สำนักข่าวเอพี (Associated Press) ได้ออกคำสั่งไล่นายเจมส์ ลาปอร์ตา (James LaPorta) ออกจากงานหลังจากพบความผิดพลาดร้ายแรงในการรายงานข่าวก่อนหน้านี้ว่าจรวด 2 ลูกที่ตกในโปแลนด์ใกล้พรมแดนยูเครนมาจากรัสเซีย
ข่าวนั้นได้ถูกอ้างอิงโดยสำนักข่าวต่างๆ ทั่วโลกซึ่งส่งผลกระทบอย่างแรงและนำไปสู่ความเสี่ยงถึงขั้นเกิดสงครามระหว่างกลุ่มประเทศนาโตกับรัสเซียที่ปฏิบัติการทางทหารในยูเครน เป็นศึกยืดเยื้อนานกว่า 9 เดือน ทำให้ยูเครนสูญเสียอย่างหนัก
ข่าวดังกล่าว นายลาปอร์ตา อ้างว่ามีแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของสหรัฐฯ ยืนยันว่าเป็นจรวดยิงจากรัสเซีย ซึ่งรัฐบาลรัสเซียได้ปฏิเสธ
ข่าวการไล่ออกผู้สื่อข่าวเอพีถูกเปิดเผยด้วยสื่อ Daily Beast และหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์และได้รับการยืนยันจากสำนักข่าวเอพีหลังจากการสอบสวนเป็นการภายใน การไล่ออกถือว่าเป็นโทษสูงสุดสำหรับผู้สื่อข่าวที่รายงานผิดพลาด
ข่าวเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นวันอังคารก่อนหน้านี้ ซึ่งสำนักข่าวเอพีรายงานข่าวด่วนว่า “จรวดรัสเซียได้ข้ามเข้าไปในพื้นที่ของโปแลนด์ซึ่งเป็นสมาชิกนาโต มีผู้เสียชีวิต 3 ราย” จรวดทั้ง 2 ลูกตกใส่อาคารที่อบธัญพืช ทำให้ชาวนา 2 รายเสียชีวิต
ผู้นำรัฐบาลโปแลนด์ ประธานาธิบดี อันเดรจ ดูดา ในช่วงแรกยังแบ่งรับแบ่งสู้โดยอ้างว่าต้องสอบสวนก่อนเพราะภาพที่ปรากฏชิ้นส่วนของจรวดนั้นเป็นรุ่นเอส 300 ซึ่งผลิตในยุคสหภาพโซเวียต โปแลนด์แสดงความเป็นปฏิปักษ์อย่างแรงต่อรัสเซีย
รัสเซียได้นำภาพเศษซากจรวดมาแสดง อ้างว่าเป็นจรวดของยูเครนและภายหลังการพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นจรวดของยูเครนซึ่งยิงสกัดจรวดของรัสเซียที่ถล่มหลายพื้นที่ในยูเครน เป็นการโจมตีระลอกใหม่หลังจากถอนกำลังจากเมืองเคอร์ซอน
สื่อหลักในโลกตะวันตกโดยเฉพาะสำนักข่าว CNN ได้วิพากษ์วิจารณ์นำอดีตนายทหารอเมริกันและผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง และข่าวกรองมาวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ ถือว่าเป็นจังหวะเหมาะในการจะเล่นงานรัสเซีย
ช่วงนั้นรัสเซียได้ระดมยิงจรวดมากกว่า 85 ลูก โดยมีเป้าหมายเป็นสาธารณูปโภคเช่นโรงงานไฟฟ้าเครือข่ายสถานีย่อย ระบบคมนาคม ส่งผลให้ยูเครนมีปัญหาไฟฟ้าดับ 50% ของพื้นที่ ประชาชนหลายล้านคนขาดทั้งไฟฟ้า และน้ำประปา
สำนักข่าวเอพีประเมินว่านี่เป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงในการรายงานข่าว ซึ่งอาจเกิดวิกฤตจนลุกลามไปเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้ และเป็นการละเมิดข้อบังคับของสำนักข่าวที่ต้องมีอย่างน้อย 2 แหล่งข่าวยืนยันความแม่นยำถูกต้อง
มาตรฐานของสำนักข่าวเอพียังบ่งชี้ว่าในกรณีที่ข่าวมาจากแหล่งเดียวกันจะต้องมาจากผู้ที่มีตำแหน่งระดับสูงน่าเชื่อถือจนไม่มีอะไรน่าสงสัยในความแม่นยำ
