยายามบรรลุเป้าหมายในการขจัดภาวะเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังไงๆ ย่อมนำไปสู่ “ภาวะเศรษฐกิจถดถอย” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงไปเป็นอื่น ดังนั้น...ไม่ว่าหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ “Fitch” อย่าง “นายBrian Coulton” เลยหนีไม่พ้นต้อง “ฟันธง” และ “ฟันเฟิร์ม” ไม่ต่างไปจาก “กูรู-กูรู้” รายไหนๆ คือเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ จะเริ่มปรากฏรูปร่างให้เห็นภายในไตรมาส 2 และ 3 ของปีหน้า ส่วนยูโรโซนรวมทั้งผู้ดีอังกฤษ พอมองเห็นได้ถนัดชัดเจนตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป...
อังกฤษนั้นตามข่าวล่า-มาเรือเห็นว่า... “กองทุนบำนาญ” หรือ “Pension Fund” ทำท่าว่าจะแตกดังโพละ ใกล้จะ “ล่มสลาย” ในอีกไม่กี่อึดใจ ชนิดผู้บริหาร “Bank of England” ต้องออกมาโหยหวนครวญคราง เรียกร้องใครต่อใครให้เร่งกันช่วยประคับประคอง ช่วยเหลือเยียวยา ระดับ “Urgent International Action” เอาเลยถึงขั้นนั้น แต่จะมีใครออกมาช่วยกันในแบบไหน? อย่างไร? คงต้องคอยติดตามกันต่อ เพราะที่แน่ๆ...บรรดา “พยาบาล” ในประเทศผู้ดีอังกฤษ เขาทำท่าว่ากำลังจะออกมาช่วยเหยียบ ช่วยกระทืบ หรือไม่? อย่างไร? คงต้องไปคิดๆ กันเอาเอง คือทำท่าว่าจะออกมาประท้วง นัดหยุดงาน ร่วมกับบรรดา “สหภาพแรงงาน” ในอังกฤษทั้งหลาย เพื่อให้รัฐบาลเพิ่มค่าจ้าง เพิ่มสวัสดิการ อันเนื่องมาจากทุกสิ่งทุกอย่างแพงหูฉี่ยิ่งเข้าไปทุกที ถึงขั้นต้อง “อดมื้อ-กินมื้อ” ไปแล้วถึงขั้นนั้น แต่เพราะความอดรนทนไม่ไหวในเรื่องปาก-เรื่องท้องของชาวอังกฤษนี่เอง เลยทำให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ของอังกฤษ “นายNadhim Zahawi” แกเลยออกมาด่าประชาชนของตัวเอง ประมาณว่า... “นี่คือช่วงเวลาที่เราควรต้องร่วมมือกันเพื่อส่งสัญญาณให้กับนายปูติน ว่าเรายังคงเหนียวแน่น ไม่ได้แตกแยก แบ่งแยกกันเอง” อะไรทำนองนั้น...
คือพูดง่ายๆ...หันมา “โยนขี้-โยนบาป” ให้กับผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” ถือเป็นต้นเหตุ เป็นเหตุปัจจัยแห่งความทุกข์ ความเดือดร้อนของชาวอังกฤษทั้งปวง ในทุกเรื่อง ทุกราว เอาเลยก็ว่าได้ เรียกว่า...ไม่ใช่แค่ส่อให้เห็นลักษณะอาการของโรค “Russophobia” เท่านั้น แต่ยังไปไกลถึงขั้น “Putinophobia” ไปแล้วก็ว่าได้ ไม่ต่างไปจากผู้นำอเมริกาอย่างผู้เฒ่า “โจ ไบเดน” ที่มักหันมาโยนบาป โยนภาวะสินค้าราคาแพงแสนแพง ด้วยเหตุเพราะเป็น “ราคาปูติน” ทำนองนั้น เช่นเดียวกับอดีตนายกฯ อังกฤษ “นายบอริส จอห์นสัน” ที่เคยพยายามปลอบประโลมชาวเมืองผู้ดีด้วยพูดเก๋ๆ ไก๋ๆ ประมาณว่า “ขณะที่เราต้องจ่ายค่าพลังงานแพงแสนแพงให้กับปิศาจร้ายอย่างวลาดิมีร์ ปูติน แต่สำหรับชาวยูเครนแล้ว...พวกเขาต้องจ่ายด้วยเลือดเนื้อของพวกเขาเอง” แต่ก็นั่นแหละ...ขณะที่รัสเซียกับยูเครนทำท่าว่าอาจหาจุดลงตัวกันได้บนโต๊ะเจรจาเพราะรัฐบาลยูเครนทำท่าว่าไม่คิดจะสมัครเข้าเป็นสมาชิกนาโตต่อไปอีกแล้ว ถ้าว่ากันตาม “แหล่งข่าวอเมริกัน” ก็ด้วยเหตุเพราะอดีตนายกฯ “หัวกระเซิง” รายนี้นี่เอง ที่ลงทุนบินไปยุ-แยง-ตะแคงรั่ว ยุให้ชาวยูเครน “จ่ายด้วยเลือด” ต่อไปพร้อมๆ กับที่ชาวอังกฤษต้องจ่ายแพงแสนแพง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด...
