“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
ข่าวไทย! รู้กันแล้วใช่ไหมว่า “ตู่อยู่” หรือ “ตู่ไป” ซึ่งเป็นแค่เรื่องของ “ผู้นำชาติไทยจอมโกหก” เท่านั้น ไม่ใช่ “อัศวินม้าขาว” ที่จะนำ “ชาติ-ประชา” เจริญอะไรเลย!?
ข่าวลวง! ประธานาธิบดี “สีจิ้นผิง” ถูกจับกุมตัว เกิดรัฐประหารในจีนโค่น “ผู้นำแดนมังกร”! ข่าวโกหกเริ่มจาก “เมืองแขก” แล้ว “ฝรั่งตะวันตก” นำมาโกหกต่อ ทั้งๆ ที่ “ชาวจีน” กับ“ชาวโลก” รู้แต่ต้นว่า เป็นไปไม่ได้ มันแค่ “ข่าวลวงโลก” ที่โผล่มาแค่วูบๆวาบๆ แล้วก็หายไปในสายลม.. แต่ดันมี “คนปัญญานิ่ม” เชื่อนิทานโกหกเรื่องนี้.. เฮ้อ!
ข่าวจริง! ประธานาธิบดี “สีจิ้นผิง” ได้โผล่เป็นข่าวที่ชาติจีน! โดยยึดหลักการ “ปฏิบัติอย่างจริงจัง บ้านเมืองย่อมสุขสงบ เอาแต่วาทกรรม บ้านเมืองไม่สุขสงบ”
เอ๊ะ! เฮ้ย! หลักการ “คิดดี-ทำดี” ของ “สีจิ้นผิง” เน้นชัดเจนว่า อย่ามัวแต่ “พูดมาก-พูดโม้” หรือ “พูดพล่าม” ซ้ำซากจำเจน่าเบื่อ มัวแต่เงื้อง่าราคาแพงไม่ “ทำจริง” เป็นอันต้องถูก “ผู้นำแดนมังกร”ประณามเสียผู้เสียคน!
แต่..ที่ไทย..“ผู้นำ รปห.” กับ “สืบทอดอำนาจ”อย่าง “นายกฯ ตู่” ได้แต่ “พูดมาก-พูดเพ้อเจ้อ” โกหกคนทั้งชาติ ว่าจะ “ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง” ฯลฯ
เมื่อกว่า 3 ปีก่อน.. “นายกฯ รปห.ตู่” บริหารชาติผ่านมา “ 5 ปี” พร้อม“ การตระบัดสัตย์” ชนิดดื้อๆ “ผู้นำตุ๊ดตู่อยู่ในรู” เร่งการเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม โดยไม่ได้สนใจ “การปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง” ทั้งๆ ที่ “นายกฯ ตู่” กับพรรคพวก มีอำนาจล้นฟ้าในกำมือ พร้อมจะบันดาลให้ชาติกับประชาชนไทยดีขึ้นได้มิใช่หรือ?
อ้าว! แล้วทำไม “นายกฯ ตู่” พูดแล้วไม่ทำให้เป็นจริงล่ะ? ทำไมจึงไร้จิตสำนึก ไม่คิดละอายต่อ “การตระบัดสัตย์” ล่ะ? รู้ไหมว่า “เสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูลตู่” นะว้อย! ฯลฯ
8 ปีกว่าผ่านไปเร็วพร้อม “คำโกหก”! โดย “นายกฯ ตู่” ไม่เคยอธิบายเหตุผลแม้แต่น้อย แถมไม่เคยสำแดงความจริงจังต่อ “การปฏิรูปชาติ” เลย อีกทั้ง “นายกฯ ตู่” ไม่เคย “แก้ต้นเหตุปัญหา” สำคัญๆ ให้ชาติกับประชาชนด้วยซ้ำ..จริงไหม?
“นายกฯ ตู่” กับพลพรรค เผาเวลา 8 ปีกว่าอันมีค่า มุ่งทำแต่เรื่อง “แก้” กับ “สร้าง” ผลงานตาม “ระบบราชการทั่วไป” จึงไม่มีอะไรแตกต่าง ซ้ำร้ายบางเรื่องย่ำแย่กว่า “รัฐบาลสามานย์ในอดีต” ยุค “รัฐบาลเลือกตั้ง” ของมหาเศรษฐี “เหลี่ยม” กับเครือข่าย ที่มุ่งแสวงหาและกอบโกยแต่ “อำนาจ-เงินทอง-ผลประโยชน์สารพัด” ชนิดมิรู้จักพอ อย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ฯลฯ
เฮ้อ..เบื่อที่จะพรรณนาเรื่องสามานย์ของรัฐบาล “นายกฯ เหลี่ยม” ที่ “ตระบัดสัตย์” โกหกหลอกลวงประชาชน ว่า “ผมรวยแล้วจะไม่โกงชาติ” นะโว้ย! ทว่า..เมื่อได้เป็น “นายกฯ” สมใจนึก “มหาเศรษฐีเหลี่ยม” ก็เปิดมหกรรมโกงชาติมูมมาม ไม่แยแสสนใจต่อประชาชน ที่ร่วมลงคะแนนให้อย่างท่วมท้น หวังให้ “นายกฯ เหลี่ยม” ใช้อำนาจรัฐทำงานพัฒนาชาติให้เจริญยิ่งขึ้น กับทำให้คนส่วนใหญ่กินดีอยู่ดี..จริงไหม?
