8 ปีกว่ามาแล้วในเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ดูเหมือนว่าเขาปรารถนาจะไปต่อให้สุดทางเมื่อเขาตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงเวลา 2 ปีที่เหลือในวาระนายกรัฐมนตรีว่า “ก็ 2 ปี ก็ต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ถึงตอนนั้นก็จะมีคนใหม่ที่เหมาะสม ประชาชนยอมรับ มาทำต่อเท่านั้นเอง”
พล.อ.ประยุทธ์พูดราวกับว่าเขาจะได้ไปต่อแน่ๆ ซึ่งนั่นหมายความว่า พรรครวมไทยสร้างชาติที่เขาจะไปสังกัดสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ในการเลือกตั้งครั้งหน้าแล้วเขาจะขอเป็นนายกรัฐมนตรีก่อนใน 2 ปีที่เหลือแล้วจะวางทายาททางการเมืองขึ้นมาเป็นต่อ
แต่ถ้ามองกันตามความเป็นจริงยังไม่เห็นหนทางเลยว่าจะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ไม่มีทางเลยที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะได้รับเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 ทั้งในบรรดาพรรคทั้งหมด หรือแม้แต่จะชนะพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันในเวลานี้อย่างพรรคภูมิใจไทยที่กำลังเนื้อหอม
มวลชนที่รัก บรรดาอินฟลูเอนเซอร์คนดังทั้งหลายที่หนุนหลังพล.อ.ประยุทธ์คนไหนที่กล้าพอจะบอกว่าพล.อ.ประยุทธ์ภายใต้พรรครวมไทยสร้างชาติจะกลับมาเป็นแกนนำรัฐบาลได้ ลองลอยหน้าออกมาสักคนสิว่าจะไปถึงความฝันลมๆ แล้งๆ นั้นได้อย่างไร บอกหน่อยสิว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะได้ ส.ส.มาจากไหนบ้าง
ดูตัวบุคคลตอนนี้พูดกันตรงๆ จะให้พรรครวมไทยสร้างชาติได้สัก 25 คนที่ทำให้แคนดิเดตที่พรรคเสนอชื่อเป็นตัวเลือกนายกรัฐมนตรีได้ก็ไม่น่าจะง่ายดาย
ถึงตอนนี้ยังไม่ชัดเจนเลยว่าจะมีใครสักกี่คนที่ออกจากพรรคพลังประชารัฐและตามพล.อ.ประยุทธ์ไปอยู่พรรคนี้ คนที่ตามมาก็ไม่ใช่คนที่มีแสงในตัวเอง และจะพาตัวเองกลับเข้าสภาฯ มาได้ง่ายๆ ต่างก็หวังจะเกาะกระแสของพล.อ.ประยุทธ์ทั้งนั้น แต่ถามว่ากระแสของพล.อ.ประยุทธ์เมื่อปี 2562 กับวันนี้ยังเหมือนเดิมไหม
ฐานเสียงของพล.อ.ประยุทธ์ที่พอจะมองเห็นตอนนี้ก็คงมีใน กทม.และภาคใต้เท่านั้น ยังไม่เห็นเลยว่าจะได้ ส.ส.จากภาคอื่นได้อย่างไร แล้วในการเลือกตั้งก็ต้องแข่งขันกันเองในฐานเสียงของมวลชนฝั่งเดียวกันทั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย สุดท้ายก็จะตัดคะแนนกันเองจนพ่ายแพ้แก่ฝั่งตรงข้ามได้
มั่นใจหรือว่าจะแย่งชิง ส.ส.ใน กทม.กับพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลได้ หรือจะรักษาเก้าอี้ที่ฝ่ายเดียวกันเคยได้ในนามพรรคพลังประชารัฐเอาไว้ได้
และมีคำถามต่อมาว่า พล.อ.ประยุทธ์พร้อมจะยอมรับสถานะของผู้แพ้ไหม
แล้วความพ่ายแพ้ของพล.อ.ประยุทธ์อาจจะไม่ได้หมายถึงชะตากรรมของพล.อ.ประยุทธ์คนเดียว แต่อาจหมายถึงชะตากรรมของฝ่ายอนุรักษนิยมและระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วย
เราไม่รู้หรอกว่าอะไรที่ทำให้พล.อ.ประยุทธ์คิดจะไปต่อแม้จะเหลือวาระที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีก 2 ปี แล้วลงแข่งขันชิงคะแนนกันในฝ่ายเดียวกันแย่งกันตกปลาในบ่อเดียวกันจนอาจจะพากันพ่ายแพ้ฝ่ายตรงข้ามที่กระแสกำลังมาแรง ซึ่งคงต้องยอมรับนะครับว่า กระแสของฝ่ายตรงข้ามในเวลานี้นั้นเป็นอานิสงส์มาจากผลสะท้อนกลับที่คนจำนวนหนึ่งเบื่อพล.อ.ประยุทธ์นั่นเอง
การเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างมวลชนแดงหรือเหลืองเพียงลำพัง แต่มีคนกลางๆ ที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงเป็นตัวตัดสินที่สำคัญด้วยซึ่งพล.อ.ประยุทธ์น่าจะรับรู้ได้ว่า 8 ปีกว่าที่ตัวเองอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้นสามารถสร้างความยอมรับและเชื่อมั่นต่อประชาชนส่วนใหญ่หรือไม่
8 ปีกว่าแล้วที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์มีอะไรที่ทำแล้วประสบความสำเร็จน่าภาคภูมิใจและสร้างความเชื่อมั่นที่ทำให้คนส่วนใหญ่ในประเทศที่ไม่ใช่ติ่งของพล.อ.ประยุทธ์คิดว่าพล.อ.ประยุทธ์ควรจะดำรงตำแหน่งนี้ต่อไป และคิดว่าพล.อ.ประยุทธ์จะทำทุกอย่างที่มุ่งหวังให้สำเร็จใน 2 ปีที่เหลืออย่างนั้นหรือเมื่อเขาเห็นศักยภาพของพล.อ.ประยุทธ์ใน 8 ปีกว่าที่ผ่านมาแล้ว
หรือพล.อ.ประยุทธ์คิดว่าตัวเองมีความจำเป็นต้องไปต่อ เพราะยังมองไม่เห็นว่าจะมีใครในฝ่ายเดียวกันจะมารับไม้ต่อได้ หรือตัวเองจะต้องไปต่อด้วยเหตุผลที่ไม่อาจจะปฏิเสธหรือพูดกับสาธารณชนได้ แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรพล.อ.ประยุทธ์คิดไหมว่า หากพ่ายแพ้ผลพวงที่ตามมาจะเป็นอย่างไร มันจะกระทบต่อตัวพล.อ.ประยุทธ์อย่างเดียวหรือจะกระทบต่อสถาบันหลักของชาติที่กำลังถูกท้าทายด้วย
พล.อ.ประยุทธ์คิดไหมว่า ระหว่างการแตกพรรคมาแข่งขันตัดคะแนนกันเองในพรรคฝ่ายเดียวกันที่ถูกมองว่าเป็นฝ่ายอนุรักษนิยมที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลในเวลานี้กับการทำให้เหลือพรรคในฝ่ายเดียวกันน้อยที่สุดเพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพอันไหนจะเป็นการแข่งขันกับฝ่ายตรงข้ามที่มีประสิทธิภาพมากกว่ากัน
ไม่ใช่แค่พล.อ.ประยุทธ์คนเดียวแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้ที่เป็นไก่จิกกันในเล้านั้นต่างรู้หรือไม่ว่า กำลังสร้างความเบื่อหน่ายให้ประชาชนส่วนหนึ่ง และเขาไม่เห็นว่าจะฝากความหวังและอนาคตของบ้านเมืองเอาไว้ได้ เสียงสะท้อนของประชาชนผ่านโพลจึงเทไปฝ่ายตรงข้าม แม้จะมีโพลบางโพลที่เหมือนจะสร้างความหวังให้ แต่ดูกันไม่ออกหรือว่าโพลไหนที่น่าเชื่อถือกว่ากัน
อย่าว่าแต่ชัยชนะจากพรรคที่พล.อ.ประยุทธ์จะสังกัดเลยวันนี้ต้องมองด้วยซ้ำว่า พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคในเวลานี้ครั้งหน้าจะมีจำนวน ส.ส.รวมกันมากกว่าพรรคฝ่ายค้านไหม ทั้งบรรยากาศทางการเมือง กระแสสังคม อารมณ์ของผู้คนที่สะท้อนผ่านโพลก็บอกอยู่แล้วว่าฝ่ายไหนจะชนะ แล้วอย่างนี้ยิ่งแข่งกันเองตัดคะแนนกันเองในพรรคฝ่ายเดียวกันจะชนะได้อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์มองไม่เห็นคำตอบเลยหรือ
วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ได้มองเห็นถึงความอ่อนไหวที่จะกระทบต่ออุดมการณ์ของรัฐและรูปแบบของรัฐที่กำลังถูกท้าทายด้วยคนรุ่นใหม่หรือไม่ มองเห็นหรือไม่ว่าการช่วงชิงอำนาจทางการเมืองครั้งนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องอำนาจและวาสนาของพล.อ.ประยุทธ์เพียงอย่างเดียว แต่มันอาจจะกระทบต่อโครงสร้างและระบอบของรัฐด้วย ผลลัพธ์อาจจะไม่เกิดขึ้นในทันทีทันใด แต่มันจะสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงท้าทายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
เราคงต้องถามว่าวันนี้ในฝ่ายอนุรักษนิยมนั้นนอกจากพล.อ.ประยุทธ์แล้วไม่มีใครเป็นความหวังของฝั่งนี้ได้เลยหรือ มีใครบ้างที่พอจะเป็นความหวังของประชาชนและมีโอกาสที่จะชนะได้นอกจากฝากความหวังไว้กับพล.อ.ประยุทธ์เพียงคนเดียว ทำไมไม่ช่วยกันหาคนนั้นให้เจอ
8 ปีที่พล.อ.ประยุทธ์ทำมาแล้วกับ 2 ปีที่จะฝากอนาคตไว้กับพล.อ.ประยุทธ์ต่อนั้น มันสามารถทำให้คนส่วนใหญ่มีความหวังว่าจะนำพาประเทศไปในทางที่ดีกว่าได้จริงหรือ หรือว่า 2 ปีข้างหน้านั้นจะยิ่งตอกย้ำความชอบธรรมให้กับฝ่ายที่มีความคิดท้าทายต่อระบอบมากยิ่งขึ้น
ย้ำอีกครั้งว่าเลือกตั้งครั้งหน้าอย่าคิดเพียงแต่ตอบสนองแรงปรารถนาของพล.อ.ประยุทธ์อย่างเดียว แต่ต้องนึกถึงภัยที่ท้าทายต่อระบอบด้วย
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan