xs
xsm
sm
md
lg

ชัยชนะ-ความพ่ายแพ้ที่ต้องตัดสินด้วย “สงคราม”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


เจอรัลด์ เซเลนเต้ นักวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจชาวอเมริกัน
ปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตฝากข้อคิด ข้อสังเกต ไว้สักเล็กๆ น้อยๆ ส่วนใครจะเก็บไปนั่งคิด นอนคิด หรือไม่? เพียงใด? ก็แล้วแต่ “รสนิยม” ของใคร-ของมันก็แล้วกัน คือถ้าดูจากการไล่บด ไล่บี้ ระหว่างโลกตะวันตก หรือพวก “โลกขั้วเดียว” ที่มีคุณพ่ออเมริกาเป็นผู้นำ กับมหาอำนาจคู่แข่งอย่างจีน รัสเซีย ที่ต่างปรารถนาและต้องการ “โลกหลายขั้วอำนาจ” มาโดยตลอด แนวโน้มที่พวกโลกขั้วเดียว หรือบรรดาฝ่ายตะวันตกทั้งหลาย จะหมดฤทธิ์ หมดเดช หมดสภาพ คงต้องยอมรับว่า...ดูๆชักจะมีความเป็นไปได้ยิ่งเข้าไปทุกที...

ไม่ว่าจะโดย “คำสารภาพ” ของผู้ที่เคยกู่ร้อง ปองรัก อยากจะให้โลกถูกบริหาร จัดการ โดยมหาอำนาจสูงสุดเพียงรายเดียว อย่างอดีตนายกฯ อังกฤษ “นายโทนี แบลร์” ที่ต้องออกมายอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธ ว่าโลกที่เคยถูกควบคุมและบงการโดยฝ่ายตะวันตก กำลังใกล้ถึง “จุดจบ” ในอีกไม่นาน-ไม่ช้า หรือใครที่มีโอกาสได้อ่านข้อเขียน บทความ ของผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์การเมือง-เศรษฐกิจระดับโลก อย่าง “นายจอร์จ คู” (George Koo) อดีตกรรมการผู้จัดการ “The International Strategic Alliance” ที่สำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮาได้นำมาถ่ายทอดเอาไว้เมื่อไม่นานมานี้ (11 ก.ค.) ว่าด้วยเรื่อง “การแตกสลายของโลกขั้วอำนาจเดียวเริ่มต้นขึ้นแล้ว” (Disintegration of unipolar world begins) โดยน้ำหนักของ “ข้อมูล” และ “เหตุผล” คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า บรรดาพวก “โลกขั้วเดียว” ทั้งหลาย ไม่ว่าจะคุณพ่ออเมริกาหรือพันธมิตรยุโรป ต่างออกอาการ “หมดสภาพ” กันไปเป็นแถบๆ...

หรือขณะที่โลกมันชักจะเริ่มก่อรูป ก่อร่าง ความเป็น “หลายขั้วอำนาจ” มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แม้ยังไม่ถึงกับปรากฏออกมาแบบแจ่มแจ้งชัดเจน แต่ก็พอที่จะช่วยทุเลา เบาบาง แรงกดดันจากพวก “ขั้วอำนาจเดียว” ได้อย่างเป็นเรื่อง เป็นราว ไม่ว่าจะเป็นคุณน้ารัสเซีย ที่มีมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับต้นๆ ของโลก อย่างคุณพี่จีนและคุณปู่อินตะระเดีย พร้อมยืนหยัดอยู่เคียงข้าง จนทำให้การ “แซงชั่น” ระดับสุดโหด มหาโหด ผ่อนคลายลงไปได้เยอะแยะตาแป๊ะไก๋ แถมยังส่งผลให้เกิดแรงกระแทกแบบ “บูมเมอแรง” ย้อนกลับไปเล่นงานทั้งอเมริกาและยุโรป ชนิดเดี้ยงแล้ว เดี้ยงอีก หาทางออก ทางไป แทบไม่เจอ...

