ทักษิณ ชินวัตรพูดหลายครั้งแล้วว่าเขาจะกลับเมืองไทย ตั้งแต่บอกว่า เสียงปืนแตกเมื่อไหร่จะกลับมาเดินหน้านำคนเสื้อแดง เมื่อปี 2553 แต่สุดท้ายก็ไม่เห็นเงาของทักษิณ จนกระทั่งเกิดโศกนาฏกรรมมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
หลังจากนั้นทักษิณก็พูดว่าจะกลับบ้านอีกหลายครั้ง แต่ไม่เคยเป็นจริงสักครั้ง เมื่อต้นปีทักษิณก็เคยพูดว่า อยากกลับเมืองไทยเพื่อทำภารกิจ 4 อย่าง คือ 1. อยากเลี้ยงหลานในเวลาที่เหลือ 2. ใครเป็นรัฐบาลก็ช่าง ถ้าอยากให้ช่วยคิดแก้ปัญหาให้ พร้อมไม่คิดเงิน 3. จะรับจ้างบรรยายให้โอเลี้ยงแก้วหนึ่งก็พอ 4. จะไปชวนบรรดาเศรษฐีในเมืองไทย มาลงขันช่วยส่งเสริมสตาร์ทอัป
ล่าสุดทักษิณพูดกับคนเสื้อแดงที่จัดเลี้ยงวันเกิดให้ตัวเองอีกว่า “ขอให้ความสุขทั้งหลายมีกับทุกท่าน มีสุขภาพ มีกำลังใจการต่อสู้รัฐบาลที่ตะแบงเก่ง ทั้งที่ประชาชนไม่เอาก็ตะแบงอยู่อย่างนี้ น่ากลัวมากประเทศ ผมคิดว่าเลือกตั้งคราวหน้า ประชาชนตัดสินใจลงโทษได้ชัดเจน ผมมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยทำได้ ปีที่แล้วพวกเราก็จัดวันเกิดให้ทุกปี ปีนี้เป็นปีสุดท้ายนะ ปีหน้าเราเจอกันที่เมืองไทยก็แล้วกัน เมื่อกลับไปจะกลับไปเยี่ยมเยือนพี่น้องประชาชนทุกจังหวัด ทุกอำเภอ” ท่ามกลางเสียงดีใจและปรบมือลั่นของบรรดามวลชนที่ได้ฟัง
ถ้าเราจับสำเนียงของทักษิณได้แม้ว่าเขาจะพูดหลายครั้งแล้วว่าจะกลับบ้าน แต่ในระยะหลังดูเหมือนว่า เขาจะมีน้ำเสียงที่มีความมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ ด้านหนึ่งคงเป็นเพราะกระแสของพรรคเพื่อไทยที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางความเบื่อหน่ายรัฐบาลประยุทธ์ ที่ปกครองประเทศมายาวนาน
คนที่มีคดีความติดตัวหลบหนีคดีไปอยู่เมืองนอก ถูกศาลตัดสินจำคุกไปแล้วหลายคดี และยังมีคดีที่ค้างคาอยู่อีก ทำไมถึงกล้าประกาศเช่นนั้น อาจจะเป็นไปได้ทั้งที่เขาต้องการปลุกขวัญมวลชนของเขาให้เกิดความมั่นใจที่จะเลือกพรรคเพื่อไทย หรือไม่เขาก็แสดงให้มวลชนของเขาเห็นว่า เขาไม่ได้ยี่หระต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย
อีกด้านเราคงเห็นว่า รัฐบาลของประเทศนี้รวมไปถึงกระบวนการยุติธรรมต่างๆก็ไม่ได้จริงจังที่จะเอาตัวทักษิณมาดำเนินคดี ทักษิณจึงไปไหนมาไหนได้โดยอิสรเสรีราวกับว่าประเทศไทยไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก หรือราวกับว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยนั้นไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากลที่ทำให้ทั่วโลกเขายอมรับ
ไม่เพียงแต่เท่านั้นนักโทษหนีคดีอย่างทักษิณยังคงส่งเสียงผ่านเครือข่ายสื่อสารต่างๆ กลับมายังประเทศไทย พูดคุยกับคนในประเทศ พูดคุยกับมวลชนของเขาโดยที่อำนาจรัฐของไทยไม่อาจเอื้อมไปเอาผิดกับทักษิณได้ ทักษิณจึงเป็นนักโทษหนีคดีที่เป็นอภิสิทธิชนในสังคมไทยอย่างแท้จริง ราวกับว่าเป็นบุคคลที่อยู่เหนือกฎหมาย
ลองดูคดีต่างๆ ที่ทักษิณถูกตัดสินแล้วสิว่ามีคดีอะไรบ้าง ทำไมเราจึงขอตัวทักษิณกลับมาลงโทษไม่ได้ รัฐบาลไม่ทำหรือกระบวนการยุติธรรมไทยมีปัญหากันแน่
1. คดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ก่อนพิพากษาคดีดังกล่าว ทักษิณได้เดินทางออกนอกประเทศ โดยอ้างว่าไปดูการแข่งขันโอลิมปิกที่ประเทศจีน และหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาแต่อย่างใด ทำให้ศาลฎีกาฯ อ่านคำพิพากษาลับหลัง จำคุกนายทักษิณ 2 ปี และยกฟ้องคุณหญิงพจมาน ปัจจุบันคดีดังกล่าวหมดอายุความแล้ว
2. คดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า คดีหวยบนดิน โดยศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุกนายทักษิณ 2 ปี ไม่รอลงอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
3. คดีสั่งการให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) อนุมัติเงินกู้สินเชื่อ 4,000 ล้านบาทแก่รัฐบาลสหภาพพม่า ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 (เดิม)
4. คดีให้นอมินีถือหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แทน โดยบริษัท ชินคอร์ปฯ เป็นคู่สัญญาต่อหน่วยงานของรัฐ และเข้าไปมีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นในกิจการโทรคมนาคม โดยศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา แบ่งเป็นฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ จำคุก 2 ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น จำคุก 3 ปี
ยกฟ้อง 2 คดี คือ คดีกล่าวหาว่าอนุมัติให้กระทรวงการคลังเข้าไปบริหารจัดการแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) และคดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้สินเชื่อเครือกฤษดามหานคร กว่าหมื่นล้านบาท
อีก 2 คดีอยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แก่ คดีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ล็อตสอง จำนวน 8 สัญญา และคดีกล่าวหาการอนุมัติสั่งซื้อเครื่องบินแบบ A340-500 และ A340-600 ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ระหว่างปี 2545-2547 ทำให้การบินไทยมีหนี้สินเพิ่มมากขึ้น
ยังไม่รวมที่ทักษิณใช้อำนาจทุจริตเชิงนโยบายเพื่อให้ธุรกิจของตัวเองได้ประโยชน์จนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แจกแจงพฤติกรรมที่ฉ้อฉลอย่างละเอียดแล้วมีคำพิพากษาด้วยมติเสียงข้างมากให้ยึดทรัพย์ทักษิณ ที่ได้จากเงินค่าขายหุ้นและเงินปันผล ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยไม่สมควรสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ ตกเป็นของแผ่นดิน 46,373 กว่าล้านบาท
เมื่อไม่นับคดีที่หมดอายุความไปแล้ว ทักษิณยังเหลือโทษจำคุกอยู่อีก 10 ปี ยังไม่รวมคดีที่ยังอยู่ในชั้น ป.ป.ช.ซึ่งเป็นคำถามว่า ทำไมทักษิณจึงมั่นใจว่าเขาจะกลับบ้านมาใช้ชีวิตโดยปกติได้ เพราะคำพูดของทักษิณเหมือนดูว่าง่าย ราวกับว่ากฎหมายบ้านเมืองขื่อแปนั้นไม่ได้มีความหมายสำหรับเขา
หรือทักษิณเชื่อว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาลแล้วลูกสาวของเขาอุ๊งอิ๊ง แพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรี เขาจะใช้เสียงข้างมากในสภาฯ ออกกฎหมายนิรโทษกรรมโดยคิดว่าจะไม่ถูกต่อต้านแบบการนิรโทษกรรมลักหลับสุดซอยในสมัยของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ความเชื่อมั่นว่าจะกลับประเทศเมื่อไหร่ก็ได้ของทักษิณ รวมถึงการปรากฏตัวมายังประเทศไทยเพื่อสื่อสารกับมวลชนนั้น เหมือนกับการสะท้อนให้เห็นว่า กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยนั้นไม่มีความหมาย ซึ่งสอดคล้องกับที่ทักษิณและบริวารพยายามทำให้มวลชนของเขาเชื่อว่าทักษิณถูกกลั่นแกล้งให้ไม่ได้รับความเป็นธรรม จนทักษิณมักจะพูดถึงตัวเองว่า เป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองไม่ใช่นักโทษหนีคดี
เหมือนที่พานทองแท้โพสต์เฟซบุ๊กล่าสุดว่า “คนที่ชนะด้วยการปล้นประชาธิปไตยจากประชาชน ได้พยายามเขียนประวัติศาสตร์ และยัดเยียดความผิด ให้กับคุณพ่อผมซึ่งถูกปล้นอำนาจบริหารประเทศไป โดยพยายามมา 16 ปี ผ่านการรัฐประหาร 2 ครั้งแล้ว ยังลบความทรงจำ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ จากใจของประชาชนไม่ได้”
การแสดงตัวของทักษิณที่ท้าทายอำนาจรัฐและกระบวนการยุติธรรมไทยเช่นนี้อดที่จะตั้งคำถามต่ออำนาจรัฐและกระบวนการยุติธรรมไทยไม่ได้ว่า ทำไมปล่อยให้นักโทษหนีคดีออกมาท้าทายโดยไม่มีคำชี้แจงตอบโต้จากฝ่ายรัฐออกมาเลย
หรือว่าความผิดของทักษิณนั้นเป็นเรื่องไม่จริงและถูกกลั่นแกล้งดังที่ทักษิณกล่าวหา
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan