โลกที่กำลังย่างเข้าสู่ยุค “ประชาธิป...ตาย”

คงต้องหนักหนา-สาหัส ต้องตกน้ำป๋อมแป๋มกันโดยถ้วนหน้านั่นแหละทั่น!!!...สำหรับบ้านเราช่วงนี้ อันเนื่องมาจากฝน-ฟ้าท่านสาดซัดเข้ามาอย่างไม่คิดจะปรานี-ปราศรัย จะไปโทษ “บุรุษผู้กล้ามใหญ่ที่สุดในปฐพี” อย่าง “ท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติ” ก็ไม่น่าจะถึงกับถูกเรื่องกันสักเท่าไหร่นัก คือเป็นแค่ “ปลายเหตุ” ด้วยเหตุนี้...คงต้องก้มหน้ารับชะตากรรม ต้องหาทาง “ทำใจ” จะด้วยการ “ดูไลฟ์สด” ไปพลางๆ ไม่ก็ต้องหันไปนึกถึงหัวอก-หัวใจ ของผู้คนนับ 1.3 ล้านเสียง ที่อุตส่าห์เดินทางเข้าคูหาไปเทคะแนนให้กับท่านผู้ว่าฯ รายนี้ เมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว ตามวิถีทางประชาธิปไตยที่จะ “มีแ-ก...ไม่มีแ-ก” คงต้องไปว่ากันอีกที...

แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ใช่แต่เฉพาะ “บ้านเรา” เท่านั้น เพราะช่วงระหว่างนี้ หรืออีกช่วงไม่ช้า-ไม่นาน บรรดาพวกฝรั่งมังค่าใน “บ้านเขา” หรือในยุโรปทั่วทั้งยุโรป ก็อาจมีอันต้องหนักหนา-สาหัสยิ่งกว่าบ้านเราไม่รู้จะกี่เท่า-ต่อกี่เท่า อันเนื่องมาจาก “หน้าหนาว” ที่กำลังย่างเยื้องเข้ามา ในอีกไม่กี่วันนับจากนี้ แล้วเห็นว่า...อาจหนาวหนัก หนาวนานกว่าหน้าหนาวเท่าที่เคยมีมาอีกซะด้วยต่างหาก ขณะที่สิ่งซึ่งพอช่วยให้คลายหนาว ไม่ว่าน้ำมัน แก๊ส และถ่านหิน ฯลฯ หรืออะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ กลับมีอันต้อง “ขาดแคลน” อย่างหนักหน่วงรุนแรง ไม่ว่าจะด้วยเหตุเพราะความ “เว่อร์” หรือความ “ดรามา” ของพวกฝรั่งด้วยกันเอง หรือด้วยเหตุเพราะการ “แซงชั่นรัสเซีย” ก็แล้วแต่ อย่างที่พอทราบๆ กันไปแล้ว...

คือจะด้วยสไตล์ ด้วยลีลาคล้ายๆ กับ “ท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติ” ของเรานี่แหละ...ที่ทำให้พวก “นักการเมืองฝรั่ง” เขาเลยต้องหันไป “ดรามา” ต้องไปเล่นแสง หิวแสง ด้วยการอวดตัว โชว์ตัว ว่าเป็นผู้ที่ไม่เห็นควรด้วยกับการทำให้โลกร้อนขึ้นๆ ด้วยการใช้ “พลังงานฟอสซิล” ดังเท่าที่เคยเป็นมาโดยตลอด ซึ่งอันที่จริงก็เป็นเรื่องที่ดี เรื่องที่ถูกต้อง เหมาะสมกับความเป็นไปของโลกอยู่แล้วแน่ๆ แต่โดยความจริง โดยข้อเท็จจริง หรือใน “โลกแห่งความจริง” ตราบใดที่มวลมนุษย์ทั้งหลาย ยังมิอาจ “ลด-ละ-เลิก” บรรดา “กิเลส” ทั้งปวง หรือมิอาจ “ลดปริมาณความต้องการ” ของตัวเองในการบริโภคพลังงาน หรือหาพลังงานชนิดอื่นมาทดแทนพลังงานฟอสซิลให้ทันท่วงที การกระทำเช่นนี้...ก็คงไม่ต่างไปจากการโฆษณาหาเสียง ด้วย “นโยบาย 214 ข้อ” หรือด้วยการสัญญิง สัญญา ว่า “เลือกแล้ว...น้ำไม่ท่วม” ของ “ท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติ” เขานั่นแหละ...

