ปิดฉากสัปดาห์นี้...ถ้าจะให้เบาๆ-สบายๆ คงต้องหันไปงึมๆ งัมๆ บทเพลงโบร่ำ-โบราณของคุณครู “ล้วน ควันธรรม” ประเภท “พอย่างเข้าเขตหน้าหนาว...ลมหนาวก็โชยพัดกระหน่ำ หึ่มฮึมฮึ้มฮึมฮึมหึ่มฯลฯ” อะไรประมาณนั้น เพราะแม้ว่าฝนฟ้ายังคงครวญคราง คึกคะนอง ยังมีพายุอีกไม่รู้กี่สิบต่อกี่สิบลูก จ่อคิวเตรียมซัดสาดเข้ามาหา แต่อีกแค่ไม่กี่เดือนข้างหน้า หรือพ้นไปจากเดือนตุลาฯ ก็น่าจะมีสิทธิโรมันคาทอลิก (โรแมนติก)ไปกับสีสัน บรรยากาศของลมหนาว แบบชนิด “ฉ่ำชื่นในคืนนั้น” ได้ไม่ยากส์ส์ส์...
แต่สำหรับบรรดาชาวยุโรป หรือพวก “ฝรั่งมังค่า” ทั้งหลายนี่สิ!!! หนาวนี้หรืออีกหลายๆ หนาวในอนาคตเบื้องหน้า น่าจะเต็มไปด้วยสีสันบรรยากาศแห่งความน่าหวาดหวั่น สยดสยอง ขนลุกขนพองไปอีกตราบนานเท่านาน อันเนื่องมาจากโอกาสที่จะหนาวตาย แข็งตาย ปัสสาวะแล้วต้องเด็ดทิ้งกันไปเป็นท่อนๆ ย่อมมีโอกาสเป็นไปได้สูงเอามากๆ ด้วยเหตุเพราะความขาดแคลนพลังงาน แก๊ส และน้ำมัน ฯลฯ ที่จะเอามาปั่นไฟฟ้า มาป้อนเครื่องกำเนิดความร้อน เพื่อช่วยลดทอนความหนาวลงไปได้มั่ง เพราะ “ราคาแก๊ส” ในยุโรปทุกวันนี้...ว่ากันว่าเพิ่มขึ้นไปแล้วไม่น้อย 10 เท่า หรืออาจพุ่งขึ้นไปถึง 20 เท่าในวันข้างหน้าได้ไม่ยาก หรืออย่างที่อดีตประธานาธิบดีรัสเซียและรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติในปัจจุบัน “นายดมิตรี เมดเวเดฟ” (Dmitry Medvedev) ระบุไว้ในข้อเขียนช่วงวันอาทิตย์ (28 ส.ค.) ที่ผ่านมา ว่าราคาแก๊สในยุโรปที่พุ่งทะลุฟ้า ทะลุเมฆ ไปถึง 3,500 ดอลลาร์ต่อ 1,000 คิวบิกเมตร อันเนื่องมาจากความพยาม “แซงชั่นรัสเซีย” ของตะวันตก ยังไม่ถึงกับหนำใจตัวเองมากมายสักเท่าไหร่นัก ยังคงต้องหาทางผลักดันให้ขึ้นไปถึง 5,000 ดอลลาร์ต่อ 1,000 คิวบิกเมตร ภายในสิ้นปีนี้ให้จงได้!!!
นี่...ออกอาการ “โหด...สาสส์ส์ส์” แบบชนิด “บัวขาว บัญชาเมฆ” ขึ้นเวทีไปสอนมวย “โคตะ มิอุระ” เอาเลยถึงขั้นนั้น และก็คงไม่ใช่แต่เฉพาะหนาวนี้-หนาวเดียวเท่านั้น เพราะอย่างที่ “CEO” บริษัทเชลล์ “นายBen van Beurden” ได้ออกมาคาดการณ์เอาไว้เมื่อวันจันทร์ (29 ส.ค.) ที่ผ่านมานั่นแหละว่า ยังมีอีกหลายหนาวหรืออาจยาวไปถึงปี ค.ศ. 2027 เป็นอย่างน้อยที่ชาวยุโรปทั้งหลายอาจต้องแข็งตาย หนาวตาย เพราะการคิดปฏิเสธพลังงานจากรัสเซีย โดยไม่ได้คิดหน้า-คิดหลัง ไม่ได้เตรียมแผนสำรองเอาไว้ก่อนล่วงหน้า หรือถึงแม้จะเตรียมรับมือกันในลักษณะใดก็ตาม แต่โดย “ความเป็นจริง” หรือโดย “ข้อเท็จจริง” อันมิอาจปฏิเสธได้ ก็น่าจะเป็นไปอย่างที่อดีตรองประธานบริษัทพลังงาน “Aramco” ของเศรษฐีน้ำมันซาอุฯ “นายSadad Al-Husseini” ได้ออกมาอรรถาธิบายไว้กับสำนักข่าว “CNBC” เมื่อช่วงวันจันทร์ (29 ส.ค.) ที่ผ่านมานั่นแหละว่า ขีดความสามารถในการผลิตพลังงานของโลกทุกวันนี้ ยังไม่เพียงพอที่จะแทนที่พลังงานรัสเซียที่เคยส่งไปป้อนยุโรปได้เลย แก๊ส “LNG” ของอเมริกาก็มีอยู่น้อยเกินไปที่จะช่วยเหลือเฟือยฟายให้กับชาวยุโรป ขณะพลังงานจากแอฟริกาก็มีปัญหาในการผลิตอยู่ไม่น้อย ส่วนกลุ่มประเทศ “OPEC” เองก็มีขีดจำกัดในด้านแหล่งสำรองและการผลิต การปฏิเสธความจริงและข้อเท็จจริงของบรรดาประเทศยุโรป เพื่อหวังรุมเหยียบ รุมกระทืบ หมีขาวรัสเซียให้ตายคาส้นตีนให้จงได้ จึงรังแต่จะสร้าง “ปัญหา” ให้กับตลาดพลังงานของโลกทั้งโลก อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้...
ยิ่งไปกว่านั้น...ความฉิบหายวายวอด ที่บรรดานักการเมืองในยุโรปหวังจะให้อุบัติขึ้นมาในประเทศรัสเซีย อย่างเช่นที่เคยคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าเศรษฐกิจหรือตัวเลขจีดีพีของรัสเซีย น่าจะหดไปไม่ต่ำกว่า 15 เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างน้อย หลังต้องเจอกับการแซงชั่นแบบ “สุดโหด-มหาโหด” ของอเมริกาและโลกตะวันตก แต่เอาไป-เอามาตามข้อมูล ข้อเท็จจริงคราวล่าสุด ตัวเลขจีดีพีของรัสเซียหดไปแค่ 3-4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง แถมอัตราเงินเฟ้อที่เคยพุ่งไปถึง 17.8 เปอร์เซ็นต์ในเดือนเมษาฯ ค่อยๆ ลดต่ำลงมาเหลือ 14-13-และ 12 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ โดยมีแนวโน้มที่จะปรับระดับลงไปเรื่อยๆ ขณะที่ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของยุโรปทั้งยุโรปกลับไต่ระดับสูงขึ้นๆ จากตัวเลขหลักเดียวค่อยๆ เขยิบขึ้นไปเป็นตัวเลขสองหลักไปเป็นรายๆ หรือยิ่งนานวัน โอกาสที่ยุโรปทั้งยุโรปจะฉิบหายวายวอด ยิ่งไปกว่ารัสเซีย ยิ่งมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...
เพราะในขณะที่ราคาน้ำมันยังคงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลให้รายได้จากการส่งออกพลังงานของรัสเซียในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาสูงขึ้นไปถึง 265,000 ล้านดอลลาร์ หรือสูงสุดเท่าที่เคยมีมา จากการปั๊มแก๊สและน้ำมันเข้าสู่ตลาดถึงวันละ 7.4 ล้านบาร์เรลเป็นอย่างน้อย เพราะแม้ว่าจะสูญเสียตลาดยุโรปไปเพราะการต่อต้าน การแซงชั่นใดๆ ก็แล้วแต่ แต่การหันเหไปยังตลาดเอเชียและภูมิภาคอื่นๆ กลับกลายเป็นทางออก ทางเลือก ที่ลื่นไหลเอามากๆ ไม่ว่าต่อประเทศที่กำลังได้ชื่อว่าบริโภคน้ำมันสูงสุดในโลกอย่างประเทศจีน หรือประเทศรองๆ ลงมาอย่างอินตะระเดีย ซึ่งเคยสั่งเข้าน้ำมันจากรัสเซียระดับต่ำเกือบใกล้ๆ ศูนย์บาร์เรลในแต่ละปี มาถึงจังหวะนี้กลับเพิ่มพรวดๆ พราดๆ ขึ้นเป็นวันละกว่าล้านบาร์เรลเป็นอย่างน้อย ทำให้การส่งออกน้ำมันแนพทรา (Naphtha) หรือน้ำมันที่มีส่วนประกอบของธาตุไฮโดรคาร์บอนอันมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมปิโตรเคมีของรัสเซียไปยังตลาดเอเชียสูงถึง 84 เปอร์เซ็นต์ หรือวันละ 130,000 บาร์เรลเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา...
อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง...ที่ทำให้บรรดาฝรั่งมังค่าในโลกตะวันตกทั้งหลาย ชักเริ่มออกอาการ “ต๊อแต๊” (ท้อแท้) กันไปเป็นรายๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อเขียน บทความ ในนิตยสารเศรษฐกิจระดับโลกอย่าง “The Economist” ของอังกฤษที่ออกมา “สารภาพ” เอาไว้ค่อนข้างชัดเจน ว่าการต่อต้าน แซงชั่น ของโลกตะวันตกและอเมริกาต่อหมีขาวรัสเซีย ไม่เพียงแต่ประสบ “ความล้มเหลว” แบบโดยสิ้นเชิง แต่ยังกลับเป็นตัวนำมาซึ่งภาวะ “เศรษฐกิจถดถอย” ของยุโรปทั้งยุโรปอย่างเห็นได้โดยชัดเจน หรือหนังสือพิมพ์ “The Washington Post” ของอเมริกาที่เห็นไปในแนวเดียวกันว่าประเทศรัสเซียยังน่าจะยืนระยะต่อไปได้อีกหลายต่อหลายปี โดยไม่ต้องพึ่งพายุโรป ขณะอเมริกาและโลกตะวันตกกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่อาจดำรงรักษาความเป็น “จ้าวโลก” ต่อไปได้อีกแล้ว ไม่ต่างไปจากรัฐมนตรีต่างประเทศฮังการี “นายPeter Szijjarto” ที่ได้ออกมาเตือนบรรดาประเทศยุโรปทั้งหลายไว้แบบหนักๆ แรงๆ ว่าการแซงชั่นรัสเซียอาจถึงขั้นทำให้ยุโรปทั้งยุโรปต้อง “ล่มสลาย” เพราะการขาดแคลนพลังงาน หรือรัฐมนตรีพลังงานเบลเยียม “นายTinne Van der Straeten” ที่สรุปเอาไว้ว่า ไม่ใช่แค่ความน่าสยดสยองในช่วงฤดูหนาวคราวนี้เท่านั้น แต่อีก 5-10 ฤดูหนาวในอนาคตเบื้องหน้า ยังคงน่าขนลุกขนพองไม่ต่างไปจากกัน ถ้าหากประเทศยุโรปทั้งหลายยังคิดปฏิเสธพลังงานจากรัสเซีย ดังนั้น...แทบไม่ต้องเสียเวลาพูดคุย หารือ ในเรื่องราวเหล่านี้ต่อไปอีกแล้ว หรือ “เวลาในการพูดคุยเรื่องนี้ได้จบสิ้นลงไปแล้ว...เหลือแต่เวลาที่ต้องตัดสินใจแต่เพียงเท่านั้น” ว่าจะยังดื้อดึง หรือจะยอมรับความจริง ต่อการพึ่งพาพลังงานรัสเซียหรือไม่? อย่างไร?
แต่ก็นั่นแหละ...ประเภทที่ยังคง “ดื้อตาใส” ก็ยังมีอีกเยอะ อย่างเช่น “นายโจเซฟ บอร์เรลล์” (Josep Borrell) อดีตนักการเมืองสเปนเชื้อสายอาร์เจนตินา ที่ยังได้ดิบได้ดีอยู่ในฐานะตัวแทนระดับสูงด้านนโยบายความมั่นคงและกิจการต่างประเทศของสหภาพยุโรป ที่ออกมาปลุกกระตุ้นบรรดาชาติยุโรปทั้งหลายระหว่างให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ “Kronen Zeitung” ในออสเตรีย เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา ด้วยถ้อยคำที่ว่า... “เรา(ชาวยุโรป)ต้องเต็มใจจ่ายราคาแพงให้กับเสรีภาพ เพราะสงครามยูเครนไม่ใช่เป็นสงครามของชาวยูเครนเท่านั้น แต่เป็นสงครามเพื่อเสรีภาพของโลก” อันนี้...ก็เลยคงต้องขึ้นอยู่กับบรรดาชาวยุโรปทั้งมวล ว่าจะยังคงปรารถนาและต้องการ “เสรีภาพที่ไม่มีจะแ-ก” หรือจะหันมายอมรับ “ข้อเท็จจริง” อย่างที่รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย “นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ” (Sergey Lavrov) ได้สรุปไว้เมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (28 ส.ค.) นั่นแหละว่า... “โลกตะวันตกได้มองข้ามวัตถุประสงค์ทางประวัติศาสตร์ ด้วยความพยายามฉุดรั้งความเป็นไปของโลกหลายขั้วอำนาจให้ช้าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม...พวกเขาไม่อาจหยุดยั้งกระบวนการทางประวัติศาสตร์ที่กำลังก่อรูป ก่อร่างขึ้นมาแล้วอย่างเห็นได้โดยชัดเจน...” จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ ใครพูดผิด-พูดถูก ก็ลองไปวัดตัดสินกันเอาเองก็แล้วกัน...