xs
xsm
sm
md
lg

“ตู่” ต้องคิดต้องทำอย่าง “สีฯ”(ตอนสาม) ยุค “ตู่” คนจนเพิ่มขึ้น-ยุค “สีฯ”คน จนหมดไป?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”

8 ปีกว่า! “นายกฯ ตู่” โกหก! จะ “ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง” แต่เป็น “รัฐบาล” ดีแต่พูด-ไม่ทำจริงว่ะ?


ชาติกับประชาชนไม่คุ้มค่าไม่สมราคา ด้วย “บิ๊กตู่” ทำ “รัฐประหารเสียของ” เพราะ “เยี่ยวไม่สุด”! “บิ๊กตู่” ไม่ปราบปรามคนโกงชาติจริงจัง! ไม่ลดความเหลื่อมล้ำมิติสำคัญๆให้สังคมไทย! ไม่ปฏิรูปชาติมิติต่างๆ แม้แต่น้อย!

“บิ๊กตู่” ไม่ตระหนักถึงคุณภาพชีวิตประชาชน “คนส่วนใหญ่” ว่าย่ำแย่ยากจนลงทุกวี่วัน ขณะที่ “คนส่วนน้อยร่ำรวย” ทวีขึ้นไม่หยุด.. ฯลฯ

สภาพสังคมไทยยุค “นายกฯ บิ๊กตู่” กับพลพรรค ตกต่ำคลอนแคลน ไม่ใช่และไม่ใกล้เคียงกับสโลแกน “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” อย่างที่ “บิ๊กตู่” พร่ำสร้างวิมานกรอกหูคนไทยมาตลอด 8 ปีกว่า!

ทั้งนี้ก็เพราะ..ทัศนคติต่อประชาชนของ “นายกฯ ตู่” ต่างโดยสิ้นเชิงกับประธานาธิบดี “สีจิ้นผิง” อย่างลิบลับ ด้วย “ผู้นำแดนมังกร” ยึดหลักคิดว่า “คนมองในน้ำจะเห็นเงา มองที่ประชาชนจะรู้ว่า การปกครองดีหรือไม่”

แถม “สีจิ้นผิง” เตือนแล้วเตือนเล่าว่า “ห้ามพูดเองเออเอง แต่งเองขับร้องเอง” นะว้อย!

แต่สำหรับ “นายกฯ ตู่”..นอกจากชอบพูดเอง เออเอง สรุปเอง แถม “ตุ๊ดตู่” ยังชอบแต่งเนื้อร้องทำนองเพลงเอง! เหลือแค่ “ตุ๊ดตู่” ยังมิได้ “ร้องเอง” เท่านั้น! หาก “นายกฯ ตุ๊ดตู่” ร้องเพลงที่แต่งเอง เผยแพร่ผ่านสื่อวิทยุ-ทีวี-โซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง เชื่อเถอะทุกเพลงของ “ศิลปินตุ๊ดตู่” เมื่อควบตำแหน่งใหญ่โตมโหฬารในฐานะ “นายกรัฐมนตรี” หนีไม่พ้นที่ “ศิลปินตุ๊ดตู่” ต้องได้รับรางวัล ซึ่ง “ประธานคณะกรรมการ ”ยกยอปอปั้น และเพลงของ “นายกฯ ตุ๊ดตู่” จะถูกขบวนการ “เชลียร์ตู่แห่งชาติ” บังคับให้ประชาชนต้องฟังทุกวี่วัน ผ่านสารพัดสื่อของรัฐ จนผู้คนโคตรเบื่อ..

ขบวนยกยอปอปั้น “ตุ๊ดตู่” สุดเหวี่ยง ชื่นชม “เผด็จการทหารตู่” ว่าโคตรเก่ง ทั้งทำรัฐประหารเอง-พูดโกหกอย่างขึงขังเอง แถมยังแต่งทำนองกับเนื้อเพลงเอง ฯลฯ เรียกว่า..“บิ๊กตู่” ทำเอาผู้คนยุคดิจิทอลงงสุดๆไปเลย กับเสียงเชลียร์ “ตู่เก่งสุดติ่งกระดิ่งแมว”..?!

ว้าว! แถมการเชลียร์ “ตู่” แบบส่งเดชนี้ ดันไปตรงกับที่ “สีจิ้นผิง”ย้ำแล้วย้ำอีก ในเรื่อง “ห้ามพูดเองเออเอง แต่งเองขับร้องเอง” แต่ในชาติไทย “ตู่-พูดกับแต่งเพลงโกหกเอง” ตลอดว่ะ..ฮ่า!ฮ่า! เอิ๊กกก..

แหม..ถ้า “นายกรัฐมนตรีตู่-ร้องเพลงตัวเอง” ส่วน “พี่ใหญ่ป้อม” ในฐานะ “นายกรัฐมนเอก” คงต้องเปิดตึกไทยคู่ฟ้า มอบรางวัล “แผ่นเสียงทองคำปลอม” ให้ “ศิลปินน้องเล็กตู่” มือเป็นระวิงเลย..จริงไหม?