ด้วยเหตุนี้...ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ของพวกนักการเมืองประเภท “ชัชชาติฝรั่ง” ทั้งหลาย สิ่งที่พอจะนำมาตอบสนองต่อ “กิเลส” หรือต่อปริมาณความต้องการพลังงานของบรรดาชาวยุโรปทั้งมวล ก็คือน้ำมัน ถ่านหิน และแก๊สจากรัสเซีย ที่ถูกนำเข้ามาสู่ยุโรปถึง 40 เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างน้อย หรือ 80 เปอร์เซ็นต์ของความต้องการพลังงานในยุโรปที่ล้วนแล้วแต่ต้อง “นำเข้า” จากแหล่งอื่นๆ ด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น...เมื่อพวก “ชัชชาติฝรั่ง” ดันไป “บ้าตาม” คุณพ่ออเมริกา!!! ที่พยายามแบ่งขั้ว แบ่งฝ่าย พยายามแยกโลกออกเป็น 2 ขั้ว 2 โลกด้วยกัน คือโลกของพวก “ประชาธิปไตย (ตามมาตรฐานตะวันตก)” กับโลกของพวก “อำนาจนิยม” อย่างจีนและรัสเซีย ด้วยการเลิกใช้ เลิกซื้อหาพลังงานจากรัสเซีย หรือการ “แซงชั่นรัสเซีย” นับจากการบุกดินแดนยูเครนเป็นต้นมา บรรดาแก๊สรัสเซียที่เคยส่งเข้าสู่ยุโรปถึง 40 เปอร์เซ็นต์ มาถึงทุกวันนี้ต้องหดหายไปถึง 75 เปอร์เซ็นต์ โดยที่ยังแทบไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาแทนที่ ไม่ว่าสำหรับหนาวนี้ หรือหนาวหน้า หรืออีกหลายต่อหลายหนาว ที่ยังไงคงต้องมาเยือนอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้...

การที่ไม่ได้เตรียมตัว เตรียมใจ ไม่ได้เตรียมรับมือกับความจริง ข้อเท็จจริงไว้เลยแม้แต่น้อย เอาแต่ “ดรามา” เอาแต่ “หาเสียง” ไปวันๆ นั่นเอง ไม่เพียงแต่ต้องเจอกับความหนาวระดับอาจต้องแข็งตาย หรือต้องเด็ดปัสสาวะทิ้งกันไปเป็นท่อนๆ แต่ยังต้องเจอกับ “วิกฤต” ที่ขยายตัวลุกลามไปสู่กิจกรรมและกิจการต่างๆ ที่มีแต่ต้องอาศัย “พลังงาน” ไปด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าการขนส่งและคมนาคม การใช้ชีวิตในครัวเรือนแต่ละครัวเรือน ระบบอุตสาหกรรมทั้งระบบ การประกอบธุรกิจบริการ การเกษตร ป่าไม้ ไปจนถึงอุตสาหกรรมอาหาร ที่ต้องใช้ปุ๋ยในการเพาะ การหว่าน อาศัยพลังงานในการเก็บเกี่ยว แช่แข็ง แช่เย็น การสร้างอุณหภูมิความร้อน ในการอบ การทอด การย่าง ฯลฯ ความเกี่ยวพัน ต่อเนื่อง ในลักษณะเช่นนี้นี่เอง ที่ส่งผลให้ราคาสินค้า อาหาร การบริการและอื่นๆ เลยพุ่งปรู๊ดๆ ปร๊าดๆ ทะลุเพดาน ทะลุหลังคา ใกล้ถึงอวกาศรอมร่อ...

ราคาขนมปังทั่วทั้งยุโรปทุกวันนี้...เห็นว่าเพิ่มขึ้นไปถึง 18 เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างน้อย ถ้าว่ากันตามตัวเลขของ “Eurostat” หรือ “European Statistic Office” ที่ไม่ต่างอะไรไปจากตัวเลข “PDF” หรือ “European Commission Data” ที่สรุปไว้ว่าราคาเนยแข็งพุ่งขึ้นแล้วถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ราคาชีสเพิ่มขึ้นอีก 43 เปอร์เซ็นต์ ราคาเนื้อ 27 เปอร์เซ็นต์ นมผง 50 เปอร์เซ็นต์เช่นเดียวกับราคาปุ๋ยที่หายาก หาเย็น จนต้องเพิ่มราคาขึ้นไปอีกถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ฯลฯ โน่นเลย หรือพูดง่ายๆ ว่า...ไม่ใช่แค่หนาวตาย แข็งตายเท่านั้น แต่โอกาสที่จะหิวตาย โอกาสที่ “ไม่มีอะไรจะแ-ก” อันเนื่องมาจากค่าใช้จ่ายเพื่อ “ประชาธิปไตยตามมาตรฐานตะวันตก” มันออกจะแพง-แสน-แพง ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ หรือด้วยเหตุเพราะมันไม่ใช่ประชาธิปไตยที่มุ่งสนองตอบต่อความต้องการของประชาชนพลเมืองเป็นอันดับแรก แต่มุ่งที่จะตอบสนองความปรารถนา ความต้องการของจ้าวโลกของประมุขโลก อย่างคุณพ่ออเมริกานั่นแหละเป็นสำคัญ ในอันหวังที่จะดำรงรักษาความเป็น “มหาอำนาจขั้วเดียว” หรือ “โลกขั้วเดียว” เอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้...

ด้วยเหตุนี้นี่เอง...มันเลยไม่เพียงทำให้บรรดาชาติตะวันตกไม่ว่าอเมริกาหรือยุโรป ต่างต้องหนักหนา-สาหัสไปด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม แต่ยังส่งผลให้ “ระบอบการเมือง-การปกครอง” ที่เคยถือเป็น “ค่านิยม” อันโดดเด่นเป็นสง่า เคยเป็นตัวอย่าง แบบอย่าง ให้กับใครต่อใครทั่วทั้งโลกมาโดยตลอด นั่นคือ “ระบอบประชาธิปไตย” ตามมาตรฐานตะวันตก หรือประชาธิปไตยที่ขับเคลื่อนโดย “ทุนนิยมเสรี” ประชาธิปไตยที่ถูกควบคุมบังคับโดย “โลกาภิวัตน์จากด้านบน” มันจึงเกิดอาการพลิกหน้า พลิกหลัง เกิดแนวโน้มที่จะนำไปสู่ “ประชาธิป...ตาย” กันเป็นประเทศๆ เกิดการก่อรูป ก่อร่าง ของฝ่ายต่อต้าน ฝ่ายที่ปฏิเสธและคัดค้านคุณค่าของสถาบันเดิมๆ (Anti-Establishment) เกิดการหวนกลับคืนของพวก “ฝ่ายขวา” พวก “ประชานิยม” หรือแม้แต่กระทั่งพวก “ฟาสซิสต์” ที่ถือเป็น “ของแสลง” ต่อระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าจะในยุโรปหรืออเมริกา จนทำให้มาตรฐานประชาธิปไตยแบบตะวันตก อาจถึงกาลล่มสลายในอีกไม่นาน-ไม่ช้า หรือเกิดอาการ “Westlessness” อย่างที่พวกนักการเมืองฝรั่งมังค่าต่างแสดงออกถึงความห่วงใย ห่วงหาอาลัยเป็นอย่างยิ่ง...

ดังนั้น...ในการ “เผชิญหน้า” ระหว่างพวก “โลกขั้วอำนาจเดียว” กับ “โลกหลายขั้วอำนาจ” หรือจะเรียกว่า “ฝ่ายประชาธิปไตย” กับ “ฝ่ายอำนาจนิยม” ก็แล้วแต่รสนิยมของใคร-ของมัน จึงออกจะมี “เดิมพัน” ที่สูงเอามากๆ และกำลังส่งผลให้เห็นถึงความได้เปรียบ-เสียเปรียบ นับตั้งแต่หน้าหนาวคราวนี้เป็นต้นไป คืออาจส่งผลให้ “ระบบทั้งระบบ-ระบอบทั้งระบอบ” อาจล้มคว่ำคะมำหงายเอาง่ายๆ ด้วยเหตุนี้...จึงถือเป็นเรื่อง “ไม่แปลก” ที่ระดับความขัดแย้งและบรรยากาศความตึงเครียดในการเอาชนะ คะคานซึ่งกันและกัน มันเลยเริ่มยกระดับจนใกล้ๆ อาจต้องวัดตัดสินกันด้วยอาวุธร้ายๆ อาวุธมหาประลัยอย่าง “ขีปนาวุธนิวเคลียร์” ยิ่งเข้าไปทุกที บรรดาความขัดแย้งใน “แนวรบ” ต่างๆ ไม่ว่า “แนวรบยุโรปตะวันออก” “แนวรบตะวันออกกลาง” และ “แนวรบทะเลจีนใต้” จึงมีแต่เพิ่มขึ้นๆ ไม่ได้มีวี่แววว่าจะลดลง บรรเทาเบาบางลงไปเอาเลยแม้แต่น้อย และนั่นย่อมทำให้ความเป็นไปของโลกในอนาคตอันใกล้ ยิ่งกลายเป็น “โลกที่เต็มไปด้วยอัตราเสี่ยง” หรือ “โลกที่อันตราย” ชนิดที่การหนาวตาย แข็งตาย หิวตาย หรือตกน้ำตาย ฯลฯ อาจกลายเป็นเรื่องจิ๊บๆ จ๊อยๆ หรือเป็นเรื่องที่ต้องปล่อยให้ “ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” ท่าน “ไลฟ์สด” กันไปเรื่อยๆ ไปตามมี-ตามเกิดนั่นแล...