xs
xsm
sm
md
lg

แรงปรารถนาของชายชื่อประวิตร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ



ต้องยอมรับว่าการรับหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั้นแสดงออกมาได้ดี ทำงานกระฉับกระเฉงเดินเหินสะดวกจากที่ก่อนหน้านี้จะเดินลุกนั่งต้องมีคนคอยพยุง ทั้งยังขยันลงพื้นที่ด้วยตัวเอง จนฝ่ายตรงข้ามก็ยังเชียร์ให้พล.อ.ประวิตรเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง ที่มีคนรู้ทันว่าเป็นแผนเสี้ยมให้พี่น้องเขาทะเลาะกัน เพื่อขยี้บาดแผลที่มีข่าวระแคะระคายมาก่อนว่า พี่น้องบูรพาพยัคฆ์มีความกินแหนงแคลงใจกันอยู่แล้ว

พล.อ.ประวิตรเริ่มพูดได้มากกว่า ไม่รู้ๆๆ และมีกำหนดการลงพื้นที่ถี่ยิบ ไม่เหลือร่องรอยของคนที่เหมือนกับเคยชราภาพมาก่อน และสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการทำงานได้กับคนทุกกลุ่มด้วยการยกหูถึงชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.เพื่ออาสาส่งทหารลงไปช่วยรับมือกับปัญหาน้ำท่วม

พล.อ.ประวิตรตอบคำถามถึงบุคลิกภาพที่เปลี่ยนไปของตัวเองว่ามาจากใจบันดาลแรง ซึ่งเป็นคำใหม่เพราะเราเคยได้ยินแต่เขาพูดกันว่าแรงบันดาลใจ แต่นั่นน่าจะหมายความว่า ความปรารถนาภายในจากจิตใจเบื้องลึกของพล.อ.ประวิตรที่ทำให้เขามีพลังขึ้นมาอย่างทันทีทันใด

ก่อนหน้านี้ใครๆ ก็รู้ว่า พล.อ.ประวิตรนี่แหละที่เป็นลมใต้ปีกให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อให้น้องสามารถทำงานได้ราบรื่นไม่ต้องพะว้าพะวัง โดยพล.อ.ประวิตรเป็นคนแบกรับเอาปัญหาทางการเมืองมาไว้กับตัว ถนนทุกสายเมื่อมีปัญหาอะไรก็จะวิ่งไปหาพล.อ.ประวิตร จึงกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่มากบารมีคนหนึ่ง

ถ้าเอ่ยชื่อนายทหารในอดีตที่มีบารมีและอิทธิพลเช่นเดียวกันก็เชื่อว่า พล.อ.ประวิตรในยุคนี้ไม่เป็นรองใคร ถ้าเรานึกถึงชื่อนายทหารที่มีบารมีไม่ว่าจะเป็นจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร หรือแม้แต่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์

จนกระทั่งมีกระแสข่าวว่าคนที่แวดล้อมพล.อ.ประวิตรอยากให้พล.อ.ประวิตรเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง เมื่อมีโอกาสได้นั่งรักษาการนายกรัฐมนตรีคนรอบข้างจึงพากันโหมผลงานและประวัติของพล.อ.ประวิตรออกมาสู่สังคมเพื่อสร้างคะแนนนิยม

แต่ต้องยอมรับนะครับว่าในสายตาประชาชน พล.อ.ประวิตรไม่ได้ป็อบปูลาร์เหมือนกับพล.อ.ประยุทธ์ และกองเชียร์พล.อ.ประยุทธ์ก็ตั้งแง่เสียด้วยซ้ำว่า พล.อ.ประวิตรนั้นเป็นตัวถ่วงพล.อ.ประยุทธ์ เพราะมีภาพที่คลุมเครือ แต่ในสายตานักการเมืองกลับมองว่า พล.อ.ประวิตรนั้นเป็นคนที่เข้าถึงได้ง่ายและมีใจเปิดกว้างกว่าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ว่าใครจะมีปัญหาอะไรและต้องการอะไรก็จะวิ่งเข้าหาพล.อ.ประวิตรกันทั้งนั้น แต่ทำแบบนั้นไม่ได้กับพล.อ.ประยุทธ์

จนร่ำลือกันว่าใครต้องการงานภาครัฐหรือต้องการตำแหน่งต้องไปที่มูลนิธิป่ารอยต่อ

การเข้าถึงง่ายและใจเปิดกว้าง นักการเมืองจึงมองประวิตรด้วยสายตาที่เชื่อมั่นมากกว่าพล.อ.ประยุทธ์ ว่ากันว่าที่นักการเมืองหลายคนยังอยู่ในพรรคพลังประชารัฐก็เพราะพล.อ.ประวิตรนี่แหละ แต่ถ้าพล.อ.ประยุทธ์มาเป็นหัวหน้าพรรคก็เชื่อว่าจะมีหลายคนที่โบกมือลา มีคนยืนยันด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์เคยแสดงตัวกับพล.อ.ประวิตรว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่ได้รับการปฏิเสธจากพล.อ.ประวิตรเพราะพี่น่าจะรู้จักน้องดี

ดังนั้นหากพล.อ.ประยุทธ์สะดุดลงตามวาระ 8 ปีของรัฐธรรมนูญ หรือแม้แต่เหลือวาระอีก 2 ปี สมัยหน้าก็ไม่น่าจะเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีอีกแล้ว พล.อ.ประวิตรนี่แหละน่าจะเป็นตัวเลือกที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐเสียเอง เพราะต้องยอมรับนะครับว่า ณ เวลานี้ถ้าพ้นจากพล.อ.ประยุทธ์แล้ว ยังมองไม่เห็นเลยว่าใครจะมาแทนได้ แต่วันนี้ในฐานะรักษาการพล.อ.ประวิตรได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้

ก่อนหน้านี้เราได้ยินแต่ข่าวคราวมาตามสายลมมาตลอดว่า พล.อ.ประวิตรอยากเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง ซึ่งเมื่อถูกผู้สื่อข่าวสอบถามเรื่องนี้เจ้าตัวก็ปฏิเสธทุกครั้ง เพราะเจ้าตัวน่าจะรู้ดีว่าตัวเองไม่ได้รับความนิยมจากประชาชนเหมือนกับพล.อ.ประยุทธ์ แต่เมื่อมีโอกาสได้รักษาการนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตรก็แสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่าเขามีความสามารถมากพอ และปลุกกองเชียร์รอบตัวให้มีความหวังอีกครั้ง

ว่ากันว่าคนที่มีบทบาทสำคัญรอบตัวพล.อ.ประวิตรก็คือน้องชายของเขาพล.ต.อ.พัชรวาท ที่อยากให้พี่ชายขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง ต้องไม่ลืมว่า ป.ป๊อด พล.ต.อ.พัชรวาทนั้นได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในยุคของสมัคร สุนทรเวช ที่เป็นนอมินีของทักษิณ

ในขณะที่ฝ่ายค้านเองก็มองว่า พล.อ.ประวิตรนั้นน่าจะพูดง่ายกว่าพล.อ.ประยุทธ์ เพราะมีข่าวออกมาเสมอว่าพล.อ.ประวิตรมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับทักษิณ เพราะเป็นคนที่แต่งตั้งเขาให้เป็นผู้บัญชาการทหารบก ที่ตอนนั้นทักษิณยอมดันญาติผู้พี่ของตัวเองคือพล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ขึ้นไปเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดเพื่อเปิดทางให้กับพล.อ.ประวิตร

เราจึงไม่เคยเห็นทักษิณแตะต้องพล.อ.ประวิตร แม้รู้ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะมีวันนี้ได้เพราะพล.อ.ประวิตร และเป็นขุมกำลังให้กับพล.อ.ประยุทธ์ จนใครต่อใครเอาไปลือกันว่าทั้งสองยังมีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

และหากการเลือกตั้งครั้งหน้าไม่มีพล.อ.ประยุทธ์อยู่ในสมการการเมืองแล้ว อาจจะเพราะเงื่อนไข 8 ปี หรือว่าเหลือวาระแค่ 2 ปีก็ตามแต่ ก็เลยมีคนมองกันว่า มีความเป็นไปได้มากที่พรรคพลังประชารัฐจะจับมือกับพรรคเพื่อไทย และมีความเป็นไปได้มากหากไม่มีพล.อ.ประยุทธ์แล้ว ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่าจะกลับมาสู่อ้อมอกของพล.อ.ประวิตร ซึ่งมีข่าวสะพัดออกมาในช่วงนี้

และไม่แน่ว่าด้วยเงื่อนไขพิเศษของการเมืองไทยด้วยปัจจัยที่มากกว่าภาพที่เห็นเบื้องหน้า ไม่แน่ว่าเมื่อจับมือกันแล้วพรรคเพื่อไทยอาจจะยอมให้พล.อ.ประวิตรเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยเงื่อนไขที่ไม่อาจปฏิเสธก็ได้

แต่การพ้นจากภาระของพล.อ.ประยุทธ์ก็นับว่า เป็นจังหวะที่พอดี เพราะกระแสเริ่มลดลงและคนจำนวนมากเริ่มเบื่อเพราะเป็นนายกรัฐมนตรีมาอย่างยาวนาน แต่ประเทศกำลังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ที่คนจำนวนไม่น้อยเรียกร้องต้องการคนมืออาชีพมาบริหาร ถ้าสามารถอยู่ต่อก็อาจจะกลายเป็นขุนพลที่นำทัพแพ้เลือกตั้ง แต่ถ้าพล.อ.ประวิตรเป็นคนนำทัพ ถึงแพ้ก็ไม่เสียหายอะไร มิหนำซ้ำอาจจะจับมือกับฝ่ายตรงข้ามตั้งรัฐบาลได้เสียอีก

การเมืองที่ไม่มีพล.อ.ประยุทธ์อยู่ในสมการนั้นเป็นประตูที่เปิดกว้างกว่าเพื่อเปิดทางให้สองขั้วการเมืองหันมาจับมือกัน เพราะบุคลิกของพล.อ.ประวิตรที่ประนีประนอมมากกว่า

ขณะเดียวกันหากพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้ยังจับมือกันและสามารถรวบรวมเสียงทุกพรรคได้เกินครึ่ง พล.อ.ประวิตรก็ยังมีอิทธิพลและบารมีอยู่เพราะเป็นตัวจริงที่ควบคุมเสียงส่วนใหญ่ของ 250 ส.ว.ที่ยังมีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ไม่ว่าใครในฝั่งนี้จะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ย่อมต้องเกรงใจบารมีของพล.อ.ประวิตร

ดูเหมือนว่าประตูของพล.อ.ประยุทธ์กำลังจะปิดแง้มลง ในขณะที่ประตูของพล.อ.ประวิตรยังคงเปิดกว้างให้แสงส่องเข้ามา แรงปรารถนาในใจของชายชื่อประวิตรใกล้เคียงที่จะกลายเป็นความจริง

ติดตามผู้เขียนได้ที่https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น