ผู้นำยูเครนอดีตดาวตลกบนจอทีวี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ คงเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวเต็มที่กับสภาวะสงครามกับรัสเซียในปัจจุบัน ซึ่งยูเครนยังไม่มีวี่แววว่าจะเอาชนะได้ กลับเป็นฝ่ายที่ต้องสูญเสียพื้นที่มากกว่าเดิม ความสูญเสียยังมีต่อเนื่อง
ดังนั้นท่านผู้นำจึงมีความคิดล้ำหน้าอีกก้าวหนึ่ง บอกว่าทางยุโรปจะต้องหยุดซื้อพลังงานจากรัสเซียอย่างเด็ดขาดและห้ามชาวรัสเซียเข้าในพื้นที่ยุโรป และโลกตะวันตก นั่นหมายความว่าให้รัสเซียอยู่ในประเทศของตนเอง
มาตรการของเซเลนสกี้ที่ว่านี้เท่ากับว่าคนรัสเซียไม่ต้องออกไปเพ่นพ่านในโลกภายนอก ยกเว้นในรัสเซียหรือในประเทศที่เป็นมิตรเท่านั้น
แต่ไม่มีข้อแนะนำว่าถ้าไม่เอาก๊าซจากรัสเซียแล้ว จะเอาที่ไหน เพราะยุโรปทุกวันนี้ก็ลำบากสุดๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ต้องปันส่วนการใช้ก๊าซแล้ว
มีทั้งเสียงตอบรับสนับสนุนและคัดค้านว่ามาตรการอย่างนั้นเป็นไปไม่ได้เพราะจะไปปิดกั้นคนรัสเซียไม่ให้ไปไหนเลยเท่ากับว่าแบ่งโลกกันอยู่ ไม่ต้องคบค้าสมาคม
แบบนี้ก็น่าจะดีไปอย่างไม่ต้องยุ่งกันต่างคนต่างอยู่ ไม่มีปัญหาการเมืองทะเลาะเบาะแว้ง ค้าขายกันเฉพาะในกลุ่มประเทศที่มีความสัมพันธ์ด้านดีด้วยกัน
ฝ่ายที่มองว่าความคิดของเซเลนสกี้เพี้ยน ก็มองว่าการจะไปลงโทษคนรัสเซียทั้งหมดไม่ถูกต้องเพราะแนวคิดอย่างนี้เหมือนกับยุคนาซี ซึ่งไม่แยกแยะว่ายิวคนไหนดีหรือชั่วส่งเข้าเตาแก๊ส 6 ล้านกว่าคน เรียกว่าเป็นระบบลงโทษแบบเหมารวม
อันที่จริงทุกวันนี้ชาวรัสเซียจำนวนหนึ่งก็ถูกคว่ำบาตรห้ามเข้ากลุ่มประเทศตะวันตก บริษัทกิจการห้างร้านต่างๆ ก็ถูกคว่ำบาตร เพิ่มมาตรการที่ประกาศโดยสหรัฐฯ และประชาคมยุโรป
รัสเซียเป็นประเทศที่ถูกคว่ำบาตรมากที่สุดในโลก แม้จะเอาประเทศเวเนซุเอลาคิวบา อิหร่าน และเกาหลีเหนือมารวมกันมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมดก็เทียบกับที่รัสเซียโดนไม่ได้ และยังไม่สิ้นสุดตราบใดที่สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนยังไม่จบ
โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ยังคิดหาทางที่จะคว่ำบาตรรัสเซียให้ถึงที่สุด แต่ก็ยังไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะที่ผ่านมาไม่ว่ามาตรการอะไรที่ประกาศไปมักจะย้อนมาเล่นงานตัวเองและประเทศพันธมิตรในประชาคมยุโรป
ในสภาวะปัจจุบันมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียได้ทำให้เกิดวิกฤตอย่างรุนแรงในยุโรปเช่น อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ค่าของชีพแพงขึ้น การขาดแคลนพลังงาน และผลกระทบด้านเศรษฐกิจการผลิตภาคอุตสาหกรรมและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
สภาวะเช่นนี้ก็เกิดขึ้นใน สหรัฐฯ เช่นเดียวกันคนอเมริกันต้องจ่ายน้ำมันแพงค่าครองชีพสูงและเงินเฟ้อทะยานขึ้นเกินกว่า 10% โดยที่โจ ไบเดน เคยโทษว่าเป็นผลของการขึ้นราคาก๊าซโดยผู้นำรัสเซีย แต่ในความเป็นจริงผลกระทบสะท้อนกลับมาเป็นเพราะมาตรการคว่ำบาตร
ข้อเสนอห้ามคนรัสเซียเดินทางเข้าโลกตะวันตก ทุกวันนี้ก็ทำได้โดยมาตรการออกวีซ่าซึ่งกลุ่มประชาคมยุโรปก็มีระบบวีซ่าเชงเก้น ซึ่งก็เป็นวิธีที่จัดการกีดกันไม่ให้คนเข้าไปในพื้นที่ยุโรป
แนวคิดของเซเลนสกี้คงเป็นเพราะความหวาดผวาถึงอนาคตและความมั่นคงของตัวเองมากกว่า เพราะช่วงการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์วันจันทร์ที่ผ่านมา ผู้นำตัวตลกได้อยู่ในห้องทำงานซึ่งเปรียบเป็นเหมือนป้อมปราการแข็งแกร่งคงเป็นเพราะต้องการความปลอดภัยสูงสุดนั่นเอง
ผู้นำยูเครนเริ่มรู้สึกถึงความไม่มั่นคงของสถานภาพของตัวเอง ก่อนหน้านี้ก็ปลดเจ้าหน้าที่ตำแหน่งสำคัญรวมถึงหัวหน้าหน่วยข่าวกรองและผู้ใกล้ชิด เพราะเกรงว่าจะถูกยึดอำนาจ ดังนั้นจึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าเซเลนสกี้กำลังอยู่ในช่วงที่หวั่นไหวมากที่สุดกับสถานภาพของตัวเอง
ทุกวันนี้ไม่มีลีลาลูกเล่นอะไรที่จะสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้นำประเทศอื่นๆอย่างที่เคยเป็น ซ้ำร้ายยังมีข่าวจากสำนักข่าวซีบีเอสว่าอาวุธจากสหรัฐฯ หรือยุโรปที่ส่งเข้าไปในยูเครนนั้นมีเพียง 30% เท่านั้นที่ถึงปลายทางเพราะส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้ในกลุ่มผู้มีอิทธิพล นักค้าอาวุธเถื่อน และบรรดาพ่อค้ารายใหญ่ซึ่งมีอิทธิพลในประเทศ
เมื่อเป็นเช่นนี้เริ่มมีปฏิกิริยาต่อต้านการส่งอาวุธให้ยูเครนเพราะส่งไปก็สูญหายเข้าไปในตลาดมืด และอยู่ในกลุ่มผู้ก่อการร้าย โลกตะวันตกไม่สามารถควบคุมได้ว่าอาวุธที่ส่งเข้าไปแล้วจะไปอยู่ที่ใด
ชะตากรรมของเซเลนสกี้ต้องดูว่าจะได้รับความเห็นอกเห็นใจจากสหรัฐฯ และยุโรปอีกหรือไม่ เพราะการเป็นผู้นำโดดเดี่ยวไม่มีทีมงานอย่างนี้ทำให้ยูเครนไม่สามารถพลิกสถานการณ์เป็นต่อรัสเซียได้เลย
การเรียกร้องเอาอาวุธและเงินช่วยเหลือไม่สิ้นสุดทำให้ยุโรปเริ่มระอามีแต่สหรัฐฯ ที่ยังคงอัดฉีดทั้งอาวุธและเงินสดอุ้มผู้นำยูเครนให้บั่นทอนความแข็งแกร่งของรัสเซีย โดยที่ไม่ต้องคำนึงว่ายูเครนจะพินาศย่อยยับจากการยืดเยื้อของสงครามที่ไม่มีใครบอกได้ว่าจะจบสิ้นเมื่อไหร่
ชะตากรรมของเซเลนสกี้ผู้นำตัวตลกของยูเครนก็ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะลงเอยอย่างไรเช่นกัน แต่ดูแล้วน่าจะจบไม่สวยถ้ายูเครนเผชิญกับความพินาศต่อเนื่อง