ปิดฉากสัปดาห์นี้...ด้วยอารมณ์-ความรู้สึกแบบประเภทยังหายใจ-หายคอไม่ทั่วท้อง อะไรประมาณนั้น!!! เพราะอย่างที่ว่าเอาไว้เมื่อต้นสัปดาห์ไปแล้วนั่นแหละว่า การปะทะ ขัดแย้ง และการเผชิญหน้า ระหว่างมหาอำนาจสูงสุดแห่งโลกอย่างคุณพ่ออเมริกากับมหาอำนาจคู่แข่งอย่างจีนและรัสเซีย หรือระหว่างพวก “โลกขั้วเดียว” กับ “โลกหลายขั้ว” นับวันมันชักจะหวีดหวิวฉิวเฉียดยิ่งเข้าไปทุกที แม้ว่าต่างฝ่ายต่างยังเงื้อๆ ง่าๆ ไม่ถึงกับ “ปะ-ฉะ-ดะ” อย่างเป็นเรื่อง-เป็นราว อย่างเป็นทางการ แต่โอกาสที่จะเกิด “อุบัติเหตุทางทหาร” ขึ้นมาในแนวรบแต่ละแนวรบ ยิ่งดูจะเต็มไปด้วย “อัตราเสี่ยง” สูงยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ...
โดยเฉพาะใน “แนวรบทะเลจีนใต้” ช่วงนี้ หลังจากคุณพี่จีนท่านได้ “จัดหนัก” เพื่อตอบโต้การเดินทางมาเยือนไต้หวันของประธานสภาฯ สหรัฐฯ คุณป้ามหาภัย “นางแนนซี เพโลซี” คือมีทั้งเปิดฉากซ้อมรบแบบแทบจะล้อมเกาะเอาไว้ทั้งเกาะ ระดมเรือบรรทุกเครื่องบินไม่ว่าลำแรก ลำที่สอง (Liaoning-Shandong) พร้อมกองเรือรบ เรือดำน้ำ แล่นฉวัดเฉวียนอยู่ภายในช่องแคบไต้หวัน ข้ามเส้นแบ่งช่องแคบ (Medial Line) ระหว่างแผ่นดินใหญ่กับเกาะเล็กๆ แบบเปิดเผย ตรงไป-ตรงมา ไม่ต่างไปจากเครื่องบินรบลำแล้ว ลำเล่า J-16, Yu 20, Type 075, Type 071 ฯลฯ ที่พร้อมบินล้ำเส้น “ADIZ” โดยแทบไม่ต้องสนใจว่ารัฐบาลและกองทัพไต้หวันจะขีด จะแบ่งเส้นสมมติเอาไว้ในแบบไหน? อย่างไร? รวมทั้งงัดเอาบ้องข้าวหลามยักษ์อย่างจรวด “ตงเฟิง” (Dongfeng) ยิงข้ามไป-ข้ามมา สร้างความหวาดเสียว ขนลุกขนพองให้กับบรรดาชาวไต้หวัน ยันไปถึงคุณพี่ญี่ปุ่น ยุ่นปี่ โน่นเลย และจะด้วยความเมามันซ์ซ์ซ์ หรือด้วยอะไรก็แล้วแต่ กองทัพภาคตะวันออกของจีนหรือ “The PLA Eastern Theater Command” เขาเลยตัดสินใจยืดเวลาการซ้อมรบดังกล่าว จากวันที่ 4-7 ส.ค.ออกไปอย่างไม่มีกำหนด แม้ว่าจะผ่อนคลายบรรยากาศบางอย่างลงไปมั่งก็ตาม...
ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้...ส่งผลให้รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวัน อย่าง “นายโจเซฟ อู๋” (Joseph Wu) ถึงกับต้องออกมาโหวกเหวกโวยวาย เมื่อช่วงวันอังคารที่ผ่านมา (9 ส.ค.) ว่าจีนแผ่นดินใหญ่กำลังเตรียมคิดจะ “บุกไต้หวัน” เอาเลยถึงขั้นนั้น จนกองทัพไต้หวันจำต้องจัดการซ้อมรบของตัวเองขึ้นมาในวันอังคารและวันพฤหัสฯ (9 และ 11 ส.ค.) โดยใช้ “กระสุนจริง” ในการซ้อมอีกด้วยต่างหาก แต่ที่หนักหนา-สาหัสยิ่งไปกว่านั้น ก็คือว่า “ดาวยั่วตัวจริง-เสียงจริง” อย่างคุณพ่ออเมริกา กลับไม่ได้รู้สึก-รู้สา หรือไม่ได้คิดจะลดราวาศอกต่อรายการ “ยั่วยวนกวนส้นตีน” คุณพี่จีนเอาเลยแม้แต่น้อย แม้ผู้นำประเทศอย่าง “ผู้เฒ่าโจ ซึมเซา” จะออกมาพูดเอาไว้ประมาณว่า รู้สึกกังวลต่อ “การซ้อมรบของจีน” อยู่ตามสมควร แต่ด้วยเหตุเพราะ “ความเชื่อ” ตั้งแต่ระดับประธานาธิบดีไปจนถึงปลัดกลาโหมฝ่ายนโยบาย อย่าง “นายColin Kahl” ว่า “ยังไงๆ...จีนคงไม่คิดบุกไต้หวันภายในช่วงเวลาอันใกล้” หรือภายในระยะปี-สองปีนับจากนี้ การป่าวประกาศแบบเสียงดัง-ฟังชัดว่าอีกไม่กี่วันนับจากนี้ อเมริกาเตรียมจะส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน “USS Ronald Regan” แล่นเข้าไปในช่องแคบไต้หวัน ตามปฏิบัติการ “Freedom of Navigation operation” เพื่อให้เกิดการเดินเรือโดยเสรี ไม่ว่าฝ่ายจีนจะซ้อมมือ ซ้อมตีนในแบบไหน? อย่างไร? ก็ตามที...
อันนี้นี่แหละ...ที่ออกจะเป็นอะไรที่น่าขนหัวลุก ขนคอตั้ง มิใช่น้อย เพราะโอกาสที่มันจะเกิดอะไรตูมๆ-ตามๆ เปรี้ยงๆ ดังเสียงฟ้าฟาด โครมๆ พินาศพังสลอน ระหว่างกองกำลังทางทหารของแต่ละฝ่าย ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย!!! ยิ่งเมื่อฝ่ายจีนเขาได้ตัดขาดการติดต่อสื่อสารทางทหารกับกองทัพอเมริกันแทบทุกระดับ ตามมาตรการแซงชั่น 8 ข้อ ชนิดขนาดรัฐมนตรีกลาโหมอเมริกาโทร.ไปหายังไม่ยอมรับสายเอาเลยถึงขั้นนั้น สิ่งที่เรียกว่า “อุบัติเหตุทางทหาร” ซึ่งมีสิทธิลุกลามบานปลายกลายเป็นการ “จุดไฟนรกสุดขอบฟ้า” ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ มันจึงมี “ความเป็นไปได้” ไม่มากก็น้อย หรือโอกาสที่รายการยั่วยวนกวนส้นตีนในลักษณะดังกล่าว จะนำไปสู่ฉากสถานการณ์ในแบบ “Today’s Ukraine is tomorrow’s Taiwan” ดังที่ฝ่ายอเมริกันปรารถนาและต้องการเสียเหลือเกิน ย่อมมีสิทธิเป็นจริง-เป็นจัง เป็นเรื่อง-เป็นราว ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...
ขณะที่บรรยากาศใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” ก็แทบไม่ได้ผ่อนคลาย ไม่ได้ทุเลาเบาบางลงไปเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเกิดกรณีระเบิดตูมๆ ตามๆ ขึ้นมาแถวๆ สนามบิน “Saki Airbase” ของรัสเซีย ณ เมือง “Novofedorovka” ในแหลมไครเมีย เมื่อช่วงวันอังคาร (9 ส.ค.) ที่ผ่านมา แม้ว่าฝ่ายรัสเซียเขาจะออกมายืนยัน นั่งยัน ว่าน่าจะเป็น “อุบัติเหตุ” ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฝ่ายตรงข้ามอย่างยูเครน หรือไม่ได้เป็นเพราะการอาศัย “ขีปนาวุธ” ที่อเมริกามอบให้กับกองทัพยูเครน อย่างจรวด “HIMARS” ที่มีรัศมีทำการประมาณ 200 กิโลเมตร งัดออกมาเล่นงานฐานทัพรัสเซีย ตามที่เคยคุยโม้โอ้อวดไว้ก่อนล่วงหน้าแต่อย่างใด แต่ก็นั่นแหละ...ความพยายามติดเขี้ยวเล็บ เพิ่มเขี้ยวเล็บ ให้กับกองทัพยูเครนยิ่งๆ ขึ้นไป ของบรรดาฝ่ายตะวันตกทั้งหลาย ไม่วันใด-วันหนึ่งมันก็อาจยกระดับขึ้นไปถึงจุด อย่างที่อดีตนายทหารอังกฤษ “พลเอกเซอร์ ริชาร์ด บาร์รอน” (Sir Richard Barron) ประมาณการเอาไว้เมื่อไหร่ก็ย่อมได้ นั่นคือ...ถ้าหากฝ่ายยูเครนโดยการสนับสนุนของบรรดาประเทศตะวันตก สามารถยกระดับสถานการณ์ไปถึงขั้นที่ทำให้รัสเซียอาจต้องตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ขึ้นมาแล้วล่ะก็ โอกาสที่ผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” อาจตัดสินใจงัดเอา “ขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์” อย่าง “Iskandar” หรือ “Avangard” ออกมาเล่นงานชาติยุโรป เมื่อไหร่? ตอนไหน? ย่อมเป็นไปได้ไม่ยากส์ส์ส์...