สรุปรวมความแล้ว...ภายในปีหน้านี่แหละ เศรษฐกิจอเมริกาที่ทำท่าว่าน่าจะ “หนักสุดๆ” ชนิดอาจถึงขั้น “ฟองสบู่ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก...กำลังจะแตก!!!” หรือไม่? อย่างไร? คงต้องคอย “อัพเดต” กันเอาเอง ส่วนอียู-อังกฤษก็คงอย่างที่รองประธานสภาสูงรัสเซีย “นายKonstantin Kosachev” แกออกมาพูด มาวิเคราะห์ ไว้น่าคิด น่าฟัง มิใช่น้อย คือบอกว่าโลกตะวันตกนั้น...กำลังก้าวสู่ “ทางแยก” ที่จะต้องตัดสินใจว่า จะดำเนินนโยบายแบบ “เห็นแก่ตัว” ต่อไปเรื่อยๆ หรือจะหันมาย้อนคิด ย้อนทบทวน ถึงสิ่งเหล่านี้กันอย่างมี “สติ” เพราะแค่ผู้นำฝรั่งเศส ประธานาธิบดี “เอ็มมานูเอล มาครง” เขาปรารภรำพึงถึงการที่บรรดาชาวยุโรปควรให้ “หลักประกัน” ด้านความมั่นคงต่อรัสเซียเอาไว้ด้วย เพื่อที่ทั้งยุโรปและรัสเซียสามารถ “อยู่ร่วมกันโด/ยสันติ” ได้อย่างเป็นจริง-เป็นจัง เพียงเท่านี้ก็ถูกบรรดา “ประเทศบริวาร” ของ “นาโต” ทั้งหลาย เช่นประเทศแถบบอลข่าน ออกมาเล่นงานกันเป็นลูกระนาด หรือต่างก็คิดเอาแต่ “ตัวกู-ของกู” ให้ปลอดภัยเอาไว้ก่อน ด้วยนโยบาย “ขยายตัว” จนรุกล้ำเข้าไปถึงปากประตูบ้าน ใกล้ทะลุหน้าต่างๆ รัสเซียเข้าไปทุกที โดยไม่สนใจว่าแล้วจะให้รัสเซียเขา “อมสากกะเบือ” หรือให้ “เอามือซุกหีบ” ต่อไปเรื่อยๆ อย่างนั้นหรือ???
แต่ก็นั่นแหละ...เมื่อ “ความเห็นแก่ตัวของยุโรป” ดันต้องมาเจอกับ “ความเห็นแก่ตัวของอเมริกา” ที่ “American First” ในทุกๆ เรื่อง ทุกๆ กรณี ไม่ว่าในแง่ราคาแก๊ส ราคาน้ำมัน ราคาอาวุธ อันสุดจะแพงแสนแพง ไปยันถึงการออกกฎหมายกีดกันและป้องกันทางการค้า อย่าง “กฎหมาย IRA” คราวล่าสุด แม้ว่าบรรดาประเทศบริวารนาโต ยังคงเชียร์ให้รุมเหยียบ รุมกระทืบหมีขาวรัสเซียต่อไปให้จงได้ แต่บรรดาประเทศชั้นนำของอียู ไม่ว่าจะฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ฯลฯ ชักเริ่มทำท่าว่าอาจต้อง “เอาตัวรอด” อาจต้อง “ทางใครก็ทางมัน” เอาเลยก็เป็นได้ ไม่งั้น...ความพังพินาศทางเศรษฐกิจของอเมริกา-อียู อาจนำไปสู่ “ความล่มสลาย” ของโลกตะวันตก แบบทั้งแผง ทั้งยวง เอาเลยก็ไม่แน่!!!