สภาวะความเป็นหนี้ ถ้าไม่จ่ายคืนจะสร้างปัญหาให้บุคคล องค์กร เมืองหรือประเทศได้จนถึงขั้นล้มละลาย ถ้ามีหนี้เกินขีดความสามารถที่จะชำระได้ หรือเรียกว่ามีรายจ่ายมากกว่ารายได้จึงต้องกู้ยืมมาแล้วไม่สามารถใช้คืนได้นั่นเอง
ในช่วงทศวรรษ 1980 ปัญหาหนี้ละตินอเมริกาเป็นเรื่องใหญ่สร้างผลกระทบต่อเนื่องต่อสถาบันการเงินธนาคารรวมถึงองค์กรขนาดใหญ่เช่น ธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศต้องเข้าไปจัดการหลายปีกว่าจะบรรเทาปัญหาไปได้
จากนั้นปัญหาหนี้สินก็ได้เป็นเรื่องปกติสำหรับประเทศที่พัฒนาแล้วหรือกำลังพัฒนาหลายประเทศ ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ก็ยังมีสภาวะหนี้สินมากกว่ารายได้ของประเทศหรือที่เรียกว่าจีดีพีนั่นเอง
สถานการณ์ปัจจุบันจากราคาพลังงานที่สูงขึ้นอัตราเงินเฟ้อค่าครองชีพสูงรวมถึงวิกฤตต่างๆ ที่ไม่สามารถทำให้หลายประเทศ มีรายได้เหมือนเดิมทำให้เกิดปัญหาหนี้สินและไม่สามารถใช้คืนได้เมื่อครบกำหนดที่ต้องชำระหนี้
ใกล้บ้านเรามี สปป.ลาว ซึ่งมีหนี้ต่างประเทศสูงถึง 14.5 พันล้านดอลลาร์ และประมาณ 7 ล้านดอลลาร์เป็นหนี้ที่ต้องใช้คืนประเทศจีนจากโครงการพัฒนาระบบรถไฟเชื่อมโยงระหว่างลาวกับจีน ปัจจุบันลาวไม่อยู่ในสภาพที่จะใช้คืนนี้ได้
สปป.ลาวขาดรายได้ เงินเฟ้ออยู่ในอัตราสูง ขาดแคลนพลังงาน ประชาชนไม่สามารถรับกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้ ต้องเจรจากับจีนซึ่งเป็นประเทศเจ้าหนี้ให้เข้ามาบริหารกิจการรถไฟเพื่อหารายได้คืนนั่นเอง
อีกประเทศคือศรีลังกาซึ่งมีหนี้ประเทศรวม 5.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งประกอบด้วย 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นการยืมเงินจากญี่ปุ่นและ 1 หมื่นล้านดอลลาร์เป็นการกู้จากจีนในการพัฒนาท่าเรือและโครงการสาธารณูปโภค
การใช้จ่ายเกินตัวและปัญหาการระบาดของโควิด-19 การขาดรายได้จากการท่องเที่ยวทำให้ศรีลังกาขาดเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสำหรับนำเข้าสินค้าโดยเฉพาะพลังงาน อาหาร และยารักษาโรคซึ่งอยู่ในสภาวะขาดแคลนอย่างรุนแรงประชาชนเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลหลายเดือนจนต้องเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี
ศรีลังกาซึ่งมีรายได้จากการส่งออกใบชา การท่องเที่ยวแทบไม่เหลือเงินตราต่างประเทศ ต้องผิดนัดชำระหนี้ ขอความช่วยเหลือจากประเทศผู้ให้กู้รวมถึงไอเอ็มเอฟเพื่อหาทางรอดจากภาระหนี้มหาศาลที่ประชาชน 22 ล้านคนต้องรับภาระ
ความหวังที่จะได้เงินจากไอเอ็มเอฟประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์ยังไม่แจ่มใสคงต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนในการเจรจาเงื่อนไข ซึ่งจะต้องโหดสุดๆ โดยมาตรการลดค่าใช้จ่ายและรัดเข็มขัด ทำให้คนศรีลังกาจะต้องทนทุกข์อีกหลายปี
ทุกวันนี้การขาดแคลนน้ำมันรุนแรงถึงขนาดที่ต้องปิดไฟเป็นบางช่วงของวันมีน้ำมันให้เติมเฉพาะรถพยาบาล รถไฟ และรถขนส่งประจำทางสำหรับประชาชน รถของคนทั่วไปรวมถึงรถรับจ้างยังคงต้องรอคิวหน้าปั๊มน้ำมัน รัฐบาลไม่มีเงินซื้อน้ำมัน
นายกรัฐมนตรีศรีลังกา รานิล วิกรมสิงเห ยอมรับว่าเศรษฐกิจของศรีลังกาล่มสลายไม่สามารถใช้หนี้คืนต่างประเทศได้ เป็นผลพวงของการใช้จ่ายเกินตัวและสร้างหนี้สินโดยไม่คิดถึงว่าขีดความสามารถในการใช้คืนต่ำ เมื่อประเมินจากรายได้
อีกประเทศหนึ่งซึ่งน่าห่วงว่าจะเป็นเหมือนศรีลังกาก็คือปากีสถาน ซึ่งหนี้ต่างประเทศสูงเกือบ 9 หมื่นล้านดอลลาร์ มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเหลือเพียงแค่ 2 เดือน ต้องขอความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟแต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองโดยง่าย
ไอเอ็มเอฟอ้างว่าจะต้องเจรจาเงื่อนไขต่างๆ และประเมินความสามารถว่าจะใช้คืนได้อย่างไร ปากีสถานก็เหมือนศรีลังกาซึ่งได้กู้เงินอย่างมากจากจีนเพื่อโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ แต่ได้รับผลกระทบเพราะการระบาดของโควิด-19 เช่นเดียวกัน ช่วงนี้พยายามเจรจาผ่อนปรนเงื่อนไขกับจีนแต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จ
วิกฤตเศรษฐกิจซึ่งนำไปสู่วิกฤตการเมืองในปากีสถาน มีทั้งการเดินขบวนเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ เกิดปัญหากับกองทัพซึ่งมีอำนาจมากสามารถคุมการเมือง เป็นอำนาจที่เรียกว่า deep state ฝ่ายการเมืองต้องยอมซูฮกต่อผู้นำทหาร
ยังไม่มีทางออกชัดเจนสำหรับศรีลังกาและปากีสถานเพราะมีหนี้สินมากเกินกว่าที่จะจัดการชำระได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ประเทศเนปาลซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของอินเดีย ก็อยู่ในสภาพคล้ายกัน เงินสำรองระหว่างประเทศลดลง ต้องตัดค่าใช้จ่ายสำหรับสินค้านำเข้าที่ถูกมองว่าฟุ่มเฟือย
ในละตินอเมริกามีหลายประเทศเผชิญกับวิกฤตหนี้สินและเรื้อรังอย่างยิ่งในอาร์เจนตินาซึ่งกำลังขอกู้เงินสูงถึง 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ และเกิดความขัดแย้งระหว่างผู้บริหารประเทศคือประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี
อาร์เจนตินามีขนาดใหญ่อันดับ 3 ในละตินอเมริกามีประชาชน 45.8 ล้านคนประมาณ 30% อยู่ใต้เส้นแบ่งความยากจนเรื้อรังที่สืบต่อเนื่องมาจากวิกฤตหนี้สินในช่วงทศวรรษ 1980 ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด
ล่าสุดรัฐมนตรีเศรษฐกิจ นายมาร์ติน กัซแมน ได้ประกาศลาออกตำแหน่ง ที่ดำรงมาตั้งแต่ปี 2019 เพราะไม่สามารถทนกับการทะเลาะกันระหว่างประธานาธิบดี อัลแบร์โต เฟอร์นันเดซ และรองประธานาธิบดีคริสตินา เฟอร์นันเดซ เดอ เคิร์ชเนอร์ ซึ่งเคยเป็นประธานาธิบดีในช่วงปี 2007 ถึง 2015
อาร์เจนตินามีเงินเฟ้อสูงถึง 60% และค่าเงินเปโซอ่อนมีปัญหา สินค้าราคาแพงโดยเฉพาะอาหารและพลังงาน ให้ประเทศที่เคยมีรายได้จากการผลิตอาหารต้องเผชิญกับภาวะลำบากคนยากจนมองไม่เห็นอนาคตเพราะการว่างงานสูง