xs
xsm
sm
md
lg

“ชายหลงผิดสองคน” ในชาติไทย?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”

“ชายสองคน” มีอำนาจในกำมือ.. ทว่าชีวิตกลับ“หลงผิด”!?


ข้อความข้างต้น..เป็น “คำถาม” ยิงตรงถึง “ชายสองคน” หนึ่ง- “ท” กับหนึ่ง- “ต” กับพวกพ้อง?

กว่าทศวรรษที่ “” แอนด์ “ต” ผู้โชคดีได้เกิดในแผ่นดินไทยใหญ่อุดม ดินดีสมเป็นนาสวน เพื่อนรักต่างชักชวน รวมหัวกันมีอำนาจมากล้น ยกพวกปล้นโกงชาติบ้านเมือง! เฮ้อ..เวรกรรมนำลงนรกไปเลย..

ขอเริ่มจาก “ท” ที่เป็นนักธุรกิจ “เอสเอ็มอี” เงินน้อยทุนน้อยสินค้าขายไม่ดี รายได้ไม่พอรายจ่าย จึงรู้รสชาติความยากไร้ชนิดชักหน้าไม่ถึงหลัง ชีวิตวุ่นวายไปหมด ต้องดิ้นรนแสนสาหัส หมุนเงินกู้เงินยืม เช็คเงินสดยอดเล็กยอดใหญ่ของ “ท” ต้องเลื่อนต้องเด้งแล้วเด้งอีก ฯลฯ

ทว่า “” ผู้เป็นลูกชายคนโต โชคดีได้รับดอกผลจาก “พ่อ” กับญาติที่เป็น “นักการเมือง” ภาคเหนือ..
เมื่อยุคที่ไทยมีสถานีโทรทัศน์หลักแค่ช่อง 3,5,7,9,11 ที่เสนอรูปแบบเนื้อหาสไตล์ไทยๆ “ท” วิ่งเต้นหลายครั้งครากับ “นักการเมือง” ยุคนั้น จนในที่สุด “ท” ได้รับสัมปทานธุรกิจเครือข่ายคมนาคมการสื่อสาร โดย “” ได้บุกเบิกธุรกิจรับสมาชิก “ไอบีซี” เพื่อดูช่องทีวีได้มากขึ้น

เบื้องหลังธุรกิจนี้มีที่มาจาก “ประมุท สูตะบุตร” ผู้อำนวยการ“ อสมท.” ในห้วงนั้น ได้แนะนำให้ “” รู้จักกับ “วิลเลียม ไลล์ มอนซัน” เจ้าของ “บริษัท เคลียร์วิว อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” ซึ่งทำธุรกิจวาง “ระบบสื่อเคเบิ้ลทีวี” ในสหรัฐฯ มีสมาชิกมากกว่า 50 ล้านคน โดย “ท” กับ “วิลเลียม” ได้ตกลงร่วมลงทุนทำธุรกิจนี้ในไทย

ในปี 2528 “ท” ได้ร่วมกันตั้ง “บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติง จำกัด (ไอบีซี)” รวมทั้งได้ยื่นขอทำโครงการเคเบิ้ลทีวี ให้ “อสมท.” พิจารณา.. แต่ไม่ผ่านความเห็นชอบ เพราะเป็นโครงการที่ใหม่เกินไป จนมีการเปลี่ยน “รัฐมนตรีคมนาคม” ถึง 2 คน ซึ่งดูแล “คณะกรรมการดูแลบริหารความถี่วิทยุแห่งชาติ” หรือ “กบถ.” มาจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุให้กับหน่วยงานราชการและเอกชน

โครงการ “ไอบีซีเคเบิ้ลทีวี” ได้รับอนุมัติออกอากาศครั้งแรกในเดือนกันยายน 2532 มูลค่าการลงทุนมากกว่า 50 ล้านบาท และจ่ายค่าโปรแกรมเดือนละ 4-5 ล้านบาท มีรายได้จากค่าบอกรับเป็นสมาชิก ประเภทโรงแรมเดือนละ 150 บาทต่อห้อง ส่วนค่าสมาชิกตามบ้านเดือนละ 600 บาท ฯลฯ

แน่นอน..ธุรกิจใหม่มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง..ย่อมมีอุปสรรคไม่มากก็น้อยเป็นเรื่องธรรมดา!