ผู้นำชาติจีน “สีจิ้นผิง” ได้เปรียบ “ประชาชนเหมือนน้ำ” ที่ส่องให้เห็นถึงความสุขสงบ หรือความวุ่นวายของบ้านเมืองในการปฏิบัติจริง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม การศึกษา หรืองานใดๆก็ตาม ต้องให้มวลชนมีส่วนร่วม ต้องรับการตรวจสอบจากมวลชน ต้องให้มวลชนวิพากษ์วิจารณ์ ต้องส่องกระจกมวลชนบานนี้บ่อยๆ

การผสมผสาน “สิ่งใหม่กับสิ่งเก่า-สิ่งเก่ากับสิ่งใหม่” นั้น เป็นสิ่งที่ “ผู้นำจีน” รวมทั้ง “สีจิ้นผิง” ที่ถนัดนำ แยกแยะ และประสานนำมาใช้ จนทำให้จีนที่เมื่อวันก่อนยังเป็นชาติยากไร้ของโลก ผ่านการพัฒนาแค่ไม่กี่ทศวรรษ ชาติจีนก็กลายเป็นหนึ่งใน “ชาติมหาอำนาจโลก”ไปแล้ว!

ปัจจุบัน..จีนใน “ยุคดิจิทัล” หลายด้านของ “มังกรจีน” ได้แซง “อินทรีมะกัน” กับชาติมหาอำนาจ “กลุ่มยุโรป” อย่างเหลือเชื่อ..จริงไหม?

จีน-กำลังก้าวขึ้นเป็นชาติอันดับ 1 ทางเศรษฐกิจโลก! จีน-กลายเป็นชาติที่มี “นวัตกรรมดิจิทอล” ล้ำสมัย เป็นหนึ่งในชาติที่สร้างสินค้าดีมีคุณภาพ จนสินค้าดิจิทอลหลายด้านของจีน เป็นที่นิยมของผู้คน ขายดีติดอันดับ 1 ของโลก!

จีน-ที่ล้าหลังในอดีต วันนี้สามารถส่งยานอวกาศไปลงดวงจันทร์ แถมล่าสุด จีนส่งยานอวกาศไปลงบนด้านมืดของดวงจันทร์ได้อีกด้วย ฯลฯ

“สีจิ้นผิง” ใช้หลัก “คันฉ่องส่องประชาชน” มาตรวจสอบการทำงานของ “พรรคคอมมิวนิสต์” กับ “รัฐบาลจีน

ความทุกข์สุขของประชาชน..ดูจากไหน? “คำตอบ ”นี้ถูกไขความลับจากตัว “สีจิ้นผิง” เอง

ประโยค “คันฉ่องส่องประชาชน” มาจากพระราชประวัติ “กษัตริย์ราชวงศ์อิน” ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่สองยุคจีนโบราณ ราว 1620 ปีก่อนคริสตกาล ในพงศาวดา ร“สื่อจี้” ที่เขียนโดย“ซือหม่าเซียน” บิดาแห่งประวัติศาสตร์จีน

ครั้งนั้น “ปฐมกษัตริย์” คือ “เฉิงทัง” จะยกทัพไปปราบเจ้าครองแคว้นหนึ่งชื่อ “เก๋อโป๋” โทษฐานไม่เซ่นไหว้บรรพชนตามจารีตประเพณี

“กษัตริย์เฉินทัง” ได้ตรัสกับ “อิอิ่น” คนสนิทว่า “คนเราดูในน้ำจักเห็นเงา มองทวยราษฎร์จักรู้ว่า ปกครองบ้านเมืองสงบสุขหรือไม่” สรุปได้โดยไม่อ้อมค้อมว่า “กษัตริย์เฉินทังทรงยึดถือราษฎรเป็นคันฉ่อง” และนั่นคือ “ทฤษฎีคันฉ่อง” เก่าแก่ที่สุดเท่าที่จะค้นได้ของชาติจีน!

การปกครองในยุคจีนโบราณ ยังใช้ระบอบข้าทาส มีการกดขี่ข่มเหงแบ่งชนชั้น ทว่า “กษัตริย์เฉินทัง” กลับทรงริเริ่ม “ทฤษฎีคันฉ่อง” ยึดถือสภาพความเป็นอยู่ของราษฎร เป็นมาตรฐานความดีเลวของการปกครอง ซึ่งทัศนคติการ “ถือคนเป็นคันฉ่อง” ได้เป็นที่ยอมรับของผู้ปกครองแผ่นดินจีนทุกยุคมาตลอด..

