xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนรอยรัฐประหารทักษิณ และวันที่ชินวัตรจะคืนสู่อำนาจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน |  ทักษิณ ชินวัตร
หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ

ทักษิณเพิ่งจะออกมาพูดในวาระ 16 ปี การรัฐประหารรัฐบาลของเขาโดยพล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน เมื่อ 19 กันยายน 2549 ว่า ทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสในหลายด้าน รวมถึงทำให้คนไทยยังไม่หายจน น้ำยังท่วม และปัญหายาเสพติดที่ซื้อขายกันง่าย ฯลฯ ทักษิณพูดไม่ผิดหรอก เพราะไม่มีหรอกรัฐบาลหรือนายกฯ คนไหนที่จะสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เพื่อความเป็นธรรมกับรัฐบาลก็ต้องบอกว่า 16 ปีผ่านมามีทั้งด้านที่ดีและไม่ดี ก็ไม่ใช่ว่า ถ้าประเทศยังอยู่ใต้อำนาจของทักษิณจะดีขึ้นกว่านี้ เพราะเป็นคำพูดที่ไม่อาจพิสูจน์ได้


การรัฐประหารอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องในระบอบประชาธิปไตย แต่ต้องยอมรับนะครับว่า วันนั้นถ้าไม่เกิดการรัฐประหารก่อนวันนัดชุมนุมใหญ่ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประเทศไทยก็อาจจะมีโศกนาฏกรรมเคยขึ้น เพราะฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลตอนนั้นก็ระดมมวลชนเพื่ออกมาต่อต้านซึ่งอาจจะเกิดการปะทะกันของคนไทยด้วยกันเอง

ทักษิณมาจากการเลือกตั้งด้วยชัยชนะที่ท่วมท้นและได้รับความนิยมจากประชาชนในยุคนั้นก็จริงอยู่ แต่การอยู่ในอำนาจด้วยเสียงข้างมากของทักษิณในช่วงนั้นก็ได้กระทำหลายสิ่งที่คนไทยไม่อาจจะยอมรับได้ ทั้งการใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลทุจริตเชิงนโยบายเพื่อหาประโยชน์ให้กับธุรกิจวงศ์วานว่านเครือดังที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการมืองได้แจกแจงออกมาอย่างชัดแจ้งจนมีการยึดผลประโยชน์ที่ไม่ชอบกลับมาของแผ่นดินถึง 4 หมื่นกว่าล้านบาทนั้นย่อมเป็นบทพิสูจน์ที่ชัดแจ้ง

มีการพูดกันว่าฝ่ายต่อต้านได้นำเรื่องความไม่จงรักภักดีมาโจมตีทักษิณ เป็นการใช้สถาบันมาเป็นอาวุธ และดึงให้สถาบันมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่ตอนนั้นเราก็เห็นได้ชัดว่าทักษิณกระทำหลายอย่างที่ย่ามใจมากตั้งแต่การแต่งตั้งรักษาการสมเด็จพระสังฆราช การไปนั่งทำบุญในวัดพระแก้ว และวลีเด็ดของทักษิณที่ประกาศว่า “หากจะลาออกมีเพียงพระเจ้าอยู่หัวเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น ถ้าพระองค์ทรงกระซิบบอกก็จะกราบพระบาทลาออกทันที”

รวมถึงเรื่องที่ทักษิณเองก็เคยเล่าว่า เขากราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัวว่าเขาขอจัดงานฉลอง 60 ปี ที่ทรงครองราชย์ ตั้งใจว่าจะเชิญพระมหากษัตริย์ทั่วโลกมาร่วมงาน โดยรัฐบาลเป็นเจ้าภาพเป็นผู้เชิญแขกทั้งหมดทั่วโลก แนวทางปฏิบัติระหว่างประเทศ โดยเฉพาะแนวทางกรมพิธีการของกระทรวงการต่างประเทศและพระราชวังกำหนดให้เขายืนอยู่ข้างล่างเพื่อรับแขก คนไม่รู้เหมือนเขาไปแย่งรับแขกพระเจ้าอยู่หัว ทั้งที่เขาทำตามเจ้าหน้าที่บอก แต่มีคนไปหาว่าเขาไป “steal the show” ทั้งที่พระเจ้าอยู่หัวไม่ได้ว่าอะไรเลย ท่านก็ทรงอยู่ข้างบนรอรับแขก จึงมีความเข้าใจผิดกันบ้าง แต่ไม่ใช่พระเจ้าอยู่หัว แต่เป็นคนรอบๆ ในวังอาจเข้าใจเขาผิด

