xs
xsm
sm
md
lg

ปรึกษา ‘ราชปักษา’ ด้วย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายโกตาบายา ราชปักษา อดีตประธานาธิบดีศรีลังกา ที่มีข่าวว่าจะเดินทางมาประเทศไทย
"โสภณ องค์การณ์"

ข่าวว่าอดีตผู้นำศรีลังกาหมาดๆ นายโกตาบายา ราชปักษา จะมาแวะเมืองไทย ก่อนหาที่อยู่อาศัยถาวร ตามแบบของผู้นำไร้แผ่นดินเพราะโดนประชาชนขับไล่ ต้องถือว่าเป็นโอกาสเหมาะที่ผู้กุมอำนาจบ้านนี้เมืองนี้จะได้เรียนรู้ประสบการณ์

ผู้กุมอำนาจรัฐที่ผยอง ลำพองว่าไม่มีใครเก่งเกินข้าในปฐพี ขออยู่ต่อไปจนชั่วฟ้าดินสลาย ไม่สำนึกถึงข้อจำกัดขีดความสามารถของตัวเองยิ่งต้องอยากรู้

นายโกตาบายา ราชปักษาคนนี้เป็นน้องคนที่ 2 ในบรรดาพี่น้องชายทั้งหมด 7 คน เป็นตระกูลการเมืองเก่าแก่ของศรีลังกา มีประวัติโชกโชน ทุกคนอยู่ร่วมในรัฐบาลเดียวกัน มี 6 คนได้ตำแหน่งรัฐมนตรี แถมควบตำแหน่งอื่นๆ อีก
 
เรียกว่าถ้าเป็น “ราชปักษา” แล้ว ไม่ต้องแบ่งให้ใครบริหาร ว่างั้นเถอะ

นายโกตาบายาถือว่าซวยกว่าคนอื่น เพราะตกจากเก้าอี้ประธานาธิบดี พี่ชายคนโต นายมหินทา เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เป็นนกรู้ ลาออกก่อนเวลาจวนตัว หนีไม่ทัน

มหินทาไม่ธรรมดา เคยเป็นประธานาธิบดีมาก่อนในยุคสงครามกลางเมือง ห้ำหั่นกับกองโจรแบ่งแยกดินแดนพยัคฆ์ทมิฬอีแลมซึ่งเป็นคนเชื้อสายทมิฬอยู่ทางตอนเหนือของเกาะ มีเมืองจาฟนาเป็นฐาน ต่อสู้กันนานหลายปี

หัวหน้าขบวนการพยัคฆ์ทมิฬอีแลมคือนายเวลูพิไลย ประภาการัน ได้รับความนิยมจากสมาชิกขบวนการ มีเครือข่ายชาวทมิฬจากตอนไต้ของอินเดียให้การสนับสนุน บางครั้งได้รับอาวุธจากแหล่งอื่นๆ ผ่านเกาะภูเก็ตก็ยังเคยมี

เมื่อนายประภาการันเสียชีวิต มหินทาได้เป็นฮีโร่ เป็นผู้ชนะศึก ศรีลังกาสิ้นสุดสงครามกลางเมือง ตระกูลราชปักษาวางรากฐานอำนาจการเมืองแข็งแกร่ง แทบจะสร้างเป็นราชวงศ์นั่นเลย ชาวศรีลังกาไม่ว่าอะไร ถือว่าสิ้นสุดการนองเลือด

แน่นอน การอยู่ในอำนาจนานๆ คุมทุกเครือข่ายเศรษฐกิจ การเมือง การทหาร ทำให้ศรีลังกาก็ไม่แตกต่างจากประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ที่ต้องมีการทุจริต คอร์รัปชั่น การเล่นพรรคเล่นพวก การแสวงหาผลประโยชน์สารพัด ราชปักษาแต่ละคนสร้างฐาน

พี่ใหญ่คือมหินทา ตามมาด้วยโกตาบายา ชามาล บาซิล นามมา โยซิธา และ ซาชินทรา 7 พี่น้องอยู่ในคณะรัฐมนตรี ควบคุมทุกกระทรวงสำคัญ

แถมยังสับเปลี่ยนตำแหน่งกันด้วย โดยเฉพาะมหินทา เมื่อความนิยมลดลง ก็เปลี่ยนจากตำแหน่งประธานาธิบดีมาเป็นนายกฯ แล้วให้น้องชาย นายโกตาบายาเป็นประธานาธิบดี พยายามยื้ออยู่ในตำแหน่งจนวันที่ประชาชนบุกเข้าทำเนียบ

ศรีลังกามีประชากร 22 ล้านคน มีหนี้สิน 5.1 หมื่นล้านดอลลาร์ รายได้หลักมาจากการท่องเที่ยว การส่งออกใบชา เมื่อเกิดการระบาดของโคโรนาไวรัส รายได้ทุกอย่างหดหาย โครงการที่พึ่งพาเงินกู้มีปัญหา ไม่สามารถสร้างรายได้

เงินตราต่างประเทศไม่เหลือพอที่จะซื้อน้ำมันหรือก๊าซ ไฟฟ้าต้องดับวันละหลายชั่วโมง ชาวบ้านเข้าคิวนานเป็นวันๆ แต่ไม่มีน้ำมันในปั๊ม ขาดแคลนทั้งอาหาร ยารักษาโรค สินค้าจำเป็น ประชาชนจึงเริ่มเดินขบวนประท้วง ขับไล่รัฐบาล
ทุกวันนี้ศรีลังกาถือว่าเป็นรัฐที่ล่มสลายทางเศรษฐกิจ กำลังรอเงินกู้จากไอเอ็มเอฟ ชาวบ้านยังไม่มีทางเลือก ชีวิตมองไม่เห็นว่าอนาคตจะดีขึ้นอย่างไร

การสิ้นอำนาจของตระกูลราชปักษาจึงไม่ต่างจากผู้นำที่แสวงหาผลประโยชน์ นึกว่าประเทศเป็นสมบัติส่วนตัว 7 พี่น้องสร้างปัญหาให้ประเทศจนยากที่จะฟื้นฟู

พี่น้องที่เหลือไม่แน่ใจว่ายังอยู่ในศรีลังกาหรือไม่ ชาวบ้านมุ่งเน้นแต่นายโกตาบายาเพราะเป็นคนสุดท้ายที่ยื้ออำนาจ ไม่ยอมลาออก พยายามปรับ ครม. ก็ไม่สำเร็จ ขาดความน่าเชื่อถือ ยังดีที่อินเดียให้เครดิตช่วยเหลือด้านน้ำมันและสินค้าจำเป็น

การตกจากอำนาจของตระกูลราชปักษาจึงสิ้นสุดความยิ่งใหญ่ของครอบครัวนี้ซึ่งจะหาโอกาสฟื้นฟูอีกได้ยาก เพราะวิกฤติศรีลังกาไม่ใช่ว่าจะแก้ไขได้ง่าย

ต้องใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะล้างหนี้สินมหาศาลได้ และก็ได้ประกาศพักชำระหนี้ สูญเสียเครดิต เป็นปัญหาความน่าเชื่อถือ ยุ่งยากในการต่อรองกับเจ้าหนี้ เพราะรายได้จากการท่องเที่ยวไม่มีเพราะความวุ่นวายทางการเมือง ไม่มีใครอยากไปเที่ยว

นายโกตาบายามาแวะเมืองไทย ไม่ใช่ลี้ภัยถาวร ขอเวลาหาแผ่นดินอยู่ ซึ่งก็ไม่ง่าย ขึ้นอยู่กับว่าได้กอบโกยเงินออกมาตุนไว้ต่างประเทศมากน้อยเพียงใด

แต่ละคนของราชปักษาคงไม่ออกมามือเปล่าแน่ ใครจะโกยได้มากกว่ากันเท่านั้น ประสบการณ์ของตระกูลราชปักษาน่าจะเป็นบทเรียนของผู้ยิ่งใหญ่ 3 ป ในเมืองไทย ได้ดูเป็นตัวอย่างว่าสถานการณ์อย่างนี้ย่อมเกิดขึ้นกับผู้นำขาลงได้
 
ความแตกต่างระหว่างวิกฤตศรีลังกากับไทยไม่มากนัก มีหนี้สินเยอะ กู้เยอะ ใช้เงินมือเติบ คอร์รัปชั่น เล่นพรรคเล่นพวก สร้างฐานอำนาจ ไม่ใส่ใจความรู้สึกของชาวบ้าน พยายามเขียนกฎหมายเพื่อให้ได้เปรียบคนอื่น พยายามสร้างฐานอยู่ยาว
 
ความยโสโอหัง ลำพองในอำนาจ นึกว่าประชาชนไม่มีปากเสียง ไร้ทางสู้ ก็เป็นแบบที่พวกราชปักษาได้กระทำ ดูหมิ่นพลังประชาชน จนกว่าวันสุดท้ายก็สายเกินไป

คณะ 3 ป. น่าจะเชิญนายโกตาบายามานั่งพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ว่าความอหังการ บ้าอำนาจนั้นส่งผลร้ายเพียงใด เว้นแต่ว่าคณะ 3 ป. เชื่อมั่นว่าไม่มีใครทำอะไรได้ กองทัพสนับสนุน ฐานการเมืองแข็งแกร่ง นักเลือกตั้งยอมสยบไม่กล้าหือ

ถามความรู้สึกราชปักษาด้วยว่าการเป็นคนไม่มีแผ่นดินอยู่นั้น เป็นอย่างไร เผื่อไว้ เรื่องพรรค์นี้มันบ่แน่หรอกนาย ผู้นำการเมืองที่ความนิยมต่ำเตี้ยเรี่ยดิน บ้าอำนาจ มีปัญหาเรื่องโกงบ้านกินเมืองนั้น ล้วนแต่จัดอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูงทั้งนั้น

คุยกับ “ราชปักษา” เถอะ รู้ไว้ไม่เสียหลาย ดีกว่าอยู่เปล่าๆ แต่ถ้าเชื่อว่าเงินฝากในธนาคารลอนดอนมีเยอะแล้ว ไม่มีปัญหา ก็แล้วไป


กำลังโหลดความคิดเห็น