หรือแม้แต่อิหร่าน...ที่ถูกโลกตะวันตก “แซงชั่น” แบบแทบตลอดชั่วนิจนิรันดร์กาล แต่มาถึงทุกวันนี้ด้วยโลกที่หนักไปทาง “หลายขั้วอำนาจ” ยิ่งเข้าทุกที ทำให้ทางออก ทางไป ของอิหร่านภายในโลกใบนี้ มีอยู่เยอะแยะมากมาย ชนิดแทบไม่ต้องเสียเวลาไปง้อโลกตะวันตกอีกต่อไปเอาเลยก็ว่าได้ แค่เฉพาะการบรรลุข้อตกลงความร่วมมือทางยุทธศาสตร์กับมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 1 อย่างคุณพี่จีน ยาวไกลไปถึง 25 ปี เมื่อช่วงเดือนมีนาคมปีที่แล้ว การได้ร่วมเป็นสมาชิกถาวรของกลุ่มประเทศ “SCO” (Shanghai Cooperation Organization) ในปีเดียวกัน การเปิดเขตการค้าเสรีกับกลุ่มประเทศ “EAEU” (Eurasia Economic Union) แถมกำลังเตรียมตัวเข้าเป็นสมาชิกของประเทศกลุ่ม “BRICS” ที่มีจำนวนประชากร หรือมี “ตลาด” เกือบครึ่งโลกซะอีกด้วย ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง...ที่ทำให้การไล่บด ไล่บี้ ผู้ที่มีทัศนคติตรงข้ามกับตะวันตก ไม่ว่าในทางการเมือง เศรษฐกิจ หรือทางใดๆ ก็แล้วแต่ มันเลยไม่เกิดมรรค เกิดผล มากมายสักเท่าไหร่ แถมตัวเองยังต้องเจอกับแรงอัด แรงกระแทกย้อนกลับ เจอกับบูมเมอแรง ชนิดอาจ “ล่มสลาย” ลงไปเมื่อไหร่ก็ย่อมได้...

แต่ก็นั่นแหละ...สำหรับผู้ที่เคยครอบครอง ครอบงำ โลกทั้งโลก ยาวนานนับเป็นศตวรรษๆ โอกาสที่จะ “ม่อยกระรอก” ลงไปง่ายๆ คงไม่ใช่เรื่องกล้วยๆ อยู่แล้วแน่ๆ!!! การหาทางออก ทางไป หรือ “ทางรอด” จากภาวะล่มสลายที่รอคอยอยู่เบื้องหน้าจึงยังคงเหลืออยู่ที่ “การทหาร” นั่นแหละเป็นหลัก หรืออย่างที่อดีตนายกฯ อังกฤษ “นายโทนี แบลร์” พยายามออกมาเรียกร้องปลุกกระตุ้น ให้ฝ่ายตะวันตกเพิ่ม “งบกลาโหม” ให้มากๆ เข้าไว้ เพื่อ “คงความเหนือกว่าทหาร” ให้ต่อเนื่อง ยาวนาน อีกต่อไป ดังนั้น...สิ่งที่น่าคิด น่าสะกิดใจ เอามากๆ ก็คือว่า โอกาสที่จะเกิดการ “ปะทะทางทหาร” แบบตรงไป-ตรงมา ไม่ใช่แค่การอาศัย “อีแอบ” หรืออาศัย “สงครามตัวแทน” แบบที่กำลังเป็นอยู่ในยูเครน หรือในซีกโลกต่างๆ จะมีความเป็นไปได้มาก-น้อยขนาดไหน ไม่ว่าจะใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” ด้วยการ “บุกไครเมีย” ใน “แนวรบตะวันออกกลาง” ด้วยการ “โจมตีโรงงานปฏิกรณ์นิวเคลียร์อิหร่าน” หรือใน “แนวรบทะเลจีนใต้” ด้วยการสนับสนุนให้เกิดการ “แยกไต้หวัน” ออกจากจีนโดยเปิดเผยหรือแบบไม่ต้องคลุมๆ เครือๆ อีกต่อไป ฯลฯ และไม่ว่าจะในแนวรบด้านใดก็ตาม โดย “เงื่อนไข” และ “เหตุปัจจัย” ดังกล่าว ย่อมอาจก่อให้เกิดการ “ลั่นไก” อันนำไปสู่ “สงครามโลกครั้งที่ 3” เมื่อไหร่? ตอนไหน? ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...

หรือเกิดฉากสถานการณ์ อย่างที่นักวิเคราะห์ นักทำนายทางเศรษฐกิจ อย่าง “นายเจอรัลด์ เซเลนเต้” (Gerald Celente) เจ้าของนิตยสาร “Trends Journal” และผู้ก่อตั้งสถาบัน “Trend Research Institute” ที่เคยทำนายเรื่องวิกฤตตลาดหุ้นปี ค.ศ.1987 เรื่องการล่มสลายของสหภาพโซเวียตปี ค.ศ.1991 และการพังทลายของเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) อันมีเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นตัวขับเคลื่อน ไปจนถึงการทำนายวิกฤตฟองสบู่ปี ค.ศ. 2001 ฯลฯ แบบชนิดแม่นยำราวตาเห็น ได้เคยกล่าวเอาไว้เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว นั่นแหละว่า... “ความพยายามที่จะแก้ไขความผิดพลาด ล้มเหลว อย่างมหันต์ ด้วยการกระทำความผิดพลาด ล้มเหลว อย่างอภิมหามหันต์ จนกระทั่งเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างผิดพลาดและล้มเหลวโดยสิ้นเชิงรัฐบาล (อเมริกัน) ก็จะนำพาชาติทั้งชาติ เข้าสู่สงครามในท้ายที่สุด...” นั่นแล...

อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้การหมดฤทธิ์ หมดเดช หมดสภาพ ของโลกตะวันตก หรือของพวก “โลกขั้วเดียว” ทั้งหลาย มันเลยอาจไม่ถึงกับ “สมูธ แอส ซิลค์” แบบการบินไทยบ้านเรามากมายสักเท่าไหร่ ส่วนจะ “ซอฟท์ แลนดิ้ง” หรือ “ฮาร์ด แลนดิ้ง” กันไปถึงขั้นไหน? เพียงใด? คงต้องเก็บมานั่งคิด นอนคิด หรือไม่ก็ต้องปล่อยให้ “วอท เอฟเวอร์ วิลบี วิลบี” กันไปตามสภาพ เพราะแน่ล่ะว่า...ไม่ว่าประเทศหนึ่ง-ประเทศใด ย่อมไม่อยากจะเห็น “ความล่มสลาย” ของชาติบ้านเมืองตัวเอง ปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตา ความพยายามแก้ไข “ความผิดพลาด ล้มเหลวอย่างมหันต์” มันจึงอาจนำไปสู่ “ความผิดพลาด ล้มเหลวอย่างอภิมหามหันต์” ได้ทุกเมื่อ!!! โดยเฉพาะสำหรับชาติที่ยังคงมีอาวุธร้ายแรง หรือยังมี “ขีปนาวุธนิวเคลียร์” อยู่ในมือ...

ด้วยเหตุนี้ “ชัยชนะ” หรือ “ความพ่ายแพ้” ของฝ่ายหนึ่ง-ฝ่ายใด...จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าปลาบปลื้มยินดี น่ารัก น่าลุ้น หรือน่าเชียร์กันสักเท่าไหร่นัก ตรงกันข้าม...กลับเต็มไปด้วย “รายจ่าย” ระดับอภิมหาศาล โดยเฉพาะถ้าหากทางออก ทางไป ของฝ่ายใดก็ตาม ต้องถูกวัดตัดสิน ถูกชี้ขาดกันด้วย “สงคราม” เหมือนอย่างที่ “พระคัมภีร์ไบเบิล” บท “วิวรณ์” ได้สร้างความขนหัวลุก เอาไว้ในบทที่ “9:14” ถึงขั้นว่า... “เมื่อทูตสวรรค์องค์ที่หกเป่าแตรขึ้น...ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงออกมาจากเชิงงอนมุมทั้งสี่ของแท่นทองคำ ที่อยู่เบื้องหน้าพระเจ้า เสียงนั้นสั่งทูตสวรรค์องค์ที่หกที่ถือแตรนั้นว่า...จงแก้มัดทูตสวรรค์ทั้งสี่ ที่ถูกมัดไว้ที่แม่น้ำใหญ่นั้น คือแม่น้ำยูเฟรติส พระเจ้าทรงเตรียมทูตสวรรค์ทั้งสี่ไว้สำหรับชั่วโมง วัน เดือน และปี ที่จะให้ฆ่ามนุษย์เสียหนึ่งในสามส่วน และพลทหารม้าสองร้อยล้าน นี่คือ...จำนวนที่ข้าพเจ้าได้ยิน!!! ในนิมิตนั้น...ข้าพเจ้าสังเกตเห็นม้าเป็นดังนี้คือ ผู้ที่นั่งบนหลังม้านั้น ผู้มีทับทรวงสีไฟ สีน้ำเงิน และสีกำมะถัน หัวม้าทั้งหลายนั้นเหมือนหัวสิงห์ มีไฟและควันและกำมะถันพลุ่งออกมาจากปากของมัน มนุษย์ถูกฆ่าเสียหนึ่งในสามส่วน ด้วยภัยพิบัติสามอย่างนี้ คือไฟ ควัน และกำมะถันที่พลุ่งออกมาจากปากม้านั้น เพราะว่าฤทธิ์ของม้านั้นอยู่ที่ปากและหาง หางของมันเหมืองงูและมีหัว สิ่งเหล่านี้ทำให้มันทำร้ายคนได้...” นี่...ด้วยเหตุนี้ เอาเป็นว่าไม่ว่าจะถือหางฝ่ายไหน เชียร์ฝ่ายไหน ก็อย่าลืมคิดๆ ถึงข้อความในพระคัมภีร์ไบเบิลเอาไว้มั่งก็แล้วกัน!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น