ตามที่ผู้ควบคุม-ดูแลคอลัมน์นี้ท่านแจ้งให้ทราบ...คงเพราะมีเหตุขัดข้องบางประการ เลยทำให้ต้องย้ายต้นฉบับเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว มาลงในช่วงเปิดฉากสัปดาห์นี้กันแทนที่ ดังนั้น...ไหนๆ ก็ไหนๆ ไหนๆ เมื่อต้องเปิดฉากสัปดาห์นี้ด้วยเรื่อง “สงคราม” และ “สันติภาพ” เลยเห็นทีคงต้องหยิบเอาเรื่องราวทำนองนี้มาใช้เป็นตัวปิดฉากสัปดาห์นี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนยิ่งๆ ขึ้นไป...
คือสำหรับเรื่อง “สงคราม” ในระดับโลก หรือระดับ “สงครามโลกครั้งที่ 3” นั้น...ถ้าว่ากันตามทัศนะมุมมองของผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญอย่างเช่น “ศาสตราจารย์วันสิ้นโลก” หรือ “ด็อกเตอร์ ดูมส์เดย์” แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก “นายนูเรียล รูบินี” (Nouriel Roubini) ที่เคยวิเคราะห์เศรษฐกิจ การเมือง ชนิดแม่นยำราวตาเห็นมาโดยตลอด ต้องถือเป็นสิ่งที่อุบัติขึ้นมาอย่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะเต็มไปด้วยฉากการปะทะทางการเมือง เศรษฐกิจ การเงิน-การทอง การเทคโนโลยี ฯลฯ ระหว่างมหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกา กับมหาอำนาจคู่แข่งอย่างจีนและรัสเซีย จนเกิดการแบ่งขั้ว แบ่งข้าง แบ่งฝ่าย ชนิดต่อยังไงก็ต่อไม่ติดกันไปแล้วในทุกวันนี้ ไม่ต่างไปจากประมุขทางจิตวิญญาณแห่งศาสนจักรคาทอลิก พระสันตะปาปา “ฟรานซิส” ที่เห็นไปในแนวนี้เช่นกัน คือเห็นว่า “สงครามโลกครั้งที่ 3” ได้อุบัติขึ้นมาแล้วแม้จะไม่ประกาศเป็นทางการ...
ดังนั้น...ถ้าหาก “สงครามโลกครั้งที่ 3” ในลักษณะที่ว่า มันดำเนินไปในลักษณะนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ถึงกับเกิด “อุบัติเหตุ” อันไม่พึงปรารถนา ไม่ถึงกับต้องงัดเอา “บ้องข้าวหลามยักษ์” ออกมาสาดใส่ซึ่งกันและกัน เพราะต่างฝ่ายต่างไม่อยากเจอกับ “สงครามที่ไม่มีผู้ชนะ” ไปด้วยกันทั้งนั้น อันนี้...คงต้องขึ้นอยู่กับว่าใคร “อึด” กว่า หรือใครสามารถ “ยื้อ” ได้นานกว่าฝ่ายตรงข้ามมาก-น้อยเพียงใด??? การหันมา “ชั่งน้ำหนัก” หันมาตรวจสอบการ “ยืนระยะ” ของแต่ละฝ่าย จึงอาจพอช่วยให้เกิดความชัดเจนในการใคร่ครวญพิจารณา “ความเป็นไปของโลก” ภายในอนาคตอันใกล้ได้มั่งไม่มาก-ก็น้อย ว่าจะฉิบหาย-วายวอดไปถึงขั้นไหน หรือพอ “อยู่ๆ กันไปได้” ไม่ถึงกับต้องขนหัวลุก-ขนคอตั้งมากมายจนเกินไป...
คือถ้าหากไล่เรียงกันไปในแต่ละ “แนวรบ” เริ่มตั้งแต่ “แนวรบยุโรปตะวันออก” คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า โอกาสที่มหาอำนาจคู่แข่งของคุณพ่ออเมริกา อย่างคุณน้ารัสเซียท่านจะพังพินาศลงไปเป็นแถบๆ หมดเรี่ยว หมดแรง หมดสภาพ ภายในอีกไม่นานนับจากนี้ น่าจะเป็นไปไม่ได้ในเร็ววัน ไม่ว่าดูจากสภาพความเป็นไปทางเศรษฐกิจที่ทำท่าว่าจะดีวัน-ดีคืนทำท่าว่าจะฟื้น สามารถขายน้ำมัน ขายแก๊ส ขายพลังงาน ฟันกำไรได้มากเสียยิ่งกว่าช่วงเวลาปกติอีกต่างหาก ส่วนในแง่การเมือง หรือในแง่ศักยภาพ เอกภาพ อันถือเป็นพลังสำคัญของชาติ ถ้าดูจากผลสำรวจความคิดเห็นชาวรัสเซียที่สำนักโพล “VCIOM” (The Russian Public Opinion Research Center) เขาลงมือสำรวจมาเป็นระยะๆ นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012 เป็นต้นมา และล่าสุดได้นำมาเปิดเผยเมื่อไม่กี่วันมานี้ บรรดาความรู้สึกนึกคิด ของชาวรัสเซียที่มีต่อศักยภาพและเอกภาพของชาติ กลับมีแต่จะเพิ่มขึ้นๆ ไม่ได้ลดน้อย-ถอยลงเอาเลยแม้แต่น้อย แม้ถูก “โลกตะวันตก” รวมหัวรุมเหยียบ รุมกระทืบกันเพียงใดก็ตาม คือจากที่เคยมีความเชื่อมั่นต่อชาติตนเองเพียงแค่ 23 เปอร์เซ็นต์ในปีแรก กลับเพิ่มขึ้นเป็น 31 เปอร์เซ็นต์และ 49 เปอร์เซ็นต์ในปีถัดๆ มา ส่วนปี ค.ศ. 2022 ยิ่งทะลุฟ้า ทะลุเมฆ ขึ้นไปถึง 56 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น...
หรือแม้แต่ความเชื่อ-ความศรัทธา ความนิยม-คะแนนนิยมที่มีต่อผู้นำของชาติ อย่างประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” ก็ตาม ถ้าว่ากันตามโพลของ “Statista” สำนักสถิติเยอรมนี ที่เปิดเผยเอาไว้เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมานี่เอง (3 พ.ย.) ปรากฏว่าบรรดาชาวหมีขาวรัสเซียต่างแสดงความพออก-พอใจต่อบทบาทของประธานาธิบดีผู้นี้มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ หรือสูงกว่าช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ที่เคยอยู่แค่ระดับ 77 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ต่างไปจากฝ่ายตรงข้ามไม่ว่าผู้นำอเมริกา ผู้นำอังกฤษ ที่มีแต่ “รูดมหาราช” ลงไปในแต่ละวัน ไม่ว่าในแง่ตัวผู้นำ หรือในแง่ศักยภาพ เอกภาพของชาติก็เถอะ...
ส่วนยุโรปแทบทั้งยุโรป...อย่างที่พอรับรู้-รับทราบไปแล้วนั่นแหละว่า ต้องเจอการประท้วง การลุกฮือ ของผู้คนพลเมืองในประเทศตัวเองชนิดไม่เว้นแต่ละวัน ไม่ว่าจะอังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี ฯลฯ อันเนื่องมาจาก “อัตราเงินเฟ้อ” ที่ลุกลามบานปลาย พุ่งขึ้นไปถึงเลข 2 หลักไปแล้วกว่า 19 ประเทศ ด้วยเหตุเพราะ “ภาวะขาดแคลนพลังงาน” ที่ไม่อาจขจัดปัดเป่าลงไปได้ง่ายๆ คือถึงแม้ว่า “หนาวนี้” จะเก็บกัก สำรองพลังงานไว้ได้มากมายขนาดไหนก็ตาม แต่มันยังมีหนาวหน้าและหนาวโน้น ให้ต้องปวดเศียรเวียนเกล้ากันอีกต่อไป ตราบใดที่บรรดารัฐบาลยุโรปยังไม่ยอมรับความจริง ข้อเท็จจริง ที่ว่าปริมาณพลังงานจากรัสเซียที่มีอยู่เป็นอันดับ 3 ของโลกนั้น ไม่อาจหาแหล่งใดๆ มาแทนที่ได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะวิ่งหากันจากอเมริกา ตะวันออกกลาง หรือแอฟริกาก็ตาม ความปั่นป่วนภายในบ้านเมือง ภายในสังคมตัวเอง ความเดือดร้อน-ทุกข์ร้อนของผู้คนในชาติที่ระเบิดออกมาในรูปใด-รูปหนึ่งก็แล้วแต่ ยิ่งส่งผลให้ “กระแสฝ่ายขวา” มาแรงแซงโค้งกันไปเป็นชาติๆ โอกาสที่จะ “แก้ปัญหาตัวเอง” เผลอๆ อาจมากเสียยิ่งกว่าการคิด “สร้างปัญหาให้ผู้อื่น” เอาเลยก็ไม่แน่!!!
เช่นเดียวกับมหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกา...ที่รัฐบาลปัจจุบันของคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ได้กลายเป็น “รัฐบาลเป็ดง่อย” อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป หลังการแพ้เลือกตั้งกลางเทอมในสภาล่าง ไม่เพียงแต่ลูกชายหัวแก้ว-หัวแหวนอย่าง “นายฮันเตอร์ ไบเดน” อาจถูกตาม “เช็กบิล” จากผลกรรมที่ก่อเอาไว้ไม่รู้จะกี่เรื่องต่อกี่เรื่อง แม้แต่ตัวคุณปู่ “โจ” อาจต้องเจอกับการ “ถอดถอน” ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ยังไม่แน่!!! ความคิดที่จะใช้ “ตัวตลก” หรือ “ตัวแทน” อย่างยูเครน เป็นตัวบั่นทอนศักยภาพและเอกภาพของชาติมหาอำนาจคู่แข่งอย่างรัสเซีย ยิ่งเป็นอะไรที่ยากยิ่งขึ้นไปใหญ่ เพราะไม่เพียงแต่นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามอย่าง “นางMTG” (Marjorie Tylor Green) จะออกมาป่าวประกาศก่อนหน้าว่าไม่คิดจะให้เงินช่วยเหลือรัฐบาลยูเครน “แม้แต่เพนนีเดียว” มาวันนี้ยังมีสมาชิกรีพับลิกันรายแล้ว รายเล่า ไม่ว่า “นายMatt Gaetz” “นายThomas Massie” “นายMatt Rosendale” ฯลฯ ที่ออกมาเรียกร้องให้ตรวจสอบความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ต่อรัฐบาลยูเครน กันอย่างเป็นงาน-เป็นการ เป็นระบบและกิจการ จนมิอาจ “เซ็นเช็คเปล่า” กันได้ง่ายๆ อีกต่อไปแล้ว...
และเมื่อหนีไม่พ้นต้องเจอกับ “แรงกดดัน” หนักขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในแง่เศรษฐกิจภายในประเทศ การเมืองภายในและภายนอกรวมไปถึงปัญหาสังคม ที่แทบไม่หลงเหลือเอกภาพใดๆ อีกต่อไปแล้ว แม้แต่ “ประชาธิปไตย” ที่เคยกินได้ ก็ชักกินไม่ได้ แ-กไม่ลงยิ่งเข้าไปทุกที โอกาสที่รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ว่าพรรคไหนก็เถอะ อาจถึงขั้นต้องเผ่นหนี ต้องถีบหัวทิ้งพันธมิตรยูเครน เหมือนอย่างที่เคยทิ้งเวียดนามใต้ ทิ้งอัฟกานิสถาน หรือกำลังใกล้ทิ้งอิรักอีกไม่นานนับจากนี้ ฯลฯ อาจมีความเป็นไปได้ ดังที่อดีตผู้นำรัสเซีย อดีตประธานาธิบดี “ดมิตรี เมดเวเดฟ” ออกมาทำนายทายทักไว้เมื่อวัน-สองวันนี้ ก็ใช่จะเป็นไปไม่ได้เอาเลย...
หรือพูดง่ายๆ ว่า...ถ้าหากฉากสถานการณ์ต่างๆ ยังคงเป็นไปเช่นนี้ ถ้าความเป็นไปของสิ่งที่เรียกว่า “สงครามโลกครั้งที่ 3” ยังคงดำเนินไปในรูปนี้ โอกาสที่คุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรยุโรป คิดจะ “อึด” คิดจะ “ยื้อ” ต่อไปเรื่อยๆ มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อยู่แล้วแน่ๆ!!! โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับสถานะของฝ่ายตรงกันข้ามอย่างรัสเซีย ที่น่าจะเหลือแรงอึด แรงยื้อ ได้อีกตราบนานเท่านาน ตราบใดที่ผู้นำประเทศอย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ยังไม่ได้ถูก “มะเร็ง” รับประทานไปเสียก่อน ตามข่าวลวง-ข่าวลือ ของฝ่ายตะวันตก ที่พยายาม “ปล่อยข่าว” กันอย่างเป็นระบบและกิจการ ส่วนแนวรบสำคัญๆ อีก 2 แนวรบคือ “แนวรบตะวันออกกลาง” และ “แนวรบทะเลจีนใต้” นั้น...คงต้องลองไป “ชั่งน้ำหนัก” ในช่วงปิดท้ายสัปดาห์ หรือในช่วงวันศุกร์กันดูอีกที...