xs
xsm
sm
md
lg

แนวรบยุโรปตะวันออกยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


ดมิตรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย
เผอิญเหลือบไปเห็นข่าว...อดีตผู้บัญชาการกองกำลังโจมตีทางอากาศของยูเครน ชื่อว่า “นายMikhail Zabrodsky” “ ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร “ “The Economist” เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา ว่ากองทัพยูเครนกำลังเตรียมแผนที่จะยึดคืนดินแดนไครเมีย ซึ่งถูกรัสเซียผนวกเอาไว้เมื่อ 8 ปีที่แล้ว กลับคืนมาให้ได้ภายในปีหน้า ปิดท้ายสัปดาห์นี้...เลยคงต้องขออนุญาตกลับไปสำรวจตรวจสอบ “แนวรบยุโรปตะวันออก” ที่ถือเป็นแนวรบสำคัญเอามากๆ อีกสักครั้ง ว่าไปถึงไหนต่อไหนกันมั่งแล้ว...

คืองานนี้...ถ้าเป็น “ภาษามวย” คงต้องเรียกว่า “ออกอาการ” คือต้อง “สมรักษ์ คำสิงห์” ต้องคุยโม้-โอ้อวดเอาไว้ก่อน ไม่ว่าจะกรณียึดเมืองร้าง (เคอร์ซอน) เอาไว้ได้หลังกองทัพรัสเซียถอนตัว ความพยายาม “ลากนาโต” เข้ามาเผชิญหน้ากับรัสเซียให้จงได้ ด้วยการปั้นข่าวเรื่องจรวดรัสเซียหล่นใส่หัวกบาลพันธมิตรนาโตอย่างโปแลนด์ ที่กลายเป็นข่าวเมค ข่าวปล่อย ชนิดแม้แต่นักยุแยงตะแคงรั่ว อย่างคุณพ่ออเมริกายังรับไม่ไหว เพราะโดย “ภาพรวม” ของฉากสถานการณ์ โอกาสที่ยูเครนจะเอาชนะรัสเซีย หรือจะลากยาวสงครามออกไปเป็นปีๆ ท่าทางน่าจะลำบากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ การสร้างฉาก จัดฉาก เล่นละครแบบ “ตลก 69” อะไรทำนองนั้น จึงถือเป็นการ “เข้าทาง” อดีตดาวตลกอย่างผู้นำยูเครนเขานั่นแหละ แต่จะถือเป็นจริง-เป็นจัง เป็นเรื่อง-เป็นราว คงไม่น่าจะถูกเรื่องกันสักเท่าไหร่นัก...

เพราะถ้าว่ากันโดย “ภาพรวม” แล้ว...ไม่ว่าจะความรู้สึกในหมู่ประชาชนพลเมืองชาวยุโรป หรือสูงขึ้นไประดับรัฐบาลก็เถอะน่าจะเริ่มเบื่อๆ-หน่ายๆ ต่อการสนับสนุน ส่งเสริม ให้รัฐบาลยูเครนเล่นบทเป็น “ดาวยั่ว” เป็นผู้ยั่วยวนกวนส้นตีนหมีขาวรัสเซีย ชนิดกะจะให้ถึงขั้นอ่อนเปลี้ยเพลียแรง หมดฤทธิ์ หมดเดช ที่จะสร้างปัญหาให้กับบรรดาประเทศในยุโรปทั้งหลาย ตามคำยุแยงตะแคงรั่วของคุณพ่ออเมริกาเขานั่นเอง ไม่ว่าจะดูจากโพล “IFOP” ของสำนักวิจัยฝรั่งเศส ที่เปิดเผยผลสำรวจคราวล่าสุด ว่าจากบรรดาชาวฝรั่งเศสที่เคยชูจั๊กกะแร้เชียร์ให้รัฐบาลส่งเงิน ส่งอาวุธ ช่วยยูเครนสู้กับรัสเซียมากถึง 71 เปอร์เซ็นต์ เมื่อช่วงเดือนมีนาคมปีนี้ มาถึงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ความกระเหี้ยนกระหือรือดังกล่าว ลดฮวบฮาบลงไปเหลือแค่ 67 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ไม่ต่างไปจากชาวไส้กรอกเยอรมันจากที่เคยส่งเสียงเชียร์มวยแบบประเภท “ตี-ตี-ตี” ทำนองนั้น ถึง 80 เปอร์เซ็นต์เมื่อเดือนมีนาฯ แต่พอช่วงเดือนตุลาฯ ก็ลดเหลือ 66 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับชาวมักกะโรนีอิตาลีที่เสียงเชียร์รูดลงไปจาก 57 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียง 43 เปอร์เซ็นต์ ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้น...