มีผู้สื่อข่าวไม่ปรากฏนามของสำนักข่าวเอพีได้บอกหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ว่านายลาปอร์ตา ได้อ้างว่าข่าวนั้นผู้จัดการอาวุโสได้ตรวจสอบแหล่งข่าวของตนเองและอนุมัติด้วยว่ามีความน่าเชื่อถือ
โฆษกสำนักข่าวเอพี Lauren Easton ไม่ระบุว่าผู้ที่ถูกไล่ออก คือนายลาปอร์ตา แต่ได้บอกกับหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ว่ามาตรฐานของสำนักข่าวได้ถูกละเมิดดังนั้นสำนักข่าวเอพีจึงต้องปกป้องความน่าเชื่อถือและแสดงความรับผิดชอบ
นายลาปอร์ตา เป็นผู้สื่อข่าวด้านสืบสวน ทำงานกับสำนักข่าวเอพีตั้งแต่เดือนเมษายน 2020 และทำข่าวด้านการทหารและความมั่นคง เป็นอดีตทหารนาวิกโยธินปฏิบัติการในอัฟกานิสถาน ถือว่ามีประสบการณ์ด้านภาคสนามพอสมควร
ลาปอร์ตา ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ จากนี้ไปคงจะหางานในอาชีพสื่อลำบากเมื่อมีปัญหาด้านความน่าเชื่อถือ
หลังจากข่าวแพร่กระจาย มีความเห็นจากผู้นำประเทศสมาชิกนาโตว่าจะต้องมีการประชุมด่วนเพื่อพิจารณาเรื่องนี้เพราะถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การนาโตก็ถกเรื่องนี้อย่างจริงจังว่าจะเรียกประชุมฉุกเฉินหรือไม่
ผู้นำยูเครนตัวตลกนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ฉวยโอกาสปั่นข่าวเรียกร้องให้กลุ่มประเทศนาโต เรียกประชุมฉุกเฉินภายใต้กฎบัตรข้อ 4 เกี่ยวโยงกับประเทศสมาชิกถูกคุกคามเพื่อถกเรื่องดังกล่าว แต่ยังไม่ถึงขั้นถกข้อที่ 5 ในประเด็นสมาชิกถูกโจมตีซึ่งจะทำให้สมาชิกทุกรายอยู่ในสภาพเหมือนโดนโจมตีด้วย
ข่าวนั้นถูกใช้โดยผู้นำยูเครน หวังที่จะลากให้ประเทศนาโตเข้าร่วมในสงครามรบกับรัสเซียโดยตรงซึ่งจะเป็นการขยายสถานการณ์จากปัจจุบันที่กลุ่มนาโตได้ส่งอาวุธและเงินช่วยเหลือให้ยูเครน
ช่วงนั้นประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้เข้าร่วมประชุมกลุ่มจี 20 ที่เมืองบาหลีในอินโดนีเซียและได้รับรู้เรื่องเหตุการณ์ในช่วงเวลา 5.30 น. โดยรัฐมนตรีต่างประเทศแอนโทนี บลิงเคน และที่ปรึกษาด้านความมั่นคงนายเจค ซัลลิแวน
ไบเดน บอกผู้สื่อข่าวว่าเรื่องนี้ยังต้องรอข้อมูลเพิ่มเติม รัฐบาลสหรัฐฯ มีภาพถ่ายจากดาวเทียมและข้อมูลเกี่ยวกับการยิงจรวดในยูเครน ซึ่งบ่งชี้ว่าจรวดทั้ง 2 ลูก ไม่ได้มาจากรัสเซีย ไบเดนก็ไม่มั่นใจว่าเป็นจรวดของรัสเซีย
เซเลนสกี้ พยายามติดต่อประธานาธิบดีไบเดน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งนายบลิงเคน และซัลลิแวน ยังเตือนเซเลนสกี้ให้ระวังการพูดในเรื่องเหตุการณ์นี้ด้วย เพราะทั้งคู่คงรู้ชัดว่าจรวด 2 ลูกไม่ได้ยิงมาจากรัสเซีย
ข่าวนี้มีผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือต่อสำนักข่าวเอพี และผู้นำยูเครนซึ่งกำลังดิ้นรนอย่างหนักเพราะขาดแคลนทั้งอาวุธและเงินงบประมาณ และยังถูกกล่าวหาว่าอาวุธจำนวนหนึ่งถูกนำไปขายในตลาดมืดให้กลุ่มอาชญากรและกลุ่มก่อการร้าย