เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องลองไปสำรวจตรวจสอบ แนวโน้มความเป็นไปของโลก ผ่านทัศนะ มุมมอง ของผู้ที่ได้ชื่อว่ามีบทบาท อิทธิพลต่อแนวคิดต่างๆ ในระดับโลกไม่มาก-ก็น้อย เช่น รายแรก อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ “นายโทนี แบลร์”ที่ได้ไปพูดจาปราศรัย ณ เวทีมูลนิธิ “Ditchley Foundation” เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ถึงขั้นว่า...โลกที่เคยถูกครอบงำทางการเมืองและเศรษฐกิจโดยฝ่ายตะวันตก อาจกำลังก้าวเข้าสู่ “จุดจบ” ในอีกไม่นาน-ไม่ช้านับจากนี้!!!
คืออดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษรายนี้...ต้องเรียกว่า จัดเป็นพวก “เสรีนิยมใหม่”(Neoliberalism) แบบสุดๆ แถมอาจมีเส้นสายโยงใยอยู่กับพวก “ขวาใหม่” (Neoconservative) ในอเมริกา อันถือเป็นกลุ่มคนที่มีบทบาทครอบงำแนวนโยบายทางการเมือง การต่างประเทศ ไม่ว่ารัฐบาลรีพับลิกัน หรือเดโมแครต มาโดยตลอด หรือเป็นพวกที่มีแนวคิดส่งเสริม สนับสนุน โลกาภิวัตน์ที่ถูกขับเคลื่อนโดยทุนนิยม หลงใหล คลั่งไคล้ “ระบบตลาดเสรีภายใต้ทุนนิยม” (Free Market Capitalism)ทั้งหลาย โดยเฉพาะหลังจากที่ “โลกสังคมนิยม” ของอดีตประเทศสหภาพโซเวียต ได้ล่มสลายลงไปเป็นที่เรียบร้อย จนเหลือแต่ “โลกทุนนิยม”อันมีคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตกเป็นผู้นำ ความมุ่งหวัง เพียรพยายาม ที่จะทำให้ “โลกทั้งโลก”ต้องเป็น “ประชาธิปไตยภายใต้ทุนนิยม” เหมือนกันหมด ต้อง “เปิดตลาดเสรี” ต้องลดทอนอำนาจของ “รัฐชาติ”เพื่อเปิดทางให้ “ทุนนิยมเสรี”แห่งโลก เข้าไปปรับปรุง เปลี่ยนแปลง อะไรต่อมิอะไรที่ถือเป็นอุปสรรคขัดขวางต่อ “ความเป็นสากล”ไม่ว่าจะตัวบทกฎหมาย ระบบเศรษฐกิจ ไปจนถึงวัฒนธรรม เอกลักษณ์ อัตลักษณ์ ฯลฯ ของแต่ละชาติ จนถูกเรียกว่าพวก “โลกาภิวัตน์จากด้านบน” อะไรประมาณนั้น...
ด้วยเหตุนี้...จึงไม่ถึงกับน่าแปลกใจมากมายสักเท่าไหร่ ที่ประเทศอังกฤษในยุคสมัยของอดีตนายกฯ รายนี้ (ค.ศ.1997-2007) จึงได้ชื่อ ฉายา ว่า “สุนัขพูเดิลของอเมริกา”นับตั้งแต่บัดนั้น เพราะความกระตือรือร้น กระเหี้ยนกระหือรือ ที่จะยืนเคียงบ่า-เคียงไหล่กับมหาอำนาจสูงสุดอย่างอเมริกา ไม่ว่าการ “บุกอิรัก”จับผู้นำประเทศ อย่าง “ซัดดัม ฮุสเซน” มาแขวนคอ ด้วยข้อกล่าวหาที่ไม่ได้มีข้อเท็จจริงเอาเลยแม้แต่นิด ว่าแอบสะสม “อาวุธทำลายล้าง” ทำนองนั้น ตลอดไปจนการยืนหยัด ยืนยัน ที่จะให้โลกทั้งโลกอยู่ภายใต้ “อำนาจขั้วเดียว”(Unipolar World Order) ไม่ต่างอะไรไปจากนักคิด นักวิชาการ ในช่วงระยะนั้น ประเภท “อัลวิน ทอฟเลอร์” (Alvin Toffler) “จอห์น แนสบิตต์” (John Naisbitt) ฯลฯ ที่บ้านเราเคยตื่นเต้น ฮือฮา หยิบเอาแนวคิดเรื่อง “คลื่นลูกที่ 3-ลูกที่ 4” มาเผยแพร่แปลเป็นภาษาไทย โดยแทบไม่ได้สนใจว่า...เอาเข้าจริงๆ แล้ว ก็คือแนวคิดที่จะนำไปสู่ “การล่าอาณานิคมแบบใหม่”นั่นเอง...
แต่การพูดของอดีตนายกฯ “โทนี แบลร์”คราวนี้...อาจผิดแผกแตกต่างไปจากครั้งก่อนๆ แบบคนละเรื่อง คนละม้วน คือแทบไม่ได้ออกอาการ “กระเหี้ยนกระหือรือ”เหมือนแต่ก่อน เผลอๆ หนักไปทางคล้ายๆ “คำสารภาพ” เอาเลยก็ว่าได้โดยเฉพาะต่อข้อสรุปที่ว่า “ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่โลกตะวันออกมีฐานะ บทบาท เทียมเท่ากับโลกตะวันตก”จนอาจส่งผลให้ “เรากำลังมาถึงจุดจบของการครอบงำทางการเมือง-เศรษฐกิจโดยฝ่ายตะวันตก โลกกำลังกลายเป็น 2 ขั้วเป็นอย่างน้อย หรือเป็นไปได้ที่จะเป็นโลกหลายขั้วอำนาจ”พูดง่ายๆ ว่า...จะด้วยอายุ-อานาม “ข้อเท็จจริง” หรืออะไรต่อมิอะไรก็เถอะ มาถึง ณ ขณะนี้...อดีตนายกฯ อังกฤษรายนี้ แทบไม่ได้ออกอาการกระดี้กระด้าต่อความเป็น “เสรีนิยมใหม่” เหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป แต่กลับแสดงให้เห็นถึงความหนักอก-หนักใจ ความหวาดวิตกต่อแนวโน้มความเป็นไปของโลกที่ออกจะหนักไปทาง “ตรงกันข้าม” กับแนวคิดดั้งเดิมของตัวเอง ยิ่งเข้าไปทุกที...
อาจด้วยเหตุเพราะ “การเมืองตะวันตกกำลังปั่นป่วน เพราะการแบ่งพรรค-แบ่งพวก น่าเกลียด-น่าชัง ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์โพดผลใดๆ แถมยังถูกเติมเชื้อไฟด้วยความก้าวหน้าของสื่อออนไลน์ จนทำให้เกิดปัญหาภายในและภายนอกประเทศ”ดังที่อดีตนายกฯ รายนี้ได้อรรถาธิบายเอาไว้ระหว่างการพูดจาปราศรัย คราวนี้ ความพยายามหาทางออก ทางไป หรือ “ทางรอด” สำหรับโลกตะวันตก จึงเหลืออยู่แค่... “เราต้องเสาะแสวงหาความร่วมมือ ความมุ่งมั่น และขีดความสามารถรวมทั้งการเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านกลาโหม เพื่อธำรงไว้ซึ่งความเหนือกว่าทางทหาร ไปพร้อมๆ กับการขยายขอบเขตของอำนาจอย่างอ่อน ด้วยการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับบรรดาประเทศกำลังพัฒนา...”ส่วนจะสำเร็จ-ไม่สำเร็จ ในการคงบทบาทของโลกตะวันตก หรือการพิทักษ์รักษา “โลกขั้วเดียว” เอาไว้ให้จงได้ หรือไม่? อย่างไร? อีกนานขนาดไหน? อันนั้น...คงต้องเก็บไปนั่งคิด นอนคิด เอาเองก็แล้วกัน...
แต่ภายใต้บรรยากาศทำนองนี้นี่เอง...ที่ทำให้ผู้ที่มีบทบาท อิทธิพล ต่อความเป็นไปของโลกในปัจจุบัน อย่างเช่นผู้นำรัสเซียประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” ท่านเลยตัดสินใจออกมา “ฟันธง” และ “ฟันเฟิร์ม”เอาไว้ระหว่างการพูดจาปราศรัย ณ ที่ประชุม “Business Forum” เมื่อช่วงวันพุธที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า “ยุคใหม่...ของประวัติศาสตร์โลกกำลังเริ่มปรากฏให้เห็น” ยุคที่บรรดาประเทศที่มุ่งหวัง “อำนาจอธิปไตยที่แท้จริง” (Truly Sovereign) อันหมายถึง “อิสรภาพในการกระทำตามความปรารถนาของผู้คนส่วนใหญ่ในแต่ละประเทศ”กำลังก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งมโหฬาร หรือ “การปฏิวัติที่แท้จริง” โดยจะนำไปสู่ “ระเบียบโลกแบบใหม่” ที่สอดคล้อง กลมกลืน นำมาซึ่งความยุติธรรม และความปลอดภัยต่อประเทศในภูมิภาคต่างๆ ยิ่งๆ ขึ้นไป ไม่ว่าพวกโลกตะวันตกที่ชอบเหยียดเชื้อชาติ พวกนักล่าอาณานิคมแผนใหม่ จะพยายามหยุดยั้งการเติบโตและพัฒนาของความเป็นไปในลักษณะดังกล่าวเพียงใดก็ตาม แต่สุดท้าย...ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมิอาจหวนกลับไปสู่สภาพเดิมๆ ได้อีกต่อไปแล้ว!!!
จริง-ไม่จริง!!!...เชื่อ-ไม่เชื่อ!!! ก็ลอง “ชั่งน้ำหนัก”ดูเอาเองก็แล้วกัน แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...บรรดาความหวัง ความฝัน ของพวก “เสรีนิยมใหม่” ทั้งหลาย ที่เคยมาแรงแซงโค้ง นับตั้งแต่ “โลกสังคมนิยม” ของอดีตสหภาพโซเวียตได้ล่มสลาย เหลือแต่เพียง “โลกทุนนิยม”ภายใต้การควบคุม บงการ ของคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตก จนเกิด “ความเชื่อ” ที่ว่า โลกทั้งโลกต้องเป็นไปตามมาตรฐาน “ประชาธิปไตยแบบตะวันตก”หรือ “สิทธิมนุษยชนแบบตะวันตก”ไปด้วยกันทั้งสิ้น ต้องเป็นโลกที่อยู่ภายใต้การบริหาร-จัดการของ “มหาอำนาจขั้วเดียว”หรือภายใต้ “คลื่นลูกที่ 4”ที่อาศัยความเหนือกว่าในทางเทคโนโลยีควบคุมและบงการบรรดาประเทศต่างๆ ทั่วทั้งโลก ขจัดอุปสรรคขัดขวางใดๆ ก็ตาม ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ใน “รัฐชาติ” แต่ละชาติ จนถือเป็นผู้กำหนดสันติภาพได้แบบจักรวรรดิโลกในยุคอดีต หรือทำให้ “Pax Romana”กับ “Pax Americana”ไม่ได้ผิดแผกแตกต่าง อะไรไปจากกันเอาเลยแม้แต่น้อย แต่มาถึงบัดนี้...ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยหวังๆ ฝันๆ หรือเคยเพ้อๆ เอาไว้ แทบเป็นไปไม่ได้ หรือออกไปทาง “แห้วกระป๋อง” อย่างเห็นได้โดยชัดเจน ไม่ว่าจะในทางการเมือง เศรษฐกิจ หรือแม้แต่การทหารก็ตามที...
พูดง่ายๆ ว่า...ไม่ว่าแนวโน้มความเป็นไปของโลกในอนาคตเบื้องหน้า จะออกไปทาง 2 ขั้วหรือหลายๆ ขั้ว แบบที่อดีตนายกฯ อังกฤษ ได้ประมาณการเอาไว้หรือไม่? อย่างไร? แต่มันคงยากซ์ซ์ซ์เอามากๆ...ที่จะเกิดการย้อนกลับไปสู่ “โลกขั้วเดียว” อย่างที่พวก “เสรีนิยมใหม่” เคยฝันๆ กันเอาไว้ โดยเฉพาะเมื่อแต่ละชาติ แต่ละประเทศ ล้วนแล้วแต่มุ่งหวังที่จะให้ประเทศของตัวเองมี “อำนาจอธิปไตยที่แท้จริง” ไม่ใช่เป็นแค่ “สุนัขพูเดิล” ของประเทศหนึ่ง-ประเทศใด หรือต้องตาม “ดมก้นอเมริกา” ไปโดยตลอด ด้วยเหตุนี้....การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หรือ “การปฏิวัติที่แท้จริง”ดังที่ผู้นำรัสเซียว่าไว้ จึงออกจะมี “น้ำหนัก” น่าเชื่อ และน่าเก็บเอามาใคร่ครวญหวนคิด เอาไว้ซะแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะสำหรับการปรับตัว ปรับสภาพ ของแต่ละประเทศที่จำต้องอยู่ร่วมโลกด้วยกันทั้งหลาย...