ความฝันแลนด์สไลด์ของทักษิณ กับทางกลับบ้านที่เลือนราง

หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ

พรรคการเมืองเกือบทุกพรรคกำลังเริ่มเทศกาลหาเสียงและเปิดตัวผู้สมัครสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า พร้อมกับโพลและกระแสว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้านั้นพรรคที่จะชนะเลือกตั้งคือ พรรคที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย หรือพรรคขั้วฝ่ายค้านในปัจจุบัน ในขณะที่พรรคเพื่อไทยนั้นประกาศว่าจะแลนด์สไลด์และจะพาทักษิณกลับบ้าน พร้อมกับมีการพูดถึงนายกรัฐมนตรีคนต่อไปว่าคือ แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กของตัดสินในวัย 36 ปี

เราทราบกันนะครับว่า ความขัดแย้งทำให้คนแบ่งออกมาเป็น 3 กลุ่มคือคนที่ยืนอยู่ขั้วฝั่งอนุรักษนิยมขั้วนี้ไม่เอาทักษิณ ขั้วฝั่งที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยขั้วนี้ไม่เอาประยุทธ์และไม่เอารัฐประหาร สองขั้วนี้จะไม่สวิงโหวตในการเลือกตั้ง และขั้วที่สามคือคนที่เป็นกลางทางการเมืองซึ่งจะเป็นกลุ่มคนที่จะตัดสินว่าฝ่ายไหนจะชนะระหว่าง 2 ขั้วที่มีมวลชนที่ก้ำกึ่งกัน

ในการเลือกตั้งพรรคที่เป็นฝ่ายอนุรักษนิยมก็ต้องแย่งชิงคะแนนกันเองในฝ่ายอนุรักษ์นิยม พรรคฝ่ายนี้ก็จะมีพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย และพรรคใหม่อย่างพรรคร่วมไทยสร้างชาติ ฯลฯ ส่วนฝ่ายที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยก็จะแย่งชิงกันเองระหว่างพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และพรรคใหม่อย่างไทยสร้างไทย ของ สุดารัตน์ เกยุรพันธุ์ ฯลฯ

ขณะที่พรรคเพื่อไทยประกาศว่าจะแลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ ถ้าตอบแบบเอาตัวรอดก็ต้องตอบว่า ทั้งมีความเป็นไปได้และไม่เป็นไปได้ เพราะคงต้องดูว่าพรรคเพื่อไทยที่ทักษิณผู้พ่อดันลูกสาวอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นจะมีกระแสฟีเวอร์ไหม ถ้าตอบ ณ เวลานี้ก็ยังมองไม่เห็น แม้ว่า พรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคอันดับ 1 แน่ๆ แต่จะขนาดที่เรียกว่าแลนด์สไลด์นั้นก็อาจจะไปไม่ถึงฝัน เพราะจะถูกพรรคไหนฝั่งเดียวกันคือ พรรคก้าวไกลและพรรคของสุดารัตน์เป็นตัวตัดคะแนน

แม้พรรคของทักษิณจะสามารถรวบรวมอดีตส.ส.ในพรรคกลับมาลงสมัครได้มาก แต่ต้องไม่ลืมว่า ในสมัยการเลือกตั้งที่ผ่านมานั้น บทบาทของพรรคก้าวไกลได้ใจคนเสื้อแดงมากกว่าแม้จะเป็นพรรคการเมืองหน้าใหม่ ทั้งการแสดงบทบาทที่เข้าถึงมวลชนมากกว่าและบทบาทการอภิปรายในสภาที่พรรคก้าวไกลสามารถทำได้ดี ในขณะที่พรรคเพื่อไทยของทักษิณนั้นถูกมวลชนมองว่าสู้ไปกราบไปไม่ได้ใจมวลชนเสื้อแดงเท่ากับพรรคก้าวไกลที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับมวลชนมากกว่า

ด้านหนึ่งเพราะทักษิณรู้ว่าบทบาทของพรรคก้าวไกลที่แสดงออกมานั้นท้าทายต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และท้าทายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งในการอภิปรายงบประมาณในส่วนของพระมหากษัตริย์และการแสดงออกสนับสนุนคนรุ่นใหม่ที่ออกมาเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่มวลชนบนถนนและคนที่อยู่ข้างหลังมีเป้าหมายที่ซ่อนลึกมากกว่านั้นจนถูกมองว่าพวกเขาต้องการลดทอนบทบาทและสถานะของพระมหากษัตริย์นั่นเอง