“นายกฯ เหลี่ยม” กับรัฐบาลเครือข่าย กลับทรยศประชาชน ด้วยการโกงชาติไม่รู้จักพอ และบังอาจหนุนขบวนการล้มเจ้า ทำผิดกฎหมายครั้งแล้วครั้งเล่า ส่งผลให้อดีตนายกฯ “เหลี่ยม” กับ “น้องสาว” ต้องหนีคุกตะราง พเนจรไปซุกหัวนอนอยู่ต่างแดนจนวันนี้
เป็นต้นเหตุให้ “บิ๊กบัง-บิ๊กตู่” ทำรัฐประหาร โค่น “รัฐบาล” โกงชาติกับล้มเจ้า “เหลี่ยม” และเครือข่าย ล่มครืนถึง 2 ครั้ง
ในการรัฐประหารครั้งที่ 2 ของ “บิ๊กตู่” ประชาชนต่างมีความหวังว่า “บิ๊กตู่” จะไม่ทำให้เสียของซ้ำรอยกับ “บิ๊กบัง” ชาติไทย-สังคมไทยจะได้เปลี่ยนแปลงดีขึ้น ชาติจะเจริญมั่นคงรุ่งเรือง เพราะ “นายกฯ บิ๊กตู่”ไ ด้ประกาศสัจจะวาจา ท่ามกลางกระแสสูงของการปฏิรูปว่า รัฐบาลคณะรัฐประหาร “จะปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง”
ทว่า... ครองอำนาจต่อเนื่อง 8 ปีกว่า! “นายกฯ ตู่” กลายเป็น “นายกฯดี แต่พูด” ที่กล้าโกหกประชาชนอย่างดื้อๆ “นายกฯ ตู่จ๋า”..รู้ไหม? ประชาชนเขาให้ฉายาท่านว่า “นายกฯ ตู่ตระบัดสัตย์”..!
เฮ้อ..หยุดเรื่อง “พูดแล้วไม่ทำตามคำพูด” ที่น่าเบื่อของ “นายกฯ ตู่” มาดูหลัก “คิดดี” แล้ว “ทำดี” ของหนุ่มใหญ่วัย 69 ปี อย่าง “ผู้นำแดนมังกร-สีจิ้นผิง” ดีกว่า..
“คณะผู้เขียน” เรื่องของ“ สีจิ้นผิง” เริ่มตอนนี้ด้วย“กลอนคู่จีน”บทหนึ่ง บรรทัดบนเขียนว่า “คุณประชุม ฉันประชุม ทุกคนต่างประชุม” บรรทัดล่างเขียนว่า “คุณร่ายวาทกรรม ฉันร่ายวาทกรรม ทุกคนต่างร่ายวาทกรรม” โดย “สีจิ้นผิง” อ้างกลอนคู่บทนี้ เพื่อวิจารณ์ข้าราชการ ที่มิได้แก้ไขเยียวยาความบกพร่องของสังคม เป็นการเน้นย้ำว่า “การดำเนินงานอย่างจริงจัง คือสิ่งล้ำค่าของการปกครอง”
มีการยกเรื่องราวครั้งโบราณกาลยุค “จ้านกั๋ว” มีขุนนางชื่อ “จ้าวคั่ว” เอาแต่ถกพิชัยยุทธบนกระดาษ จนทำให้กองทัพแคว้นจ้าว ที่มีกำลังพลถึง 4 แสนนายพินาศสิ้น ทิ้งบทเรียน “ดีแต่พูด” ทำลายบ้านเมืองล่มสลายไว้ในประวัติศาสตร์
“สีจิ้นผิง” จึงเน้นปฏิบัติอย่างแข็งขัน ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานจริง ว่าเป็นประเพณีอันดีงามที่สืบทอดกันมาของพรรคเรา และเป็นประเด็นสำคัญ ที่ทำให้พรรคเราสามารถปฏิวัติสร้างสรรค์พัฒนา และปฏิรูปตลอดเวลา เพื่อชัยชนะใหม่ของประชาชนของเรา
“สีจิ้นผิง” กำชับเจ้าหน้าที่ระดับบริหาร ต้องใช้หลัก “3 เข้มงวด 3 จริงจัง” การดำเนินงานใดๆต้องทำอย่างจริงจัง ตามสถานการณ์ที่เป็นจริง คำว่า “จริงจัง” เป็นแกนหลักของทุกด้าน ในการใช้อำนาจ และให้ความเห็นว่า การปกครองอย่างจริงจังทำได้หรือไม่ คือ สมรรถภาพทางการเมืองการปกครองของพรรคเรา ขณะเดียวกัน ก็เป็นบรรทัดฐานในการตรวจสอบเจ้าหน้าที่บริหารทุกระดับชั้น ต้องการให้เจ้าหน้าที่ระดับบริหาร มีจิตสำนึกที่ถูกต้อง และมีผลงานที่เป็นจริง มีจิตวิญญาณการฟันฝ่าอุปสรรค และพยายามอย่างพากเพียร เพื่อจรรโลงการมุ่งแสวงหาสิ่งที่เป็นความจริง และการกระทำอย่างจริงจัง หลีกเลี่ยงการเอาแต่สร้างวาทกรรมประเดี๋ยวประด๋าว
“สีจิ้นผิง”ได้ระบุหลักคิดนี้ว่า การปกครองบ้านเมืองจะสงบเรียบร้อยหรือไม่ ถ้าปฏิบัติอย่างจริงจังย่อมปกครองได้ ถ้าเอาแต่สร้างวาทกรรม ย่อมปกครองมิได้ หากเอาแต่สร้างวาทกรรม เปรียบเสมือนการเล่นละคร สวมใส่หรูหรา ถกกันไม่หยุดหย่อน แต่ไร้แก่นสาร แล้วจักเป็นจริงได้อย่างไร? นั่นเป็น “บทฉานสือ” ตำรา “เฉียนซู” โดย “ถังเจิน” นักคิดช่วงปี ค.ศ.1630-1704 สมัย“ ราชวงศ์ชิง” ของชาติจีน
อืม.. “ถังเจิน” ไม่ได้เป็นเพียงนักคิดที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่ยังเป็น “นักปฏิบัติดี” ที่ประสบความสำเร็จ ขณะดำรงตำแหน่งเป็น “นายอำเภอ” ของอำเภอฉางจื่อ มณฑลซานซี โดย “ถังเจิน”ระดมชาวบ้านให้ปลูกหม่อนไหม ไม่เพียงไปเกลี้ยกล่อมราษฎรทีละบ้าน ยังสาธิตเป็นตัวอย่างอีกด้วย ผลปรากฎว่า ไม่ต้องออกประกาศราชการแม้แต่ฉบับเดียว ภายใน 30 วัน ชาวบ้านช่วยกันปลูกหม่อนไหมกว่า 8 แสนต้น ประสบการณ์ความสำเร็จนี้ คือ “สิ่งล้ำค่าทางการปกครองคือการปฏิบัติ” นั่นเอง
โดย “นายอำเภอถังเจิน”มีความเห็นว่า การออกประกาศเป็นเพียงการใช้ภาษา เพื่อสื่อสารและกันลืมเท่านั้น จึงเสนอว่า “ถ้าปฏิบัติอย่างจริงจัง ย่อมปกครองได้ ถ้าเอาแต่สร้างวาทกรรม ย่อมปกครองมิได้” และสิ่งสำคัญที่สุดของการปกครอง อยู่ที่การปฏิบัติจริง บ้านเมืองจึงจะสุขสงบ ราษฎรจะเป็นสุข
ทัศนะดังกล่าวนี้ “ถังเจิน” เจาะจงถึงวงราชการ ที่ในสมัยนั้นชอบออกประกาศ และเห็นว่านี่เป็นสาเหตุที่แม้ทางการจะมีคำสั่ง ก็ดำเนินการให้เป็นจริงมิได้ แต่“ถังเจิน”มิได้เหมารวมว่า ประกาศหรือหนังสือราชการไม่มีความสำคัญ เพราะเขาให้ความหมายไว้ว่า
“ถ้าเอาแต่ออกประกาศ แต่ไม่นำพาต่อการปฏิบัติจริง ผลสุดท้ายย่อมปราศจากผลงานใดๆ และรังแต่จะล้มเหลว”
“นายอำเภอถังเจิน”ยุคจีนโบราณเชื่อว่า ประกาศที่มีเต็มบ้านเต็มเมือง ก็เหมือนกระดาษที่ว่างเปล่าเท่านั้น!
“ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง”ยุคดิจิทอลล้ำสมัย ก็เห็นตรงกันว่า “ปฏิบัติอย่างจริงจัง บ้านเมืองย่อมสุขสงบ เอาแต่วาทกรรมบ้านเมือง ย่อมไม่สุขสงบ”!
เฮ้อ.. หันมองไทย..ไหง “ตุ๊ดตู่อยู่ในรู” จึงเอาแต่ “พูดซ้ำซาก” โดยไม่ทำจริงจังในเรื่อง “แก้ต้นเหตุปัญหาสำคัญๆ”! โถ..“ตุ๊ดตู่อยู่ในรู” ไม่ทำตามคำพูดมาตลอด แต่ดันอยากเป็น “นายกรัฐมนตรีไทย” ต่อไป..ต่อไป..และต่อไปเรื่อยๆว่ะ..เวรกรรม..