แม้ว่าทุกวันนี้...ฝ่ายตะวันตก ไม่ว่าคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรยุโรป อาจกรอบเป็นข้าวเกรียบเมืองเพชรไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งพวง ไม่ว่าจะด้วยเพราะภาวะขาดแคลนพลังงาน เงินเฟ้อ เศรษฐกิจถดถอย ฯลฯ อย่างเห็นได้โดยชัดเจน แต่ด้วยเหตุเพราะไม่คิดจะขจัด “เงื่อนไข” หรือ “เหตุปัจจัย” มุ่งแต่จะยั่วยวนกวนส้นตีนฝ่ายตรงข้าม อย่างไม่ลดราวาศอกใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย โอกาสที่ “ไฟนรกสุดขอบฟ้า” จะลุกพึ่บๆ พั่บๆขึ้นมาในแนวรบด้านหนึ่ง ด้านใด จึงย่อมมีความเป็นไปได้เสมอๆ หรืออาจด้วยเหตุเพราะการหาทางออก ทางไป จากความล้มเหลวทางเศรษฐกิจของบรรดาประเทศ “จักรวรรดินิยม” ทั้งหลายโดยทั่วไป มักต้องหันไปอาศัยกรรมวิธีแบบที่เรียกๆ กันว่า “Military Keynesianism” หรือ “ลัทธิเคนเนเชียนทางทหาร” ในการกระตุ้นระบบเศรษฐกิจ เพื่อไม่ให้ต้องพังพินาศลงไปต่อหน้า ต่อตา เลยทำให้การสุมไฟ สุมฟืน เพื่อให้เกิดการจุดระเบิด จุดชนวนไฟนรกสุดขอบฟ้า มันจึงเป็นไปอย่างเป็นระบบและเป็นกิจการ...
ด้วยบรรยากาศทำนองนี้นี่เอง...จึงทำให้ไม่ว่าใครก็ใครคงต้องหายใจ-หายคอไม่ทั่วท้องกันไปอีกนาน ตราบใดที่ “เงื่อนไข” และ “เหตุปัจจัย” แห่งความขัดแย้ง ระหว่างโลกทั้งสองฝ่าย ยังไม่ถูกขจัดกวาดล้าง หรือยังไม่อาจทุเลาเบาบางลงไปได้ง่ายๆ การหาข้อยุติ หาจุดลงตัว ในแบบ “ซอฟท์ แลนดิ้ง” ด้วยการยอมรับความแตกต่าง ยอมที่จะอยู่ร่วมกันโดยสันติ ระหว่าง “โลกขั้วอำนาจเดียว” กับ “โลกหลายขั้วอำนาจ” หรือจะเรียกว่าระหว่าง “ฝ่ายประชาธิปไตย” กับ “ฝ่ายอำนาจนิยม” ก็เถอะ!!!ดูๆ มันชักจะยากลำบากยิ่งเข้าไปทุกที แนวโน้มที่จะออกไปทาง “ฮาร์ด แลนดิ้ง” หรืออาจต้องฉิบหายวายวอดกันไปข้าง ยิ่งมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อฉากสถานการณ์ในแนวรบแต่ละด้าน มันเต็มไปด้วยอัตราเสี่ยงที่จะเกิด “อุบัติเหตุทางทหาร” ขึ้นมาได้ทุกเมื่อ สิ่งที่เป็น “คำเตือนทางประวัติศาสตร์” ดังที่ปรากฏอยู่ในหนังสือเรื่อง “History of the Peloponnesian War” เมื่อหลายพันปีที่แล้ว ที่สรุปไว้ว่า “War spring from unseen and generally insignificant causes, the first outbreak being often but an explosion of anger.” หรือ “สงครามเกิดขึ้นจากต้นเหตุอันมองไม่เห็นและไม่สลักสำคัญอะไรมาก แต่เมื่อเริ่มเกิดมันจะระเบิดออกมาด้วยความโกรธแค้น” จึงเป็นคำเตือนที่ออกจะสำคัญเอามากๆ สำหรับแต่ละฝ่ายในห้วงเวลาเช่นนี้...