โครงการเคเบิ้ลทีวี “ไอบีซี” ของ “ท” ที่มี “วิลเลียม” แห่งเคลียร์วิวฯ ทำงานร่วมกันในลักษณะ “ว่าจ้าง” โดยมีการจ่ายเงินเดือนให้ “วิลเลียม” 1 แสนบาท ระหว่างรออนุมัติโครงการจาก อสมท.นานถึง 2 ปี หลังได้รับใบอนุญาต ธุรกิจก็ค่อยๆ เติบโตต่อเนื่องกว่า 1 ปี

ในเดือนมิถุนายน 2533 “อสมท.” ได้อนุมัติให้ “บริษัท สยาม บรอดคาสติง จำกัด” ของ “เสี่ยเม้ง-มงคล กาญจนพาสน์” พ่อของ “อนันต์” กับ “คีรี” เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กลุ่ม“เมืองทอง” และธุรกิจรถไฟฟ้า “ธนายง” หรือ “บีทีเอส.” ได้รับสัมปทานเคเบิ้ลทีวีอีกราย โดยได้เปิดตัวเป็นทางการในปี 2534

แทบทุกธุรกิจย่อมมีคู่แข่งโผล่มา ทำให้ “ท ”ต้องปรับผังรายการ เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีเพียง 2 รายการเป็นภาษาอังกฤษ โดยเพิ่มช่องภาษาไทยอีก 1 ช่อง ในปี 2534 ดึงช่อง CNN,NBC,ABC,NHK มาออกอากาศ แถมกวาดการถ่ายทอดสดกีฬาสำคัญๆ มีการแยกช่องกีฬา ช่องข่าวบันเทิง ช่องข่าวไทย-อังกฤษ ฯลฯ “ไอบีซี” มีลูกค้าเข้ามาเป็นสมาชิกมากขึ้นจนแทบติดตั้งไม่ทัน

ในขณะที่ค่าสมาชิก “สกายทีวี” ตกเดือนละ 1,000 บาท ซึ่งแพงกว่า “ไอบีซี” ของกลุ่ม “ท” ที่คิดค่าสมาชิกเพียง 600 บาท จึงเป็นหนึ่งในจุดสำคัญ ที่ทำให้ “ไอบีซี” เคเบิ้ลทีวี ยืนอยู่ในวงการเคเบิ้ลทีวีได้นานกว่า “สกายทีวี” ที่ต้องจากลาก่อนวัยอันสมควร ทั้งๆ ที่ในห้วงนั้น “เสี่ยเม้ง” มีเงินทุนหนากว่า“ท.”..

นอกจากนี้.. “.” ใช้ความสามารถ นำบริษัท “ไอบีซี” เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้สำเร็จ ในปี 2534 จดทะเบียน 36 ล้านหุ้น จากราคาพาร์ 10 บาท ทำราคาพุ่งสูงสุดถึงหุ้นละ 326 บาท มูลค่าในตลาดรวม 11,736 ล้านบาทเลยเชียว!

ในปี 2536 ดันมีคู่แข่งน้องใหม่ โผล่เข้ามาในวงการเคเบิ้ลทีวี ในนาม “ยูทีวี” บริษัทในเครือ “เทเลคอมเอเชีย” ซึ่งได้รับสัมปทานจาก “อสมท.” เช่นกัน ทว่า..ช่วงปี 2540 เมื่อเกิดวิกฤตการณ์การเงินในเอเชีย “ไอบีซี” ตัดสินใจควบรวม “ยูทีวี” ทันที

เมื่อ “ท.”ซื้อกิจการเคเบิ้ลทีวีของ “ยูทีวี” ช่วงแรกได้เปลี่ยนชื่อกิจการเป็น “บริษัท ยูไนเต็ด บรอดคาสติง คอร์ปอเรชั่น จำกัด” หรือ “ยูบีซี”

ผ่านไปไม่นาน “ท.” ก็ต้องขายหุ้นทั้งหมด ให้กับ “บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ จำกัด” ของนาย “ธนินท์ เจียรวนนท์” เจ้าสัวเครือ “ซีพี” เรื่องเคเบิ้ลทีวีของ “ท” จึงปิดฉากลง

แต่เรื่องเคเบิ้ลทีวี “ไอบีซี” ในอดีต ระหว่าง “ท” กับ “วิลเลียม” ไม่ได้จบแบบ “แฮปปี้เอ็นดิ้ง”นะ! เพราะมีการฟ้องร้องถึงศาลหลายคดี จนเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2547 เวลา 17.30 น. “วิลเลียม” ได้ไปร้องขอความเป็นธรรมต่อ “ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ” รักษาการ ส.ว.นครราชสีมา อดีตประธานกรรมาธิการต่างประเทศ วุฒิสภา และนายแพทย์ “นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ” รักษาการณ์ ส.ว.อุบลราชธานี กรณีที่ศาลอาญาประทับรับฟ้อง กรณี “ท” แจ้งความเท็จ กล่าวหา “วิลเลียม” ยักยอกทรัพย์

ในการแถลงข่าว นาย “วิลเลียม ไลล์ มอนซัน” หุ้นส่วนธุรกิจเคเบิ้ลทีวี “ไอบีซี” ได้นำนาย “ประมุท สูตะบุตร” อดีต “ผอ.อสมท.” มาร่วมแถลงข่าวด้วย ในฐานะเป็นผู้แนะนำให้ “ท” กับ “วิลเลียม” รู้จักกัน
เรื่องมาแดงตรงที่ “วิลเลียม ”เผยว่า ได้ร่วมลงทุนกับ “ท” ทำ “ไอบีซี” ตั้งแต่ปี 2530 โดย “วิลเลียม” เป็นคนสั่งซื้อและนำเข้าอุปกรณ์ต่างๆ ในขณะที่ “” ทำหน้าที่ประสานงาน และขอสัมปทานตามกฎหมายไทย
เมื่อยังไม่มีกฎหมายธุรกิจเคเบิ้ลทีวี “ท” ได้ตกลงจะขายอุปกรณ์ทั้งหมดของ บ.วีดีโอลิงค์ ให้กับ “วิลเลียม” ที่ทำธุรกิจส่งเทปรายการ ซีเอ็นเอ็น ให้ตามโรงแรม ระหว่างรอใบอนุญาตจากรัฐบาลไทย ในห้วงเวลานั้น “” กับ “วิลเลียม” ได้มีการเปิดบัญชีร่วมกันหลายบัญชีด้วย

ต่อมา “ท” ขอธุรกิจเป็นของตัวเอง และให้ “วิลเลียม” เป็นแค่ผู้ส่งอุปกรณ์ให้ กับเปลี่ยนสถานะจาก “หุ้นส่วน” เป็น “ลูกจ้าง” ครั้น “วิลเลียม” ปฏิเสธ “ท” ก็แจ้งตำรวจบุกค้นและยึดอุปกรณ์ต่างๆ ไป พร้อมทั้งฟ้อง “วิลเลียม” ต่อศาลอาญา!

ยุคนั้น “วิลเลียม” กับ “ท” ฟ้องร้องกันถึง 4 คดี เป็นคดีอาญา 2 คดี คดีแพ่ง 2 คดี ถึงขนาด “ทูตสหรัฐฯ” ลงมาติดตามเรื่องนี้ด้วยตัวเอง..

25 มีนาคม 2547 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น-ให้ยกฟ้อง “วิลเลียม” จึงยื่นคำพิพากษาดังกล่าวต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2547 เพื่อดำเนินการไต่สวนต่อไป โดยศาลจะไต่สวนครั้งแรกในวันที่ 19 มิถุนายน 2549

เรื่องเคเบิ้ลทีวี “ไอบีซี” เนี่ย.. “ว. โกง ท.” หรือ “ท. โกง ว.” ข้อยก็บ่ฮู้! แต่ต้องมีการโกงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน..จริงไหม?

ว่าแต่.. ทำไม “ท.”จึงมีแต่เรื่องคดโกงตลอดมา? ครั้นเมื่อมีอำนาจบริหารชาติ ก็ยังโกงชาติกับล้มเจ้าอีก..!
“อำนาจ-เงินทอง-ผลประโยชน์” ทำให้มี “คนเลว-คนโลภ-คนเห็นแก่ตัว” ทุกหย่อมหญ้า..มี “คนเลวที่เป็นข้าราชการ” ในแทบทุกกระทรวงทบวงกรม

ส่วน “คนเลวที่เป็นนักการเมือง” ก็ซื้อเสียงโกงเลือกตั้ง จนได้เป็น “สมาชิกสภาฯ” เมื่อสมาชิกสภาฯเป็นคนเลว เราจึงได้ “คนเลวเป็นประธานสภาฯ” อันทรงเกียรติ!

อืม.. “คนเลวที่เป็นรัฐมนตรี” และ “คนเลวที่เป็นนายกรัฐมนตรี” มักใช้อำนาจอธรรม ปล้นชาติจนเป็นภัยต่อความมั่นคง ของชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์-ประชาชน อย่างร้ายแรง ฯลฯ..

ชายคนแรก-“ท” มีอำนาจและใช้อำนาจอย่างอธรรม เพื่อโกงชาติไม่รู้จักพอเป็นหลัก

ต้องถามมหาเศรษฐีที่หนีไป “ต่างแดน” ก็จะรู้ว่า “คนชั่ว ท.” คือ “ใคร”..?


กำลังโหลดความคิดเห็น