ด้วยเหตุเพราะการสู้กับรัสเซียนั้น...ได้ก่อให้เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อน ความเจ็บปวดทรมานต่อบรรดาชาวยุโรปโดยถ้วนหน้า ต้องเจอภาวะขาดแคลนพลังงาน เจอภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นไปเกินกว่า 10 เปอร์เซ็นต์แทบทุกประเทศ ไม่เพียงแต่ต้องหนาวตาย-แข็งตาย ยังแถมต้องอดมื้อ-กินมื้อเอาเลยถึงขั้นนั้น อย่างประเทศผู้ดีอังกฤษที่ภาวะเงินเฟ้อพุ่งขึ้นไปแล้วถึง 11.1 เปอร์เซ็นต์ จนเกิดการ “ปล้นอาหาร” ขึ้นมามั่งแล้ว ถ้าว่ากันตามรายงานข่าวของ “Euro News” เรียกว่า...ไม่ว่าหมู-เห็ด-เป็ด-ไก่ ไส้กรอก เบคอน สุรายาเมา ฯลฯ ต่างถูกแง๊บ ถูกงาบ โดยบรรดาพวกผู้ดีทั้งหลาย ขณะเด็กชาวอังกฤษไม่น้อยกว่าครึ่งล้าน กลายเป็นผู้ต้องการความช่วยเหลือด้านอาหารอย่างเป็นการด่วน ส่วนเยอรมนีที่เงินเฟ้อพุ่งขึ้นไปถึง 10.4 เปอร์เซ็นต์ ถ้าว่ากันตามผลสำรวจของบริษัท “Nielsen IQ” จากจำนวนผู้ได้รับการสุ่มตัวอย่างถึง 10,000 ตัวอย่าง กว่า 52 เปอร์เซ็นต์ ต่างต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายและการบริโภคกันโดยถ้วนหน้า ต้องเลิกชอปปิ้ง เลิกซื้อของแพง สุรุ่ยสุร่าย ต้องหันมาหุงหาอาหารกันเอาเอง แทนที่จะไปนั่งเอ้เต้อยู่ตามภัตตาคารเหมือนแต่ก่อน...ฯลฯ

ส่วนรัฐบาลนั้น...ไม่เพียงแต่ต้องเจอกับประท้วงของผู้คน พลเมือง ตั้งแต่อังกฤษ ฝรั่งเศส ไปยันโรมาเนีย ยังต้องปวดเศียรเวียนเกล้ากับวิกฤตพลังงาน ที่หาอะไรมาแทนที่ “พลังงานรัสเซีย” แทบไม่ได้ โดยเฉพาะในหนาวหน้า หนาวโน้น แถมยังต้อง “ปวดไข่” จากการถูกบีบ ถูกคลึง ให้ต้องหาซื้อพลังงานราคาแพงจากคุณพ่ออเมริกา รวมทั้งการ “เอาตัวรอด” ด้วยการออกกฎหมายกีดกันทางการค้า หรือกฎหมาย “IRA” (The International Reduction Act) ที่ทำเอาระบบอุตสาหกรรมยุโรปสูญเสียส่วนแบ่งและผลประโยชน์นับเป็นพันๆ ล้านดอลลาร์ อีกทั้งอาวุธที่ต้องหาซื้อจากอเมริกาแล้วขนไปประเคนให้กับกองทัพยูเครนกันถึงที่ นับวันชักจะร่อยหรอจนแทบไม่เหลือติดคลังอาวุธเอาเลยก็ว่าได้ หรือถ้าว่ากันตามรายงานข่าวของ “The New York Times” ในจำนวนสมาชิก “นาโต” 30 ชาติ มีเพียงแค่ 10 ชาติเท่านั้น ที่ยังพอมีเรี่ยว มีแรง มีกำลังที่จะส่งอาวุธ ส่งเงินสนับสนุน ให้กับรัฐบาลยูเครน แต่อีก 20 ชาติที่เหลือ ชักเริ่มออกอาการ “บ๋อๆ แบ๋ๆ” ขึ้นมามั่งแล้ว!!!

ภายใต้ภาวะเช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย “นายดมิตรี เมดเวเดฟ” (Dmitry Medvedev) ท่านเลยอดไม่ได้ที่ต้องออกมาเยาะเย้ยและถากถางเอาไว้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (21 พ.ย.) ว่าแนวโน้มที่ผู้นำโลกอย่างคุณพ่ออเมริกาและประเทศพันธมิตรในยุโรป ที่เคยร่วมเคียงบ่า-เคียงไหล่ ร่วมหอ ลงโรง ไม่ต่างไปจาก “คู่สมรส” กันมาโดยตลอด กำลังก้าวเข้าสู่ “การหย่าร้างที่น่าเกลียด” ในอีกไม่นาน-ไม่ช้า หรือทำให้การร่วมมือ ร่วมแรง ในการรุมเหยียบ รุมกระทืบหมีขาวรัสเซียน่าจะต้องเบามือ เบาตีน ลงไปตามลำดับ และนั่นเอง...ที่จะทำให้ผู้ที่รับบท “ดาวยั่ว” อย่างรัฐบาลยูเครน อาจถูก “ลอยแพ” ขึ้นมาในวันใด-วันหนึ่งก็ไม่แน่!!! ยิ่งเมื่อ “สภาล่าง” ของอเมริกาหลังการเลือกตั้งกลางเทอม ถูกพวกรีพับลิกันยึดครองได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว การ “เซ็นเช็คเปล่า” ให้กับยูเครนเหมือนแต่ก่อน ยิ่งต้องเกิดอาการติดๆ-ขัดๆ อยู่มั่งไม่มาก-ก็น้อย หรืออย่างที่ “Niklas Balbon” นักวิจัยของ “GPPi” (The Global Public Policy Institute) ได้ “ฟันธง” ไว้แบบมิดด้าม เต็มด้ามนั่นแหละว่า... “การช่วยเหลือยูเครนในระยะยาว กำลังกลายเป็นสิ่งที่เปราะบางเอามากๆ” ...

อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้ยิ่งเวลาทอดนานออกไปเท่าไหร่ โอกาสที่จะเห็น “มหาอำนาจคู่แข่ง” อย่างรัสเซียอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ยิ่งเป็นไปได้ลำบากยิ่งขึ้นไปเท่านั้น แนวโน้มที่ “สงครามยูเครน” อาจต้องจบลงที่ “โต๊ะเจรจา” ยิ่งมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการ “ยึดเมืองร้าง” ของกองทัพยูเครน หรือการคิดจะบุกยึดแหลมไครเมีย จึงอาจถือเป็นเพียงแค่ความพยายาม “เพิ่มความสำคัญ” ให้กับตัวเอง หรือเป็นการ “สมรักษ์ คำสิงห์” กันไปเรื่อยๆ เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้ว...ยูเครนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้หรือคู่ขัดแย้งของรัสเซียมาตั้งแต่แรก แต่เป็นอเมริกาและบรรดาพันธมิตรยุโรปต่างหาก ที่เป็นคู่ขัดแย้งตัวจริง-เสียงจริง ของการปะ-ฉะ-ดะคราวนี้ และทำให้ความขัดแย้งดังกล่าวแทบไม่ต่างอะไรไปจาก “สงครามโลกครั้งที่ 3” อย่างไม่เป็นทางการ...

ด้วยเหตุนี้...เมื่อลองสรุป “ภาพรวม” ดูแล้ว “แนวรบยุโรปตะวันออก” ยังคงไม่น่าจะเปลี่ยนแปลง หรือ “มหาอำนาจคู่แข่ง” ของคุณพ่ออเมริกาอย่างหมีขาวรัสเซีย ก็ยังคงเป็นต่อระดับ 5-4 ควบลูกครึ่งไม่นับทดเวลาบาดเจ็บ อะไรทำนองนั้น ดังนั้นไม่ว่าพวกที่เชียร์อเมริกา เชียร์รัสเซีย แบบชนิดไม่ต่างไปจากพวกเชียร์มวย หรือเชียร์บอลก็แล้วแต่ ก็อย่าถึงกับต้องไปทุ่มเทถือหางข้างหนึ่ง-ข้างใดมากมายเกินไปนัก เพราะโอกาสเสีย-กับ-เสีย แพ้พนันบอล แพ้พนันมวย ไม่เพียงเสียเงิน-เสียทองยังอาจถึงขั้นเสียหมา เสียสุนัข เสียผู้ เสียคน เอาง่ายๆ เพราะโดย “ความจริง” โดย “ข้อเท็จจริง” มันย่อมไม่ตรงตาม “รสนิยม” ของใคร-ของมัน อยู่แล้วแน่ๆ!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น