เรารู้ๆ กันอยู่ว่าการเดินทางไปอยู่ต่างประเทศของทักษิณนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะถูกขับไล่อย่างที่ทักษิณพยายามทำให้เข้าใจอย่างนั้น หลังรัฐประหารและพรรคของเขาชนะการเลือกตั้ง เขาได้กลับมาประเทศเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 และก้มลงกราบแผ่นดิน แต่ต่อมาเขาก็ขอศาลเดินทางไปดูโอลิมปิกที่ประเทศจีนแล้วไม่เคยกลับประเทศมาอีกเลย และต่อมาเขาจึงถูกศาลตัดสินจำคุกในหลายคดี

การออกนอกประเทศของเขาจึงเป็นการหลบหนีคดี ไม่ใช่เพราะถูกขับไล่อย่างที่พยายามสื่อสารออกมา ดังนั้นทุกวันนี้ไม่ว่ามวลชนที่รักเขาหรือไม่รักเขาก็อยากจะให้เขากลับมาประเทศทั้งนั้น

แต่ก็ต้องยอมรับนะครับว่า ทักษิณก็ไม่ใช่นายกฯที่ทำในสิ่งที่ไม่ดีทั้งหมด สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในรัฐบาลของเขาก็มี ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน การเกิดขึ้นของสินค้าโอทอป หรือการปฏิรูประบบราชการที่ทำให้เกิดความคล่องตัวขึ้น ฯลฯ แต่การกระทำในสิ่งที่ดีภายใต้อำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นใบอนุญาตให้เขาใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและแสดงความเหิมเกริมเพราะเชื่อมั่นในความนิยมของประชาชน

ปีนี้ทักษิณพูดถึงการกลับประเทศถี่ขึ้น ก็คงเหมือนการกลับมาครั้งก่อนที่เชื่อว่าพรรคของเขาจะชนะการเลือกตั้งในท่ามกลางความนิยมที่ลดถอยลงของฝ่ายรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และทุกฝ่ายก็รอคอยว่าเขาจะกลับประเทศจริงๆ เมื่อไหร่และจะกลับมาอย่างไร ในขณะที่ยังมีคดีความติดตัวอย่างมาก แต่การแสดงออกของเขานั้นก็พิสูจน์นั่นแหละว่าเขาไม่ปล่อยวางทางการเมืองอย่างที่พยายามพูดว่าอยากกลับมาประเทศมาเลี้ยงลูกหลานไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก

แม้จะอยู่ในต่างประเทศ แต่เราก็ต้องยอมรับว่า ทักษิณมีบทบาทเหนือพรรคการเมืองของเขาโดยพฤตินัย ตั้งแต่การผลักดันให้นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ตอนนั้นทักษิณน่าจะรู้ว่า สถานะของเขากับสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์ที่ดี แต่สมัครนั้นมีภาพของการเป็นรอยัลลิสต์ที่สำคัญคนหนึ่ง แม้สมัครจะมีบทบาทสูงในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เราจึงเห็นฝ่ายขวาในยุคนั้นกับฝ่ายซ้ายในยุคนั้นนั่งอยู่ในคณะรัฐมนตรีเดียวกัน

แต่ทักษิณก็รู้ว่า เขาไม่สามารถสั่งสมัครให้ซ้ายหันขวาหันได้ เขาจึงผลักดันเครือญาตินายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ซึ่งเป็นน้องเขยของเขามารับตำแหน่งต่อ แต่ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งยุบพรรคพลังประชาชน ทำให้นายสมชายต้องพ้นจากตำแหน่งไปโดยปริยาย จนกระทั่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี และเมื่อมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ทักษิณจึงผลักดันยิ่งลักษณ์น้องสาวขึ้นสืบทอดอำนาจทางการเมืองจนเป็นนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ

ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ถอดถอนยิ่งลักษณ์จากตำแหน่ง จากกรณีมีส่วนใช้อำนาจแทรกแซงการโยกย้ายถวิล เปลี่ยนศรีจากตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เครือญาติขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จากนั้นยิ่งลักษณ์ก็หลบหนีออกนอกประเทศตามทักษิณไปก่อนวันที่ศาลจะนัดพิพากษาคดีจำนำข้าว ซึ่งต่อมาศาลได้อ่านคำพิพากษาลับหลังให้จำคุกยิ่งลักษณ์ 5 ปี ฐานปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต

การเลือกตั้งในปี 2562 แม้ทักษิณจะไม่ส่งเครือญาติเพื่อสืบทอดอำนาจ แต่พรรคการเมืองของทักษิณก็ใช้วิธีแตกพรรค จนพรรคไทยรักษาชาติได้กระทำมิบังควรจนมีพระบรมราชโองการตอนหนึ่งว่า การนำสมาชิกชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์มาเกี่ยวข้องกับระบบการเมือง ไม่ว่าจะโดยทางใดก็ตาม จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อโบราณราชประเพณี ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมของชาติ ถือเป็นการกระทำที่มิบังควรไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

การเลือกตั้งครั้งต่อไปใกล้มาถึง ทักษิณออกมาวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองถี่และแรงขึ้น ก็น่าจะเกิดจากความมั่นใจว่า พรรคของเขาจะชนะการเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาลอีกครั้ง และครั้งนี้ทักษิณก็ผลักดันทายาทเข้ามารับตำแหน่งทางการเมืองอีกครั้งด้วยการผลักดันลูกสาวสุดที่รักแพทองธาร ชินวัตรขึ้นมาเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางกระแสโพลต่างๆ ว่า แพทองธารได้รับความนิยมเหนือตัวเลือกนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆ ซึ่งการส่งลูกสาวที่รักลงสู่เวทีการเมืองครั้งนี้ย่อมสะท้อนว่า ทักษิณกำลังเดิมพันอนาคตครั้งใหญ่อีกครั้ง

และเป็นการสะท้อนว่า ไม่มีประชาธิปไตยในฝ่ายที่อ้างตัวว่า เป็นฝ่ายประชาธิปไตย แม้ในทางพิธีกรรมอำพรางเราคงไปพิสูจน์ไม่ได้หรอกว่า ทักษิณมีอิทธิพลเหนือพรรคการเมืองซึ่งเป็นข้อต้องห้ามตามกฎหมาย แต่เราต้องยอมรับนั่นแหละว่า เขาเป็นเจ้าของพรรคการเมืองที่จะชิ้นเป็นชิ้นตายได้ว่า จะให้ใครอยู่ในตำแหน่งใดไม่เช่นนั้นลูกสาวของเขาคงจะเข้ามามีบทบาทในพรรคไม่ได้

ตอนนี้ต้องยอมรับว่า ทักษิณกลับมามีหัวใจที่กระชุ่มกระชวยอีกครั้ง ท่ามกลางความนิยมที่ตกต่ำลงของฝ่ายรัฐบาลที่บริหารประเทศมานาน เขาคงฝันและมั่นใจว่าจะได้กลับมาเหยียบแผ่นดินเกิดเสียที และลูกสาวคนเล็กจะได้เป็นตัวแทนของตระกูลคนที่ 4 ที่ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่ามันท้าทายกบิลบ้านกบิลเมืองอยู่เหมือนกันว่าเขาจะกลับมาอย่างไรโดยไม่มีความผิด

หรือว่าเขาจะกลับมายอมรับความผิดแล้วเดินเข้าคุกอย่างมีความสุขที่ลูกสาวของเขาจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี


กำลังโหลดความคิดเห็น