ดังนั้นคนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งนั้นแม้จะไม่เอารัฐบาลชุดนี้ แต่ก็ไม่ได้เอากับพรรคของทักษิณด้วย เพราะเทใจให้กับพรรคก้าวไกล แถมทักษิณเองก็เคยวิจารณ์การเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่หลายครั้ง ด้านหนึ่งคงเป็นเพราะเป้าหมายของทักษิณคือต้องการกลับบ้าน แม้จะยังไม่รู้เลยว่าจะมีช่องทางทางกฎหมายไหนที่จะให้เขากลับมาได้ แต่เขาก็น่าจะรู้ดีว่า เขาจะต้องแสดงตัวต่อประเทศนี้อย่างไร

พรรคก้าวไกลที่แหละที่จะเป็นด่านแรกที่จะสกัดไม่ให้พรรคของทักษิณไม่สู่เป้าหมายแลนด์สไลด์ได้สำเร็จ

แต่ทักษิณนั้นต้องการกลับบ้านแน่ๆ จึงหมายมั่นว่าจะต้องชนะเลือกตั้งให้ได้ และการแสดงออกของพรรคเพื่อไทยและคนในตระกูลชินวัตรก็มีความมุ่งหมายเช่นนั้น ทั้งนี้เพราะโพลส่วนใหญ่ที่เชื่อถือได้ต่างๆ มีผลสำรวจออกมาว่าคะแนนของอุ๊งอิ๊งกำลังได้รับความนิยมเหนือผู้สมัครคนอื่น และอุ๊งอิ๊งก็พูดตลอดว่า ต้องการให้พ่อกลับมาบ้านมาอยู่ด้วยกัน ในขณะที่ทักษิณบอกว่าถ้าเขาจะกลับมาเขาบอกกับอุ๊งอิ๊งเป็นคนแรก

รวมทั้งการให้สัมภาษณ์ในระยะหลังของทักษิณแบบมั่นใจมากว่าเขาจะกลับมาในปีหน้า ซึ่งน่าจะมาจากความเชื่อว่าพรรคของเขาจะชนะการเลือกตั้งและเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ แม้ว่าเราจะพิจารณาจากข้อกฎหมายของประเทศนี้แล้วยังไม่เห็นช่องทางมากนัก มีทางที่เห็นคือ ใช้เสียงข้างมากในสภาออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยแบบที่เคยทำตามแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะถูกประชาชนต่อต้าน ซึ่งเชื่อแน่ว่าหากทำเช่นนั้นอีกก็จะมีประชาชนออกมาต่อต้านเหมือนเดิม


ทางออกที่พอจะมองเห็นยังพอมีอีกสองทาง คือ การร้องขอรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นมาพิจารณาใหม่ แต่ยากที่จะทำได้เพราะคดีของทักษิณนั้นขึ้นสู่ศาลฎีกาที่ใช้องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาถึง 9 คน การจะหักล้างหรือเปลี่ยนแปลงคำพิพากษานั้นจึงเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะพิพากษากลับตาลปัตรได้ แถมทักษิณไม่ได้มีคดีติดตัวเพียงคดีเดียว แต่มีคดีที่ศาลตัดสินไปแล้วหลายคดีและยังมีคดีที่ยังไม่ตัดสินอีก นอกจากนั้นถ้าจะใช้ช่องทางนี้ทักษิณต้องยอมกลับมาติดคุกเสียก่อน

อีกช่องทางคือการขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งเป็นอำนาจของพระมหากษัตริย์ การขอพระราชทานอภัยโทษตัวผู้ขอพระราชทานจะต้องเข้ามาอยู่ในการคุ้มครองของรัฐก่อนนั่นคือกลับมาเข้าคุกเสียก่อนเช่นเดียวกัน จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการอภัยโทษ ซึ่งก็จะมีความเสี่ยงเหมือนกันหากไม่ได้รับการอภัยโทษ อาจถูกขังยาวจนหมดโทษก็เป็นได้ กรณีอย่างนี้เป็นการขออภัยโทษเฉพาะตัว ไม่เกี่ยวกับการขออภัยโทษของคนทั่วไป

นอกจากทางออกที่ว่ามาเหล่านี้แล้ว ใครมองว่าทักษิณยังมีทางออกอื่นที่จะได้กลับบ้านอีก แต่ส่วนตัวผมยังมองไม่เห็น

กลับมาที่อุปสรรคขวากหนามของพรรคเพื่อไทยที่จะแลนด์สไลด์นอกจากพรรคก้าวไกลแล้ว ยังมีพรรคของสุดารัตน์อีก โพลไปถามคนอีสานมาสองครั้งแล้ว ทั้งสองครั้งยืนยันว่า สุดารัตน์มีความนิยมเหนืออุ๊งอิ๊ง ถ้าพื้นที่อีสานถูกพรรคของสุดารัตน์เบียดเอาที่นั่งไปได้มาก ความฝันและความหวังของทักษิณก็จะจบทันที

ความแรงของสุดารัตน์นั้นทำให้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้วหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในทางกฎหมาย ต้องออกมาบอกว่า พรรคที่แอบอ้างว่าเป็นพรรคพี่พรรคน้อง หาเสียงจนพี่น้องประชาชนสับสน ทั้งในภาคเหนือ ภาคอีสาน ซึ่งเราก็ประกาศชัดแล้วว่าเพื่อไทยไม่มีอย่างนั้น เราบอกพี่น้องว่าเราคือเพื่อไทยเท่านั้น ต้องเลือกให้ชนะเพื่อป้องกันความสับสนที่อาจเกิดขึ้นได้

ไม่เพียงแต่พรรคก้าวไกลและพรรคของสุดารัตน์ที่จะแย่งชิงที่นั่งของเพื่อไทยในภาคอีสานเท่านั้น พรรคภูมิใจไทยของเนวิน ชิดชอบก็มีศักยภาพที่มากพอที่จะวัดชั้นเชิงกับพรรคของทักษิณในหลายจังหวัดภาคอีสานก็คงจะไม่ยอมแพ้พรรคของทักษิณง่ายๆ เพราะวันนี้พรรคภูมิใจไทยมีความพร้อมมากที่สุดพรรคหนึ่งในการได้ดูแลสองกระทรวงใหญ่คือสาธารณสุขและคมนาคมในรัฐบาลประยุทธ์

ดังนั้นในภาคอีสานจึงเป็นการต่อสู้กันระหว่างพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคไทยสร้างไทย และพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่พื้นที่ที่ทักษิณจะเอาชนะได้อย่างง่ายดายอีกต่อไป ซึ่งหากเป้าหมายในการยึดอีสานของทักษิณไม่ประสบความสำเร็จโอกาสที่ทักษิณจะแลนด์สไลด์ก็จะหมดไปอย่างสิ้นเชิง

คนอีกกลุ่มหนึ่งที่ผมพูดมาตลอดว่าจะเป็นปัจจัยชี้ขาดระหว่างสองฝ่ายคือ คนกลางๆ ที่ไม่ใช่เสื้อเหลืองและเสื้อแดงคนกลุ่มนี้แหละที่จะชี้ขาดว่าฝ่ายไหนจะชนะ ซึ่งก็ต้องชั่งใจว่า ระหว่างรัฐบาลฝ่ายอนุรักษนิยมที่มีความแนบแน่นกับสถาบันหลักของชาติกับรัฐบาลฝ่ายที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยนั้นอยากจะให้ฝ่ายไหนเข้ามาบริหารประเทศ ในขณะที่อีกด้านหนึ่งมีคนจำนวนไม่น้อยเริ่มเบื่อรัฐบาลที่บริหารประเทศมา 8 ปี ก็ต้องรอดูว่าคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะตัดสินใจไปทางไหน

แม้โพลเกือบทุกโพลจะทำให้ฝั่งของทักษิณมองเห็นสวรรค์อยู่รำไรและมุ่งหวังอย่างเต็มเปี่ยมกับชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ แต่เมื่อมองปัจจัยทางการเมืองที่เห็นอยู่เบื้องหน้าก็ไม่แน่เสมอไปว่าฝันของทักษิณจะเป็นความจริง

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan