ปิดฉากสัปดาห์นี้...ด้วยสีสัน บรรยากาศ ที่ออกจะน่าอึดอัด อุตลุดชุลมุนชุลเกอยู่พอสมควร สำหรับความเป็นไปของโลกช่วงนี้ คือออกอาการประมาณคล้ายๆ ผู้ที่ใกล้จะขี้ หรือผู้ที่อั้นขี้ อั้นเยี่ยว มาจนไม่ไหวจะราด ไม่ไหวจะแตก ในอีกไม่ช้า-ไม่นานอะไรทำนองนั้น โดยเฉพาะถ้ามองจากบรรดา “ความเคลื่อนไหว” ใน “แนวรบ” ต่างๆ ไม่ว่า “แนวรบยุโรปตะวันออก” “แนวรบตะวันออกกลาง” ไปจนถึง “แนวรบทะเลจีนใต้” ที่ต่างเข้มขมึง ตึงเครียด ไปด้วยการแบ่งข้าง แบ่งฝ่าย จนไม่น่าจะเหลือ “พื้นที่เป็นกลาง” ใดๆ ต่อไปอีกแล้ว!!!
ถ้าลองสรุปโดยคร่าวๆ...สำหรับ “แนวรบยุโรปตะวันออก” นั้น ด้วย “ผลกระทบ” แบบ “บูมเมอแรง” จากการ “แซงชั่นรัสเซีย” ของบรรดาชาติยุโรป หรือบรรดาพวกอียู อีย้วย ทั้งหลาย ไม่ว่าโดยการกดดัน การยุแยงตะแคงรั่ว จากคุณพ่ออเมริกา หรือเพราะการติดเชื้อโรค “Russophobia” ของบรรดาชาติยุโรปด้วยกันเองก็ตาม แนวโน้มที่จะนำไปสู่ความแตกหัก ล่มสลาย ของบรรดาชาติยุโรปภายใต้การรวมตัวเป็น “สหภาพยุโรป” มาก่อนหน้านั้น ชักเริ่ม “เป็นไปได้” ชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที หรือทำให้บรรดาชาติยุโรปที่ต้องเจอกับภาวะเงินเฟ้อ การขาดแคลนพลังงาน อาหารฯลฯ ชนิดออกอาการ “เดี้ยง” กันไปเป็นแถบๆ เริ่มเอะอะโวยวายกันไปเป็นชาติๆ ถึงขั้นสมาชิกรัฐสภาฮังการีจำนวน 130 ราย ผ่านมติเรียกร้องให้ผู้นำประเทศ อย่างนายกรัฐมนตรี “Viktor Orban” หาทางผลักดันให้เกิดเปลี่ยนแปลงแนวคิดของ “สภายุโรป” ไม่งั้นก็ “ยุบสภายุโรป” ให้รู้แล้ว รู้แรด กันไปเลย อันเนื่องมาจากการรวมหัว รวมตัว การสร้างแรงกดดันให้บรรดาชาติยุโรปทั้งหลาย ต้องร่วมมือต่อต้านรัสเซีย โดยแทบไม่ได้มีแผนการใดๆ รองรับเอาไว้เลย กำลังส่งผลให้แต่ละประเทศในสหภาพยุโรป ออกอาการกรอบเป็นข้าวเกรียบเมืองเพชร หรืออาจถึงขั้นหนาวตาย แข็งตาย กันไปเป็นชาติๆ เอาเลยก็ไม่แน่...
เพราะดังที่รายงานวิจัยชิ้นล่าสุดขององค์กรการเงินระหว่างประเทศ หรือ “IMF” ที่ได้เผยแพร่ไปเมื่อช่วงวันอังคาร (19 ก.ค.) ที่ผ่านมานั่นแหละว่า “ผลกระทบ” จากการ “แซงชั่นรัสเซีย” โดยเฉพาะในด้านพลังงาน อาจทำให้บรรดาประเทศต่างๆ ในยุโรปกลาง มีสิทธิ์ “GDP” หดหายกันไปเป็นประเทศๆ ไม่ว่าฮังการีที่อาจหดกันในระดับ 3-6 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้-ปีหน้า สาธารณรัฐเช็ก สโลวาเกีย อิตาลี ฯลฯ ที่อาจหดกันตั้งแต่ 2-5 เปอร์เซ็นต์ของ “GDP” แม้กระทั่งเสาหลักทางเศรษฐกิจอย่างเยอรมนี ก็อาจหดไม่ต่ำกว่า 1-2 เปอร์เซ็นต์ แถมยังอาจต้อง “เลิกอาบน้ำ” หรือต้อง “เหม็น” กันไปทั้งประเทศในช่วงหน้าหนาวคราวนี้อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ การแยกข้าง แยกวง การเลิกคิด “ดมก้นอเมริกา” หรือเลิกอยู่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของอียู จึงทำให้ความเคลื่อนไหวของ “แนวรบ” ด้านนี้ ออกจะอุตลุด ชุลมุนชุลเก อยู่พอสมควร...
