หนี่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ
ถ้าติดตามนิด้าโพลซึ่งทำแล้ว 4 ภาคคือ เหนือ อีสาน กลาง ใต้ กทม.ยังขาดแต่ภาคตะวันออกเท่านั้น จะพบว่าหากรวมทุกภาคคนที่มาอันดับ 1 ของโพลคือ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร เธอได้ที่ 1 ในภาคเหนือ อีสาน กลาง และได้อันดับ 2 ในภาคใต้รองจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ถามถึงบุคคลที่คนเหนือจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 31.70 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 2 ร้อยละ 15.00 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) อันดับ 3 ร้อยละ 12.65 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 4 ร้อยละ 12.50 ระบุว่าเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ถามถึงบุคคลที่คนอีสานจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 36.45 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อันดับ 2 ร้อยละ 12.65 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อันดับ 3 ร้อยละ 10.20 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อันดับ 4 ร้อยละ 9.85 ระบุว่าเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ถามถึงบุคคลที่คนใต้จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 23.94 ระบุว่าเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อันดับ 2 ร้อยละ 13.24 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อันดับ 3 ร้อยละ 12.79 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 4 ร้อยละ 11.24 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ถามถึงบุคคลที่คนภาคกลางจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 24.18 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อันดับ 2 ร้อยละ 16.73 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อันดับ 3 ร้อยละ 16.23 ระบุว่าเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อันดับ 4 ร้อยละ 13.54 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้
ถามถึงบุคคลที่คนกรุงเทพมหานครจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 20.40 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อันดับ 2 ร้อยละ 15.20 ระบุว่าเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อันดับ 3 ร้อยละ 14.10 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อันดับ 4 ร้อยละ 12.20 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้
ตอนนี้เหลือสำรวจแค่ภาคตะวันออก ปรากฏว่าอุ๊งอิ๊งนำมา 3 ภาค ส่วนพิธาอันดับ 1 ในกทม. เป็นอันดับ 2 ใน 3ภาค และพล.อ.ประยุทธ์เป็นอันดับ 1 ในภาคใต้
ดังนั้น ณ เวลานี้ต้องถือว่า อุ๊งอิ๊งเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีในโพล
แม้มีข่าวว่าพรรคเพื่อไทยยังมีตัวเลือกหนึ่งนอกจากอุ๊งอิ๊งคือ เศรษฐา ทวีสิน ผู้บริหารแสนศิริที่ใกล้ชิดกับยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่เศรษฐาก็ไม่มีชื่อในทุกโพลเลย เพราะต้องพูดกันตามความเป็นจริงว่า เศรษฐายังไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปโดยเฉพาะในต่างจังหวัด
แต่เป้าหมายของพรรคเพื่อไทยที่ประกาศไว้นั้นคือจะต้องแลนด์สไลด์นั่นคือจะต้องได้รับเลือกตั้งเข้ามาเกิน 250 คน แต่เมื่อดูนิด้าโพลแล้วพรรคเพื่อไทยมีคะแนนนิยมเกินครึ่งอยู่แค่ภาคเดียวคือภาคอีสาน ที่บอกจะเลือกส.ส.พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 54.35 และฉิวเฉียดในภาคเหนือ คือบอกจะเลือกส.ส.เพื่อไทย ร้อยละ 48.70 ภาคกลางร้อยละ 32.42 ภาคใต้เพียงร้อยละ 12.09 และกทม.ร้อยละ 28.50
แม้จะยังเหลือภาคตะวันออก แต่เมื่อนำตัวเลขนี้มีมาคิดบัญญัติไตรยางศ์ก็พบว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่สามารถได้ส.ส.เกิน 250 คน ดังนั้นถ้าจะตั้งรัฐบาลได้จะต้องหาพรรคร่วมรัฐบาลมาร่วมให้ได้เกิน 250 คน คำถามว่า พรรคเพื่อไทยจะร่วมรัฐบาลกับใคร ถ้าเป้าหมายของทักษิณคือ การได้กลับบ้านมาเลี้ยงหลาน
ล่าสุดทักษิณบอกว่า อุ๊งอิ้ง แพทองธาร ชินวัตร กำลังจะมีข่าวดี เขากำลังจะมีหลานคนที่ 7 พร้อมถามว่า “แล้วไม่สงสารผมหรือ ไม่เห็นใจผมจะไปเลี้ยงหลานบ้างเหรอ”
ทักษิณมักจะพูดทำนองนี้ให้คนเข้าใจว่า เขากลับประเทศไทยไม่ได้เพราะไม่มีคนอยากให้กลับ หรือพูดให้เข้าใจว่าเขาเป็นนักโทษการเมืองที่ต้องออกมาอยู่ต่างประเทศเพราะถูกทหารยึดอำนาจ แต่ความจริงแล้วทักษิณไปอยู่ต่างประเทศเพราะหนีคดีที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริตและหลายคดีศาลตัดสินให้จำคุก
ดังนั้นทักษิณจะกลับบ้านกลับมาประเทศไทยเมื่อไหร่ก็ได้ เพียงแต่ต้องกลับมาติดคุกเสียก่อน นี่ต่างหากที่เป็นเหตุผลที่ทักษิณไม่ยอมกลับมาไม่ใช่เพราะมีใครไปห้ามไม่ให้กลับมา
ทักษิณถูกจำคุกไปแล้ว 12 ปี จากคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดา 2 ปี คดีทุจริตหวยบนดิน 2 ปี คดีให้ธนาคารเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้พม่า 3 ปี และคดีให้บุคคลอื่นถือหุ้นแทนในชินคอร์ปแล้วเป็นคู่สัญญากับรัฐ 5 ปี
ปัจจุบันนอกจากทักษิณจะมีคดีที่สิ้นสุดไปแล้ว ทักษิณยังมี 3 คดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาฯ ประกอบด้วย 1.คดีทุจริตโครงการหวยบนดิน 3 ตัว 2 ตัว ศาลออกหมายจับ 26 ก.ย. 2551 เพื่อติดตามตัวมาพิจารณาคดีนัดแรก ในขณะที่ผู้ต้องหาคนอื่นๆ ศาลได้ตัดสินไปแล้ว คดีธนาคารกรุงไทยอนุมัติสินเชื่อ 9 พันล้านบาทให้บริษัทในเครือกฤษดามหานคร ศาลออกหมายจับ 11 ต.ค. 2555 คดีออกกฎหมายแก้ไขค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือ-ดาวเทียมเป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์ชินคอร์ป ทำรัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท ศาลออกหมายจับ 15 ต.ค. 2551
รวมถึงคดีใหม่ล่าสุดคือ การสั่งซื้อเครื่องบินของการบินไทยที่ทักษิณกับพวกอนุมัติจัดซื้อเครื่องบินแบบ A 340 – 500 จำนวน 4 ลำ และ A 340 -600 จำนวน 6 ลำ ของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ระหว่างปี 2545-2547 รวม 10 ลำ มูลค่า 53,536 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทการบินไทยแบกภาระหนี้เป็นจำนวนมาก ที่ป.ป.ช.เพิ่งจะตั้งคณะไต่สวน
นั่นหมายความว่า หากทักษิณกลับมาก็ยังต้องเจอคดีความที่อาจจะต้องคิดคุกอีกหลายคดี
แต่ไม่ว่าทักษิณจะใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลอย่างไรในระหว่างอยู่ในอำนาจ ต้องยอมรับว่า ทักษิณก็เอื้อประโยชน์ให้แก่คนชั้นล่างด้วยนโยบายประชานิยมต่างๆ จำนวนมาก ทำให้เขาครองใจของคนชั้นล่างมนต์เสน่ห์ของทักษิณยังคงตราตรึงกับประชาธิปไตยที่กินได้ และชาวบ้านคิดว่าแม้ทักษิณทุจริตแต่เขาก็ได้ประโยชน์ด้วย ดังนั้นแม้ทักษิณจะห่างหายไปนานแต่คนจำนวนมากก็ยังคิดถึงทักษิณ และผลบุญนั้นก็ตกมาถึงอุ๊งอิ๊งลูกของทักษิณ
ด้านหนึ่งก็ต้องยอมรับด้วยว่าการอยู่ในอำนาจอย่างยาวนานของพล.อ.ประยุทธ์ก็กลายเป็นปุ๋ยอย่างดีในการเร่งเชื้อพันธุ์ของระบอบทักษิณให้เติบโตและทำให้คนจำนวนหนึ่งถามหายุคสมัยที่ทักษิณอยู่ในอำนาจ
ภารกิจต้องพาพ่อกลับบ้านนั้นอยู่บนบ่าของอุ๊งอิ๊ง ถึงวันนี้โพลมาแบบนี้เธอคงจะเป็นแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยแน่แล้ว และทักษิณก็คงจะเลือกลูกสาวตัวเองนี่แหละจะไปเลือกคนนอกทำไม แต่จากข่าวที่ออกมาว่าเธอน่าจะคลอดในเดือนพฤษภาคมเธอก็น่าจะต้องแบกท้องแก่หาเสียงเพราะตามไทม์ไลน์แล้วเราน่าจะเลือกตั้งกันไม่เกินเดือนพฤษภาคม 2566
ในทางกลับกันการอุ้มท้องหาเสียงและภารกิจเพื่อพาพ่อกลับบ้านก็อาจจะเป็นการเรียกคะแนนนิยมได้ด้วย
แม้ยังไม่รู้หรอกว่า พรรคเพื่อไทยซึ่งจะมาอันดับ 1 แน่ๆ จะจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ แล้วอุ๊งอิ๊งจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะเงื่อนไขของทักษิณที่อยากกลับบ้านอาจกลายเป็นข้อต่อรองที่อาจทำให้เขาต้องยอมในบางเงื่อนไข สุดท้ายแล้วเขาอาจจะต้องยอมรับข้อเสนอบางอย่างเพื่อแลกกับการได้กลับบ้านก็ได้ เพราะโอกาสในการกลับบ้านเที่ยวนี้น่าจะเป็นหนทางท้ายๆ แล้วที่จะได้กลับมา แม้เรายังไม่รู้หรอกว่า เขาจะกลับมาได้อย่างไรโดยไม่ต้องติดคุก
การให้ลูกสาวคนเล็กลงมาเล่นการเมืองของทักษิณนั้นต้องถือว่าเป็นเดิมพันสุดท้ายแล้ว แม้ว่าตัวเองและน้องสาวยิ่งลักษณ์ยังต้องระเห็จหนีคุกไปอยู่ต่างประเทศ ในขณะที่ลูกสาวคนเล็กก็อาจจะต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกันอีก แต่สำหรับทักษิณก็ไม่มีทางเลือกไปมากกว่านี้ ถ้าเขายอมจำนนเขาจะต้องแก่ตายในต่างประเทศอย่างแน่นอน การได้อำนาจรัฐกลับมาอยู่ในมือจึงเป็นประโยชน์ในการต่อรองด้วย
อย่างน้อยชัยชนะของพรรคเพื่อไทยก็ทำให้เห็นว่าคนในประเทศนี้จำนวนมากยังรักและบูชาทักษิณ ทำให้ทุกอำนาจในประเทศนี้เห็นว่าทักษิณมีพลังที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ได้ ดังนั้นจะเลือกให้ทักษิณกลับมาหรือจะปล่อยให้ความขัดแย้งดำเนินต่อไป ในขณะที่คนรุ่นใหม่กำลังท้าทายต่อระบอบของรัฐอย่างรุนแรงผ่านพรรคก้าวไกล
ในฐานะลูกอุ๊งอิ๊งก็น่าจะรู้หมากที่พ่อต้องการเดิน แต่ไม่มีลูกคนไหนหรอกที่ไม่รักพ่อแม้จะต้องเดิมพันด้วยชีวิตก็ตาม
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan