เห็นข่าวว่า...ผู้นำจีน ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” และผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” กำลังตระเตรียมที่จะตอบรับ “คำเชิญ”ของเจ้าภาพอินโดนีเซีย เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศ “G20”ซึ่งมีสถานะและบทบาทระดับถือเป็นผู้ขับเคลื่อนกระแสโลกเอาเลยก็ว่าได้ ที่จะจัดขึ้น ณ เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซียในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้...
จริง-ไม่จริงก็ยังไม่ถึงกับชัดเจน แต่ถ้าหากเป็นไปดังที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีอินโดนีเซีย “นายAndi Widjajanto”ออกมายืนยันถึงการตอบรับคำเชิญของผู้นำประเทศทั้งสอง ว่าพร้อมจะปรากฏตัวในงานประชุมคราวนี้ อาจต้องถือว่า...เป็นการ “รุกทางการเมือง” หรือ “วางหมากล้อมทางการเมือง” ที่น่าสนใจมิใช่น้อย!!! เพราะแม้ว่าโฆษกทำเนียบขาว จะออกมาแถลงเอาไว้ก่อนหน้านี้ ว่าผู้นำอเมริกา หรือประธานาธิบดี “โจ ซึมเซา”ท่านออกจะ “ไม่เห็นควรด้วย”หรือไม่อยากให้ผู้นำของประเทศที่อเมริกาและตะวันตกกำลัง “แซงชั่น” แบบชนิดสุดโหด-มหาโหด ได้รับคำเชื้อเชิญให้เข้าร่วมประชุมในเวทีดังกล่าวแต่การที่ “เจ้าภาพอินโดนีเซีย” กลับไม่ได้คิดลังเลเอาเลยแม้แต่น้อย ในการเชิญผู้นำประเทศมหาอำนาจคู่แข่งอย่างรัสเซียเข้าร่วมประชุมด้วย ย่อมถือเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า บทบาทและสถานะแห่งความเป็น “ประมุขโลก” ของคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตก น่าจะส่อแววให้เห็นถึง “ความเสื่อม”ลงไปทุกที...
ยิ่งไปกว่านั้น...ยิ่งมี “ข่าวล่า-มาเรือ”ว่าด้วยกรณีที่ทั้งจีนและรัสเซีย กำลังคิดรื้อฟื้น “สัมพันธภาพขั้นปกติ” กับประเทศเกาหลีเหนือ ซึ่งถูกคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตกร่วม “แซงชั่น”มาเกือบนับศตวรรษๆ โดยไม่คิดจะสนใจเหตุผล ข้อห้าม หรือข้ออ้างใดๆ ต่อไปอีกแล้ว แม้ว่าช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาทั้งรัสเซียและจีนยังคงให้ความร่วมมือกับอเมริกาและตะวันตกในประเด็นเกาหลีเหนือ อยู่บางเรื่อง บางกรณี แต่มาถึงขั้นนี้...การคิดหันมาสร้างสัมพันธภาพขั้นปกติกับเกาหลีเหนือของทั้งสองประเทศ อาจถือเป็นภาพสะท้อนได้อีกเช่นกันว่า...โลกได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว หรือ “ความเป็นประมุขโลก”ของอเมริกาและพันธมิตรตะวันตก แทบไม่เหลือน้ำอิ๊ว-น้ำยา ให้บรรดาสมาชิกร่วมโลกต้องเกิดอาการชะงักรั้ง หรือลังเลใดๆ อีกต่อไป...
คือดูๆ แล้ว...บรรดาประเทศต่างๆ ในโลกใบนี้ ชักเริ่ม “เชื่อๆ”กันไปในแนวนี้ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เหมือนอย่างที่แม้แต่ผู้นำชาติยุโรปบางราย เช่น “นายวิกเตอร์ ออร์บาน”(Viktor Orban) นายกรัฐมนตรีฮังการี ที่เพิ่งออกมาให้สัมภาษณ์นิตยสารออนไลน์ “Tichys Einblick” ไปเมื่อวันพฤหัสฯ ที่แล้ว (18 ส.ค.) นั่นแหละว่า...เป็นไปได้อย่างมากที่สงครามความขัดแย้งในยูเครนกำลังเป็นตัวบ่งชี้ว่า จะนำไปสู่ “จุดจบแห่งความเป็นจ้าวโลกของตะวันตก” ในอีกไม่ช้า-ไม่นานนับจากนี้ อันเนื่องมาจาก “ภาคส่วนขนาดใหญ่ในโลก”ไม่ว่าจีน อินเดีย บราซิล แอฟริกาใต้ ไปยันถึงโลกอาหรับและประเทศในภูมิภาคต่างๆ ล้วนแต่ไม่ได้คิดจะสนับสนุนแนวทางการแก้ปัญหาของอเมริกาและตะวันตกในกรณี “วิกฤตยูเครน”เอาเลยแม้แต่น้อย อันย่อมส่งผลให้โอกาสที่โลกตะวันตกจะพ่ายแพ้ทางทหารในสมรภูมิดังกล่าว รวมทั้งการแซงชั่นนานาประการต่อรัสเซีย รังแต่จะประสบความล้มเหลวแบบโดยสิ้นเชิง ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ!!!
แน่ล่ะว่า...การตั้งข้อสังเกต ข้อสมมติฐานของผู้นำฮังการีในแนวนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ออกจะมี “น้ำหนัก” รองรับอยู่มิใช่น้อยยิ่งถ้าพูดแบบ “เซียนมวย” หรือบรรดานักเชียร์มวยทั้งหลาย เมื่อลองวัดช่วงชกลีลาการออกอาวุธ ไปจนการชั่งน้ำหนักแบบปอนด์ต่อปอนด์แล้ว คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า ไม่ว่าโดยรูปมวย น้ำหนักหมัด ไปจนถึงศิลปะแม่ไม้ในแต่ละชนิดการเผชิญหน้าระหว่างโลกตะวันตกที่มีคุณพ่ออเมริกาเป็นผู้นำกับมหาอำนาจคู่แข่งอย่างรัสเซียและจีน แทบไม่ต่างอะไรไปจากการปะทะระหว่างมวยญี่ปุ่นอย่าง “โคตะ มิอุระ”ที่คิดหาญกล้าขึ้นมาประลองแข้ง ประลองหมัด-เท้า-เข่า-ศอก กับไอ้ดำมหากาฬ “บัวขาว บัญชาเมฆ” ในรายการคิกบ๊อกซิ่งโชว์ ณ เวทีมวยราชดำเนิน ช่วงวันศุกร์ที่แล้ว นั่นแหละทั่นเอ๋ย!!! คือสุดท้าย...หนีไม่พ้นต้องจบลงด้วยการชนะน็อกแบบทีเคโอในยกสุดท้ายไปจนได้ หรือต้องถูก “บัวขาว”สอนมวยจนแทบเสียรูปมวย อะไรประมาณนั้น...
คือไม่ว่าจะพลิกใบไม้แต่ละใบ มองเฉพาะแค่การรบในสมรภูมิยูเครนล้วนๆ ก็ตาม คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ที่รับบทเป็น “ตัวแทน” ของอเมริกาและโลกตะวันตกอย่าง“อดีตดาวตลก” ประธานาธิบดี “โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้”ช่วงนี้...น่าจะมีสภาพไม่ต่างอะไรไปจากมวยญี่ปุ่นอย่างไอ้ “โคตะ” นั่นแหละ คือถูก “บัวขาว” สอนมวยจนแทบไปไม่เป็นไปแล้วก็ว่าได้ ยิ่งใครมีโอกาสได้อ่านข้อเขียน บทความของ “นายอูเว พาร์พาร์ต” (Uwe Parpart) ที่สำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮาเพิ่งนำมาแปลและถ่ายทอดไปเมื่อช่วงวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่าด้วยเรื่อง “ในสงครามพร่ากำลัง...ถ้าหากตะวันตกไม่ช่วยทั้งอาวุธและตัวเปลี่ยนเกมในปริมาณเพียงพอ เคียฟก็ย่อมพ่ายแพ้มอสโกอยู่ดี” ก็คงพอนึกภาพออก หรือถึงแม้อเมริกาพยายามจะส่งอาวุธร้ายแรง ประเภทจรวด “HIMARS”รัศมีทำการ 200 กิโลเมตรให้กับยูเครนไว้เล่นงานรัสเซีย แต่มันก็น้อยเกินไปกว่าที่จะพลิกเกม เปลี่ยนเกมได้ง่ายๆ ยิ่งพยายามเจาะทะลวงเข้าไปในพื้นที่ที่รัสเซียเขาถือว่าแตะไม่ได้ แตะเธอเมื่อไหร่โลกแตกแน่ เช่นแถบแหลมไครเมีย อะไรทำนองนั้น ยิ่งกลายเป็นการ “อ้อนส้นตีน”หรือยิ่งทำให้ฝ่ายรัสเซียเขายิ่งออกหมัด-เท้า-เข่า-ศอกแบบ “บัวขาว” หรือแบบ “โหดสาสสส”ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น หรือทำให้รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียออกมาป่าวประกาศว่าได้ติดตั้งขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก “Kinzhal”และเครื่องบินโจมตี “Mig-13” เอาไว้ ณ ฐานทัพ “Chkalovsky Air Base”ที่เมืองคาลินินกราดเพื่อรับมือกับโลกตะวันตกและนาโตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...
แถมยังมีข่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า...บริษัท “Gazprom” ของรัสเซีย ได้ตัดสินใจปิดท่อแก๊ส “Nord Stream-1” ที่เชื่อมระหว่างเมือง “Vyborg”ชายฝั่งรัสเซียกับเมือง “Greifswald”ของเยอรมนี ซึ่งเคยส่งแก๊สถึงวันละ 33 ล้านคิวบิกเมตรเพื่อปรับปรุงระบบขนส่งในอีกไม่กี่วันข้างหน้า อันอาจส่งผลให้ยุโรปทั้งยุโรปมีสิทธิแข็งตาย หนาวตาย ในหน้าหนาวคราวนี้ยิ่งขึ้นไปอีก การออกแรงยุ ออกแรงเชียร์ ให้ยูเครนสู้ตายและให้ยุโรปทั้งยุโรปอาจต้องตายตามยูเครนไปด้วย เลยทำให้บรรดาชาวยุโรปทุกวันนี้ หนีไม่พ้นต้องตกอยู่ในสภาพแบบเดียวกับที่ประธานสภารัสเซีย “นายVyacheslav Volodin”วาดภาพเอาไว้เมื่อช่วงวันศุกร์ (19 ส.ค.) ที่ผ่านมานั่นแหละว่า... “อเมริกากำลังสร้างความพังพินาศให้กับยุโรปด้วยความหิว ความหนาว และความโดดเดี่ยว เพียงเพื่อยื้อยุดความเป็นประมุขโลกของตัวเองต่อไปให้จงได้ โดยแทบไม่ได้สนใจต่อสวัสดิการและภาวะเศรษฐกิจของชาวยุโรปเอาเลยแม้แต่น้อย...”
ข่าวคราวเรื่องบรรดาพันธมิตรยุโรปซึ่งเคยเคียงบ่า-เคียงไหล่กับอเมริกามาโดยตลอด เริ่มออกอาการ “ถอดใจ” กันไปเป็นประเทศๆ จึงเริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที ไม่ว่าภาพสะท้อนที่ปรากฏอยู่ในนิตยสาร “Newsweek”ถึงความคิดความเห็นของอดีตที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การตลาดรัฐบาลอเมริกันอย่าง “นายSteve Cortes” ที่ระบุถึงความไม่ไว้วางใจ “อย่างลึกๆ” ระหว่างทำเนียบขาวกับผู้นำยูเครน จากหนังสือพิมพ์ “Die Welt” ของเยอรมนี ที่สรุปถึงท่าทีของรัฐบาลฝรั่งเศสและรัฐบาลเยอรมนี ว่าเริ่ม “ไม่เอาแล้ว”กับประธานาธิบดี “เซเลนสกี้”ไปจนถึงผู้อำนวยการมูลนิธิคอนราด อาเดนาวร์และผู้อำนวยการฝ่ายยูเอ็นของกลุ่มอินเตอร์เนชั่นแนล ไครซิส กรุ๊ป ฯลฯ ที่ล้วนแต่เป็นไปในแนวเดียวกันว่านอกจากการต่อต้านรัสเซียจะเป็นไปได้ยากลำบากยิ่งเข้าไปทุกที ยังก่อให้เกิดคำถามกับประเทศต่างๆ ในยุโรปว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำที่ฉลาดแล้วจริงหรือ??? จนไม่น้อยกว่า 6 ประเทศในยุโรป เริ่ม “ปฏิเสธ” ที่จะให้คำมั่นสัญญาในการช่วยเหลือยูเครนด้านการทหารและเศรษฐกิจอีกต่อไป ฯลฯ....
โดยแนวโน้มเช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้โอกาสที่มวยคู่นี้อาจจบลงในแบบ “บัวขาวกับโคตะ”ยิ่งมีความเป็นไปได้สูงยิ่งเข้าไปทุกที หรือทำให้สิ่งที่ผู้นำรัสเซียได้สรุปเอาไว้แล้วล่วงหน้าว่า “ระเบียบโลกแบบใหม่...กำลังจะปรากฏให้เห็นในเร็วๆ นี้” ไม่ว่าจะในเวทีประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศไหนต่อประเทศไหนก็ตามที!!!