xs
xsm
sm
md
lg

จับตาเลือกตั้งครั้งหน้า โอกาสพรรคของทักษิณและแนวร่วม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 ทักษิณ ชินวัตร
หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ


ตอนนี้ถึงโค้งสุดท้ายของอายุสภาทำให้ทุกพรรคเตรียมการเลือกตั้งครั้งใหม่ และต่างคาดหวังว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้ส.ส.มากขึ้น ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยของทักษิณที่ประกาศว่าจะแลนด์สไลด์ คือจะได้ส.ส.เกิน 250 คน ในขณะที่พรรคก้าวไกลประกาศว่าจะได้ส.ส. 120 คน เป็นส.ส.เขต 90 คนและบัญชีรายชื่อ 30 คน พรรคภูมิใจไทยของเนวิน ชิดชอบประกาศว่าจะได้ส.ส. 120 ที่นั่งเป็นต้น เมื่อเอ่ยชื่อมาแค่ 3 พรรคก็จะเกือบได้ส.ส. 500 คนแล้ว

ส่วนเมื่อถึงเวลาจะได้ส.ส.กี่ที่นั่งประชาชนท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสิน แต่หากถามผมว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นอย่างไร ก็คงต้องตอบว่า เป็นการเลือกตั้งที่คาดเดายากมาก แม้ว่าโพลเกือบทุกสำนักจะบอกว่า พรรคที่ได้รับความนิยมมากในขณะนี้คือ พรรคเพื่อไทย และตัวบุคคลที่มีคะแนนนำมาคือ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ที่คาดกันว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยนั่นเอง

ต้องยอมรับว่าความเป็นลูกของทักษิณ ทำให้อุ๊งอิ๊งมีกระแสความนิยมในภาคอีสานและภาคเหนือ เพราะคนทั้งสองภาคยังมีความผูกพันกับทักษิณอย่างเหนียวแน่น ความเชื่อที่ว่าทักษิณไม่ได้กระทำผิดแต่ถูกกลั่นแกล้งยังคงมีอยู่สูง จนทำให้คิดว่าการเลือกอุ๊งอิ๊งเป็นนายกรัฐมนตรีก็เหมือนกับได้ทักษิณกลับมาเป็นนายกฯ นั่นเอง เพราะแม้อุ๊งอิ๊งจะอายุยังน้อยและด้อยประสบการณ์แต่ก็มีทักษิณอยู่เบื้องหลัง

การเลือกตั้งครั้งหน้าของพรรคเพื่อไทยนอกจากอุ๊งอิ๊งแล้ว มีกระแสข่าวว่า คนที่พรรคจะเสนอชื่ออีกคนคือ เศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จด้านอสังหาริมทรัพย์ และเคยมีข่าวปรากฏตัวเป็นข่าวฉาวคู่กับยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่โฟร์ซีซั่นเมื่อหลายปีก่อนและเรามักจะเห็นเขาเปิดตัวมาวิพากษ์วิจารณ์การเมืองในระยะหลัง คาดกันว่าพรรคเพื่อไทยจะส่ง 3 รายชื่ออีกคนจะเป็นใครก็ยากจะคาดเดาอยู่ที่ว่าคนทางไกลจะเคาะชื่อใครออกมา

แพทองธาร ชินวัตร

 เศรษฐา ทวีสิน
ต้องยอมรับนะครับว่า ตอนนี้ความต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลนั้นมีสูงจากคนกลางๆที่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะชี้ขาดว่าฝ่ายไหนจะชนะระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันหรือพรรคฝ่ายค้าน หรือว่าระหว่างฝ่ายอนุรักษนิยมฝ่ายที่อ้างตัวว่า เป็นฝ่ายประชาธิปไตย

ผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่เกิดจากการระบาดของเชื้อโรคและสงครามทำให้คนจำนวนหนึ่งต้องการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรีที่มีความรู้ความสามารถที่จะนำพาประเทศชาติได้ และเขามองเห็นแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บริหารประเทศมาแล้วกว่า 8 ปีนั้นมีศักยภาพแค่ไหน

คำถามที่ผมถูกถามมาคือ การเลือกตั้งครั้งหน้าฝ่ายไหนจะชนะ ก็คงต้องลองมาพิจารณาว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือพรรคที่อ้างว่าว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยในมุมมองของผมว่าจะมีที่นั่งในสภาเท่าไหร่

ถามว่าพรรคเพื่อไทยจะไปถึงแลนด์สไลด์เกิน 250 ชื่ออย่างที่คาดหวังไหม ก็คงต้องตอบว่ายาก ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียว พรรคเพื่อไทยส่งผู้สมัครเพียง 238 เขต จาก 350 เขต โดยที่เหลือเปิดทางให้พรรคไทยรักษาชาติ ครั้งที่แล้วพรรคเพื่อไทยได้รับเลือกตั้งเข้ามา 136 ที่นั่ง โดยไม่ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อเลย แต่ครั้งนี้กลับมาเลือกตั้งแบบบัตรสองใบพรรคเพื่อไทยก็คงส่งครบทั้ง 400 เขต หากถามว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เท่าไหร่ ผมคิดว่าพรรคเพื่อไทยน่าจะได้ส.ส.ประมาณ 180-190 ที่นั่ง

เป็นไปได้ที่เพื่อไทยอาจจะได้ส.ส.เขตไม่น้อยกว่าเดิมคือประมาณ 140 ที่นั่ง และน่าจะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อประมาณ 40-45 ที่นั่ง และพรรคเพื่อไทยคงจะเป็นพรรคที่ได้จำนวนส.ส.มากเป็นอันดับ 1 แน่ๆ รับประกันเลยว่าไม่มีวันผิดไปจากนี้

เมื่อมามองที่พรรคก้าวไกล แกนนำของพรรคเคยประกาศว่าจะได้ส.ส.ในครั้งหน้า 120 ที่นั่ง จากส.ส.เขตมากถึง 90 ที่นั่ง และส.ส.บัญชีรายชื่อ 30 ที่นั่ง ปัจจุบันนั้นพรรคก้าวไกลมีส.ส.เขตอยู่ในพรรค 13 ที่นั่ง คิดว่าไม่มีทางเลยที่จะได้ส.ส.เขตเพิ่มเป็น 90 ที่นั่ง เราต้องยอมรับนะครับว่า ครั้งที่แล้ว พรรคเพื่อไทยไม่ส่งส.ส.ลงถึง 112 เขตเพื่อจะหลีกทางให้พรรคไทยรักษาชาติ เมื่อพรรคไทยรักษาชาติถูกยุบทำให้คะแนนในฝั่งนี้เทไปให้พรรคก้าวไกลพรรคเดียว

แต่การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคก้าวไกลต้องแข่งกับพรรคเพื่อไทยบนฐานเดียวกัน แม้ว่าพรรคก้าวไกลจะได้ฐานเสียงของคนรุ่นใหม่มากกว่าพรรคเพื่อไทย แต่ถามว่ามากพอที่จะทำให้ชนะเลือกตั้งได้ไหมคิดว่าไม่น่าจะได้ นอกจากแย่งชิงฐานเสียงส่วนหนึ่งที่เคยเป็นของพรรคเพื่อไทยมาได้ แต่ครั้งนี้ทราบกันว่าการที่พรรคเพื่อไทยส่งอุ๊งอิ๊งลูกสาวของทักษิณลงมาแข่งเองก็อาจทำให้มวลชนฝั่งนี้อาจไปเทใจให้พรรคเพื่อไทยเพราะสงสารทักษิณอยากให้ลูกสาวของทักษิณได้เป็นนายกรัฐมนตรี

พรรคก้าวไกลก็อาจจะแย่งได้ที่เป็นพวกฮาร์ดคอร์ไม่เอาสถาบันเพราะพรรคก้าวไกลมีความชัดเจนในการสนับสนุนพวกที่เรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่มากพอจะทำให้ชนะส.ส.เขตไหม ผมคิดว่าไม่น่าจะชนะมากนัก และสุดท้ายคงได้ส.ส.เขตไม่เกิน 10 คน แต่ความคาดหวังจะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ 30 คนนั้นคิดว่าพอจะเป็นไปได้ เพราะแม้ว่าจะไม่ชนะในการเลือกตั้งส.ส.เขต แต่พรรคก้าวไกลน่าจะเป็นพรรคที่ได้อันดับสองในหลายเขต เมื่อรวมคะแนนแล้วน่าจะมากพอที่จะทำให้ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ 20-30 คน รวมแล้วคาดว่าจะได้ส.ส.ประมาณ 30-40 คนเท่านั้นเอง

และหากเรานับพรรคไทยสร้างไทยของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์อยู่ในฝั่งนี้ ถามว่าพรรคนี้จะได้ส.ส.เท่าไหร่ เชื่อกันว่า พรรคนี้จะเสนอสุดารัตน์เป็นนายกรัฐมนตรีนั่นหมายความว่า ชื่อนี้จะลอยมาเป็นตัวเลือกนายกรัฐมนตรีได้จะต้องมีส.ส. 25 คนขึ้นไป ถามว่าจะทำได้ไหม คำตอบของผมคือยากมาก สุดารัตน์แม้จะมีแสงของตัวเองระดับหนึ่ง แต่เป็นแสงที่ไม่สว่างมาก สุดารัตน์เกิดจากพรรคพลังธรรมที่อาศัยแสงของพล.ต.จำลอง ศรีเมือง และมาอยู่พรรคของทักษิณก็อาศัยแสงของทักษิณ แม้ว่าสุดารัตน์จะมีความนิยมในตัวระดับหนึ่งแต่ไม่น่าจะมากพอที่จะนำพรรคชนะเป็นกอบเป็นกำได้ ผมคิดว่าพรรคนี้ได้ส.ส.สัก 10-15 คนก็เก่งมากแล้ว

ส่วนพรรคเสรีรวมไทยของพล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียาเวชล่ะ ปัจจุบันพรรคมีส.ส.จำนวน 11 คนจากบัตรใบเดียวที่คะแนนพึงมีต่อ 1 ที่นั่งประมาณ 70,000 คะแนน แต่ครั้งหน้าคะแนนพึงมีต่อ 1 ที่นั่งจะเปลี่ยนไปประมาณ 350,000 คะแนนต่อ 1 ที่นั่งหากมีคนมาใชสิทธิ์ประมาณ 70%หรือประมาณ 35 ล้านคน ดังนั้นคาดกันว่าพรรคนี้จะได้ส.ส.ไม่เกิน 5 คน

มองอีกพรรคที่มีสายสัมพันธ์ในฝั่งนี้คือ พรรคประชาชาติ หากจะกล่าวไปแล้วพรรคประชาชาติก็คือ พรรคอวตารของพรรคเพื่อไทยที่ส่งมาเล่นตลาด 3 จังหวัดภาคใต้โดยใช้เครือข่ายของกลุ่มวาดะห์เดิมในพรรคเพื่อไทย เลือกตั้งครั้งที่แล้วพรรคประชาชาติได้ส.ส.เขต 6 ที่นั่งและ 1 บัญชีรายชื่อ ครั้งนี้ก็คาดการณ์ว่าน่าจะได้ที่นั่งไม่เกินจากนั้น

ส่วนบรรดาพรรคเล็กที่ได้ 1 ที่นั่งจากการคิดบัญชีรายชื่อแบบพิสดารของกกต.นั้นคิดว่าครั้งหน้าไม่มีพรรคไหนจะได้ที่นั่งในสภาแม้แต่พรรคเดียว

หากพิจารณาตัวเลขรวมของพรรคฝั่งนี้ถ้าเขาทำได้ตามเป้าก็อาจจะมีส.ส.ประมาณ 230-255 คนนั่นหมายความว่า มีโอกาสทั้งชนะรวมรวบเสียงข้างมากของส.ส.เกิน 250 คนได้ และอาจจะพ่ายแพ้แก่ฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลในเวลานี้ถ้าพรรคฝ่ายรัฐบาลยังจับมือกันเหนียวแน่น

การเลือกตั้งครั้งหน้าจึงเป็นการเลือกตั้งที่ยากจะคาดเดามากที่สุด หากพิจารณามวลชนสองฝ่ายแม้ว่าดูแล้วมวลชนของฝั่งที่อ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยจะมีมากกว่าแต่ก็ไม่น่ามากพอที่จะทำให้ชนะท่วมท้นแบบแลนด์สไลด์ แต่ถ้าคนกลางๆเทไปทางไหนฝั่งนั้นก็น่าจะเป็นฝ่ายชนะ

ดังนั้นเป็นไปได้ที่เลือกตั้งครั้งหน้ารัฐบาลอาจจะมาจากทั้งขั้วการเมืองเดิมหรือพลิกเป็นฝ่ายค้านปัจจุบันกลับมาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เรียกว่ายากจะฟันธงจริงๆ

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น