ในที่สุดการประชุมเอเปกจบลงด้วยดี โดยมีประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือด้วยในฐานะเจ้าภาพ แต่ก็มีคนไทยส่วนหนึ่งได้ออกมาชุมนุมก่อความวุ่นวาย เพื่อหวังทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยกล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีความชอบธรรมที่จะเป็นผู้นำประเทศในการประชุมเอเปก
แต่ในที่สุดดูเหมือนว่าคนกลุ่มนี้ ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าก่อความวุ่นวาย และกระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อให้การประชุมระดับประเทศเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย
ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นใช้มาตรการเข้มงวดในการป้องกันมิให้ผู้ชุมนุมเข้าไปก่อความวุ่นวาย จึงทำให้การประชุมตกอยู่ในอันตรายถึงกับผู้เข้าร่วมประชุมต้องหนีเอาตัวรอด ดังที่เคยเกิดขึ้นกับการประชุมที่พัทยาในสมัยของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
แต่โชคดีที่การชุมนุมในครั้งนี้ไม่บานปลายกลายเป็นจลาจล เฉกเช่นที่ม็อบเสื้อแดงเคยก่อไว้ในอดีต จึงนับได้ว่าการป้องกันและควบคุมการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ได้ผลดีเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปที่ไม่อยากเห็นประเทศไทยก่อความวุ่นวายไร้จริยธรรม และที่สำคัญการประชุมเอเปกในครั้งนี้คงจะทำให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างน้อยในเรื่องดังต่อไปนี้
1.ทำให้เม็ดเงินเพิ่มขึ้นจากการจับจ่ายใช้สอยของผู้นำ และคณะในระหว่างการประชุม
2. ทำให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนประเทศไทยเพิ่มขึ้น
3. ทำให้การส่งออกสินค้าของไทยไปยังประเทศที่เข้ามาร่วมชุมนุมเพิ่มขึ้น
4. ทำให้มีผู้มาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากจีน
จึงสรุปได้ว่า การประชุมเอเปกในประเทศไทยครั้งนี้ ทำให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์ในระดับหนึ่ง ถึงแม้จะไม่มากเท่าที่บางคนคาดหวัง แต่ก็ดีกว่าไม่มีการประชุมหรือการประชุมแล้วล้มเหลวจากน้ำมือของพวกก่อกวน
เอเปกจบแล้วการเมืองไทย และสังคมไทยคงจะวุ่นวายต่อ เฉกเช่นที่เคยเกิดขึ้นและดำรงอยู่ตลอดมาใช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ความวุ่นวายเรื่องแรกที่ส่อเค้าว่าจะเกิดขึ้นแน่นอนก็คือ ความวุ่นวายทางการเมืองจะสังเกตได้จากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1.ปรากฏการณ์แตกร้าวระหว่างพี่น้อง 3 ป. จะเห็นและอนุมานได้จากการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แยกตัวเองไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ และในขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ยึด***ที่พรรคพลังประชารัฐ เกี่ยวกับเรื่องนี้ถ้ามองเพียงผิวเผินจากที่เห็นด้วย และฟังจากข่าวก็จะบอกได้ว่า ทั้งพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ต่างมีฐานะที่มั่นคงทางการเมืองคนละฐานะ แต่จะต้องไม่ลืมว่าทั้งสองคนมีฐานะที่มั่นคงทางการเมืองที่แท้จริงเป็นฐานเดียวกันคือ ส.ว. 250 คนสนับสนุน
ดังนั้น ถ้าพรรครวมไทยสร้างชาติได้ ส.ส.มากพอที่จะเป็นแกนำในการจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ โดยการสนับสนุนของ ส.ว.
ในทางกลับกัน ถ้าพรรคพลังประชารัฐได้ ส.ส.จำนวนมากพอที่จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประวิตร ก็มีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรี ในทำนองเดียวกัน
ดังนั้น จึงอาจมอบได้ว่าการแยกพรรคของพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร เข้าทำนองแยกกันเดินแล้วแยกกันตีก็เป็นไปได้
2. ปรากฏการณ์ความวุ่นวายทางสังคม อันเป็นผลจากการทำงานที่ด้อยประสิทธิภาพของหลายๆ รัฐบาลที่ผ่านมา เป็นปัญหาสะสม โดยเฉพาะปัญหาอาชญากรรมอันเกิดจากปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ และปัญหาการย่อหย่อนทางด้านศีลธรรมเช่น ปัญหายาเสพติด และปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน ซึ่งรุนแรงขึ้นทุกวัน โดยที่เกิดจากการกระทำของคนไทยและคนต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจสีเทาในประเทศไทย และมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
ในขณะนี้มีปัจจัยซ้ำเติมคือ การพนันที่มาพร้อมกับการแข่งขันกีฬาฟุตบอลโลก ซึ่งมีการถ่ายทอดสดบอลโลก ซึ่งมีการถ่ายทอดให้คนไทยได้ดูเป็นกีฬา และคนไทยส่วนหนึ่งใช้เป็นเครื่องมือเล่นการพนัน
สุดท้ายนี้ ผู้เขียนขอให้ทั้งนักการเมือง และข้าราชการประจำ ซึ่งมีหน้าที่ป้องกันและแก้ไขปัญหาความวุ่นวายของประเทศโปรดได้มองปัญหาส่วนรวมของประเทศก่อนมองดูความมั่นคงทางการเมือง และความร่ำรวยของตนเอง เพื่อให้ประเทศอยู่ได้และเอื้ออำนวยความสุขให้แก่ประชาชนโดยรวม