ส่วน “แนวรบตะวันออกกลาง” นั้น...ก็ชักเริ่มเปลี่ยนจาก “หลังตีน” เป็น “หน้ามือ” อย่างเห็นได้โดยชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อมองจากการ “เดินสาย” ของ 2 ผู้นำโลก อย่าง “ผู้เฒ่าโจ ซึมเซา” ผู้นำอเมริกา และประธานาธิบดี “ปูติน” ผู้นำรัสเซียในช่วงระยะเวลาใกล้ๆ กัน คือแม้ว่า “ผู้เฒ่าโจ” ที่อาจยังมึนซ์ซ์ซ์ๆ เบลออ์อ์อ์ ด้วยความแก่ ความชรา หรือด้วยอาการเส้นเลือดในสมองอุดตันก็แล้วแต่ ท่านจะฉีดสเตียรอยด์เป็นเข็มๆ ออกแรงฮึด ออกเดินสายเยี่ยมเยียนบรรดาประเทศตะวันออกกลาง อย่างเป็นทางการ ไม่ว่าตั้งแต่อิสราเอลไปจนถึงซาอุดีอาระเบีย เอาเลยก็ตาม แต่อย่างที่ใครต่อใครต่างเห็นพ้องไปในแนวเดียวกันนั่นแหละว่า แทบไม่ได้มีอะไรติดไม้-ติดมือเอาเลยแม้แต่น้อย ไม่อาจเกลี้ยกล่อม โน้มน้าว ให้ประเทศเศรษฐีน้ำมันและผู้นำ “OPEC” อย่างราชอาณาจักรซาอุฯ ตอบสนองความปรารถนาและต้องการของอเมริกาได้อย่างเป็นเรื่อง-เป็นราว แม้กระทั่งประเทศ “พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์” อย่างอิสราเอลก็เถอะ การประกาศตัวเป็น “ไซออนนิสต์” โดยไม่จำเป็นต้องเป็น “ชาวยิว” ของ “ผู้เฒ่าโจ” ก็แทบไม่ได้ก่อให้เกิดความหลงใหลได้ปลื้ม ต่อบรรดาลูกหลานกษัตริย์ดาวิดและโซโลมอนมากมายสักเท่าไหร่ เพราะก่อนหน้านั้น...ความพยายามกลับไปสู่โต๊ะเจรจากับ “ศัตรู-คู่กัด” ของอิสราเอล อย่างอิหร่าน ในเรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์ หรือ “JCPOA” ที่กรุงเวียนนา ชนิดรอบแล้ว-รอบเล่า ได้ทำให้บรรดาชาวยิวโดยส่วนใหญ่ ออกจะ “ด้อยค่า” ต่อรัฐบาลอเมริกันชุดนี้ ชนิดเทียบไม่ได้กับ “ทรัมป์บ้า” อดีตประธานาธิบดีอเมริกันแห่งพรรครีพับลิกัน ที่ถูกนำไปเทียบเคียงกับอดีตจักรพรรดิ “ไซรัสมหาราช” เอาเลยถึงขั้นนั้น...
ต่างไปจากผู้นำรัสเซีย...ที่ออกเดินสายไปเยี่ยมเยียนทั้งอิหร่าน ไปจนไก่งวง-ไก่เงียง ตุรกี-ตุรเกีย ที่ออกจะเป็นเนื้อ-เป็นหนังเอามากๆ ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดความเป็น “พันธมิตรทางยุทธศาสตร์” ไม่ใช่แค่ระดับภูมิภาค แต่ในระดับโลกเอาเลยก็ว่าได้กับประเทศในตะวันออกกลางอย่างอิหร่าน แต่ยังทำให้ความพยายามปรับตัว ปรับสภาพ ด้วยการ “มุ่งสู่ตะวันออก” ของรัสเซียหลังจากถูกประเทศยุโรปรวมหัวต่อต้าน ยิ่งเป็นอะไรที่เป็นชิ้น-เป็นอัน เป็นเนื้อ-เป็นหนัง ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น ยิ่งบรรดาประเทศตะวันออกกลาง อย่างซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ อิหร่าน ต่างแสดงความปรารถนาและต้องการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มประเทศ “BRICS” อันถือเป็น “กระดูกสันหลังแห่งระเบียบโลกใหม่” ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ “แนวรบ” ด้านนี้ ค่อยๆ พลิกจาก “หลังตีน” เป็น “หน้ามือ” อย่างเห็นได้โดยชัดเจน...
ขณะที่ “แนวรบในทะเลจีนใต้” ที่มี “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์” รายสำคัญของรัสเซียอย่างคุณพี่จีนเป็นตัวยืน ก็เริ่มร้อนฉ่า ร้อนแรง ไม่น้อยไปกว่ากัน โดยเฉพาะเมื่อประธานสภาแห่งพรรคเดโมแครต อย่างนาง “แนนซี เพโลซี” (Nancy Pelosi) ทำท่าว่าอยากเดินทางไปเยือน “ไต้หวัน” ในช่วงเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ อีกทั้งก่อนหน้านั้นไม่นาน รัฐบาล “ผู้เฒ่าโจ” ก็ได้อนุมัติการขายอาวุธล็อตใหญ่มูลค่า 108 ล้านดอลลาร์ให้กองทัพไต้หวันไปเป็นที่เรียบร้อย ส่งผลให้ “นโยบายคลุมเครือ” (Ambiguity Policy)ของอเมริกา ชักจะไม่คลุมเครืออีกต่อไปแล้ว หรือออกอาการหันไปถือหาง “ประเทศไต้หวัน” แสดงออกถึงการสนับสนุน ส่งเสริม ให้เกิดการแยกตัว แยกประเทศ แยกไต้หวันออกจากความเป็นส่วนหนึ่งของจีนอย่างเห็นได้โดยชัดเจน ส่งผลให้พญามังกรจีน เลยอดไม่ได้ต้อง “ว๊าก...ตะลุ่งตุ้งแช่” ต้องประกาศพร้อมที่จะตอบโต้การกระทำดังกล่าว แบบชนิดถึงไหน-ก็ถึงกัน!!!
หรือพูดง่ายๆ ว่า... เมื่อมองความเคลื่อนไหว ความเป็นไปของ “แนวรบทั้ง 3 ด้าน” ด้วยลักษณะอาการแบ่งข้าง-แบ่งฝ่าย แยกข้าง-แยกฝ่าย ที่ดูจะสะท้อนให้เห็นโดยชัดเจนว่า ระหว่าง “โลกตะวันตก” กับ “โลกตะวันออก” ต่างฝ่ายต่างกำลัง “เตรียมพร้อม” สำหรับการมาถึงของ “สงครามใหญ่” อย่างเอาเรื่อง-เอาราว เอาจริง-เอาจัง ไปด้วยกันทั้งคู่ จนโอกาสที่จะเกิดการ “จุดชนวน” เกิดการ “ลั่นไก” จากแนวรบด้านไหนต่อด้านไหนต่างมีสิทธิ์เป็นไปได้ด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจาก “แนวรบยุโรปตะวันออก” ที่อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย “นายดมิตรี เมดเวเดฟ” ถึงกับต้องออกมา “ขีดเส้นตาย” เอาไว้ประมาณว่า เมื่อไหร่ที่คุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตก ไม่ว่าจะโดยอาศัย “ตัวแทน” อย่างยูเครน หรือโดยใครต่อใครก็แล้วแต่ คิดจะบุกยึด “ไครเมีย” กลับมาก็ตาม โอกาสที่จะเกิด “Doomsday” หรือ “วันสิ้นโลก” ย่อมเป็นไปได้อยู่แล้วแน่ๆ...
ขณะที่ใน “แนวรบตะวันออกกลาง” นั้น ถ้าหากลูกหลานชาวยิวไม่ว่าจะโดยการสนับสนุน ส่งเสริม โดยความร่วมมือของคุณพ่ออเมริกาหรือไม่? อย่างไร? ก็ตามที คิดจะ “บุกอิหร่าน” เพื่อขจัดกวาดล้างการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ โอกาสที่จะเกิดรายการโป้งๆ ป้างๆ จนกลายเป็น “สงครามระดับโลก” ย่อมมีสิทธิ์เป็นไปได้เช่นกัน ไม่ต่างไปจาก “แนวรบทะเลจีนใต้” ที่ถ้าหากอเมริกาคิดจะละเมิด “เส้นตาย” หรือไม่คิดจะ “คลุมๆ เครือๆ” อีกต่อไปแล้ว การรวมไต้หวันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของจีนด้วย “กำลังทหาร” ย่อมอุบัติขึ้นมาได้เมื่อนั้น ด้วยสภาพความเป็นไปในลักษณะเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้ต่างฝ่ายต่างมีสิทธิ์อุจจาระแตก อุจจาระราดขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้...