เรื่องเกี่ยวกับ “คันฉ่อง” นอกจากจะปรากฏในบันทึกประวัติศาสตร์ของ “ซือหม่าเซียน” แล้ว.. ในบรรพต้าหย่าคัมภีร์ “ซือจิง” ได้จารึกไว้ใน “บทเรียนจากราชวงศ์อิน” ไม่ห่างจาก“ราชวงศ์เซี่ย” ตำรา“ต้าต้ายหลี่จี้”บท“เป้าฝู่” ระบุว่า “ผู้ส่องคันฉ่องย่อมรู้รูปลักษณ์ ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์ย่อมรู้ปัจจุบัน”

จักรพรรดิ “ถังไท่จง” พระนาม “หลี่ซื่อหมิน” แห่ง “กษัตริย์ราชวงศ์ถัง”อันเกรียงไกรในประวัติศาสตร์จีน เป็นผู้ขยายความ “ทฤษฎีคันฉ่อง” ให้รับรู้อีกระดับหนึ่ง ตามประวัติ“ เว่ยเจิง” พงศาวดาร “ซินถังซู” ระบุว่า หลังจากที่ “เว่ยเจิง”ขุนนางผู้กล้าทูลคัดค้านความเห็น ที่ถูกตามครรลองคลองธรรมเสียชีวิตลง จักรพรรดิ “ถังไทจง” ถึงกับถอนพระทัยตรัสว่า
“ใช้ทองเหลืองเป็นคันฉ่อง ส่องดูใบหน้าแลอาภรณ์ ใช้ประวัติศาสตร์เป็นคันฉ่อง ส่องดูความรุ่งเรืองแลเสื่อมโทรม ใช้คนเป็นคันฉ่อง ส่องดูความสำเร็จแลล้มเหลว ข้าพยายามรักษาคันฉ่อง 3 บานนี้ไว้เสมอ เพื่อมิให้ตนเองกระทำความผิดพลาด บัดนี้เว่ยเจิงตาย ข้าสูญเสียคันฉ่องไป 1 บานแล้ว”

นั่นเป็นเรื่องราวของจีนนับแต่ครั้งโบราณ จนกระทั่งยุค “จักรพรรดิถังไทจง” ที่ทิ้งวัตถุกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ไว้อย่างมากมายมหาศาล ให้อนุชนจีนรุ่นยุค “ดิจิทัล” ได้ศึกษาค้นคว้าในวันนี้
โดย “สีจิ้นผิง” ถือเป็นหนึ่งในผู้นำแดนมังกร ที่ศึกษาและนำมาปฏิบัติได้อย่างโดดเด่น จนคนจีนกว่า 1,400 ล้านคน ซึ่งเคยเป็นชาติยากจนชนิดที่คนจีนจำนวนไม่น้อย ต้องหนีความอดอยาก จากแผ่นดินถิ่นเกิด พเนจรไปสร้างชีวิตใหม่ ในแทบทุกมุมโลก

หลังการปฏิวัติโดย “พรรคคอมมิวนิสต์” ได้สร้างจีนใหม่ที่ดีผสานกับจีนเก่าที่ดี ให้ผสมกลมกลืนกันด้วยศิลปะการปกครอง ที่เน้นผลประโยชน์ของประชาชนคนจีนส่วนใหญ่ จนชาติจีนวันนี้เจริญรุ่งเรือง ในฐานะหนึ่งในชาติมหาอำนาจโลก โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความยากจนนั้น “องค์การสหประชาชาติ ”ยังต้องยอมรับว่า ชาติจีนแก้ปัญหาคนยากจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จน “สีจิ้นผิง” กล้าประกาศอย่างเต็มปากเต็มคำว่า “คนจนในชาติจีนกำลังจะหมดไปแล้ว” นะเว้ยเฮ้ย..!

ชาติไทยมีประชากรราว 70 ล้านคน! ทว่า “คนจน” ในยุคที่ “นายกฯ ตู่” ครองอำนาจนานกว่า 8 ปี นอกจากจำนวน “คนจนไม่ลดลง” แล้ว! กลับทำให้คนไทยจนลงทุกวันเสียฉิบ! ขณะที่คนรวย-รวยยิ่งขึ้นตลอดเวลา! แถมความเหลื่อมล้ำในแทบทุกมิติก็ทวีขึ้น จนติดอันดับต้นๆของโลกไปแล้ว!

จากแนวคิดตามสังคมแบบตะวันตก ที่“คนรวยน้อยนิดอยู่บนยอดปิรามิด คนชั้นกลางอยู่ตรงกลาง ส่วนคนจนแผ่กว้างเป็นฐานด้านล่าง”

วันนี้ประธานาธิบดี “สีจิ้นผิง” กำลังสร้างสังคมจีนให้เข้มแข็ง โดยทำลาย “ปิรามิด” แบบตะวันตกทิ้งไป แล้วเปลี่ยนสังคมจีนให้เป็น “ลูกรักบี้” ส่วนยอดและฐานเรียวเล็ก โดยคนส่วนใหญ่จะมารวมกันอยู่ตรงกลาง

“ตู่ดีแต่พูด” ทิ้งคนจนไว้ข้างหลัง! ขณะที่ “สีจิ้นผิง” กล้าประกาศว่า “เราคนจีน..จะรวยไปด้วยกัน”..!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น