อังกฤษ ยุโรป เป็นเศรษฐีตกยาก

ประเทศยุโรปและอังกฤษเคยมั่งคั่งมีชีวิตความเป็นอยู่อุดมสมบูรณ์เป็นกลุ่มที่พัฒนาแล้วด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ประชาชนมีรายได้เหนือกว่าคนในทวีปอื่นๆ

มาถึงยุคของสงครามยูเครนกับรัสเซียและยุโรปเดินตามนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการคว่ำบาตรรัสเซีย โดยไม่ซื้อพลังงานทั้งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันก็ถูกผลกระทบย้อนรอยมาเล่นงานตัวเอง

ประเทศกลุ่มจี 7 ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมยังกำหนดเพดานน้ำมันว่ารัสเซียจะต้องไม่ขายเกินกว่า 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ถ้าขนส่งทางเรือเริ่มวันที่ 5 เดือนนี้

การตั้งเงื่อนไขที่ยากในทางปฏิบัติมีแต่จะทำให้ยุโรปและอังกฤษเดือดร้อนมากกว่าเดิม เพราะรัสเซียประกาศแล้วว่าจะไม่ขายน้ำมันให้กับกลุ่มประเทศเหล่านี้

ยุโรปไม่มีแหล่งพลังงานเพียงพอสำหรับตนเอง หลายประเทศต้องนำเข้าเกือบ 100% ถ้าไม่พึ่งพาถ่านหินซึ่งถือว่าเป็นพลังงานสกปรก แต่เมื่อไม่มีก๊าซและน้ำมันจากรัสเซียก็จำเป็นต้องใช้

สำคัญอยู่ที่ว่าคนยุโรปและอังกฤษลำบากหนักเพราะปัญหาเงินเฟ้อจากพลังงานราคาแพง ทำให้ค่าครองชีพสูงเกินกว่าที่เคยเป็นมาในรอบ 70 ปี โดยเฉพาะอังกฤษซึ่งมากกว่า 2 ล้านครอบครัวลำบากเลือดตาแทบกระเด็น

มีการทำสำรวจและวิจัยความทุกข์ยากของคนอังกฤษซึ่งระบุว่าครอบครัวเหล่านี้ไม่สามารถจ่ายเงินค่าก๊าซและน้ำมันได้ อาจจะต้องถอดตัวเองจากระบบพลังงานที่จัดหาให้โดยรัฐเช่นก๊าซหุงต้ม และเครื่องทำความร้อนรวมทั้งค่าไฟฟ้า

บริษัทพลังงานที่ให้บริการไฟฟ้าและก๊าซส่งไปตามบ้าน Utilita Energy ได้สำรวจทำวิจัย 750 ครอบครัว และพบว่าจะไม่สามารถจ่ายเงินในระบบผ่านมิเตอร์ที่ล้าสมัย อาจจะถอดออกเพื่อไปขอรับบริการต่อไป

การใช้ชีวิตอยู่โดยไร้ไฟฟ้าและเครื่องทำความร้อนจะทำให้มีผลกระทบอย่างแรงต่อสุขภาพจนถึงขั้นเสียชีวิตในฤดูหนาว บริษัทที่ให้บริการด้านสาธารณูปโภคอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงระบบมิเตอร์ เครื่องมือที่จำเป็นเพื่อช่วยเหลือประชาชน

ผู้บริหารของบริษัท นายBill Bullen คาดว่าจะมีคนเจ็บป่วยซึ่งเป็นผลจากอากาศหนาวในช่วงฤดูหนาวปีนี้ เพราะไม่มีทางเลือกอื่นด้วยเหตุที่ว่ารายได้ไม่สามารถจ่ายเงินค่าไฟฟ้าและก๊าซได้

ปัญหาเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในหลายทศวรรษแล้วที่ประชากรอังกฤษหลายล้านคนต้อง ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด

สำนักงานปฏิบัติการพลังงานแห่งชาติอังกฤษได้เตือนว่าประมาณ 8.4 ล้านคน กำลังเข้าสู่สภาวะความยากจนด้านพลังงานปีหน้าถ้ามาตรการภาษีด้านไฟฟ้าทำให้เพิ่มราคาเกือบเท่าตัวในเดือนเมษายนปีหน้า

ทุกวันนี้คนอังกฤษต้องลดค่าใช้จ่ายอย่างแรงถึงขั้นต้องอดมื้อกินมื้อหรือลดระดับมาตรฐานคุณภาพอาหารเพื่อสงวนเงินไว้จ่ายค่าไฟฟ้า ก๊าซ และผลกระทบจากโครงการออกจากประชาคมยุโรปก็ยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์

อาหาร ยารักษาโลก และสิ่งของจำเป็นที่นำเข้าจากยุโรปมีราคาแพงขึ้นและขาดแคลน เนื่องจากระบบการขนส่งมีปัญหา ธุรกิจในอังกฤษซึ่งไม่สามารถทนกับสภาวะพลังงานแพงต้องปิดตัวลง

ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์รัฐบาลอาจสั่งห้ามใช้ยานพาหนะซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้าเพราะจะทำให้มีความต้องการด้านไฟฟ้ามากขึ้น และอัตราการชาร์จไฟฟ้าเข้าสู่รถยนต์มีราคาแพงมากกว่าการเติมน้ำมันเบนซินธรรมดา

ประเทศฝรั่งเศสก็อาจพบกับภาวะไฟฟ้าดับในบางพื้นที่บางช่วงถ้ากระแสไฟตกเพราะไม่สามารถผลิตได้เพียงพอด้วยปัญหาขาดแคลนพลังงาน บริษัทการค้าและอุตสาหกรรมในฝรั่งเศสก็ประสบภาวะขาดแคลนพลังงาน ต้นทุนสูงขึ้นเช่นเดียวกัน

เยอรมนีเกิดสภาวะ Deindustrialization ภาคอุตสาหกรรมจะอยู่ในสภาวะลำบาก บริษัทขนาดใหญ่ต้องลดการผลิตหรือว่าหยุดกิจการเมื่อไม่สามารถสู้กับต้นทุนพลังงานได้ ธุรกิจขนาดปานกลางและธุรกิจย่อยก็อยู่ในชะตากรรมเดียวกัน

การกำหนดราคาเพดานน้ำมันดิบจากรัสเซียขนส่งด้วยเรือ จะทำให้น้ำมันในตลาดโลกน้อยลง ถ้ารัสเซียลดการผลิต นั่นหมายความว่าราคาน้ำมันจะสูงขึ้น ยุโรปรวมทั้งอังกฤษและประเทศอื่นๆ จะลำบากเพราะน้ำมันแพงขึ้นเช่นกัน

ทางเลือกมีอยู่ว่าถ้ายุโรปต้องการกลับเข้าสู่สภาพเดิมก็ต้องหยุดนโยบายคว่ำบาตรรัสเซียและพยายามเป็นอิสระจากการครอบงำของสหรัฐฯ ที่เป็นตัวหลักในการส่งอาวุธช่วยเหลือยูเครนให้รบกับรัสเซีย จนคลังอาวุธพร่องทั้งในยุโรปและสหรัฐฯ

สงครามยูเครนไม่มีจุดที่เจรจาระหว่างคู่สงครามทั้งสองฝ่ายเพราะเงื่อนไขที่ว่ารัสเซียจะต้องถอนทหารออกจากพื้นที่ของยูเครนให้หมดก่อนจะมีการเจรจากัน ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะรัสเซียไม่ยอมคืนพื้นที่ให้แน่นอน

ความหวังที่จะหยุดสงครามแทบมองไม่เห็นเนื่องจากเงื่อนไขแตกต่างกัน และยูเครนก็ไม่สามารถตัดสินใจเองได้โดยไม่มีการเห็นชอบจากรัฐบาลสหรัฐฯ

คนอเมริกันลำบาก พลังงานแพง รัฐบาลสหรัฐฯ ถูกกล่าวหา โดยยุโรปว่าเป็นผู้ได้ประโยชน์จากสงครามยูเครน ขายอาวุธให้ยุโรปและพลังงานในราคาแพงถึง 4 เท่า

สหรัฐฯ ได้ประโยชน์แต่เพียงผู้เดียวขณะที่ยุโรปลำบากและรัฐบาลยังไม่มีหนทางที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าทำไมถึงต้องเสียสละเพื่อยูเครนขณะที่ตัวเองลำบาก