xs
xsm
sm
md
lg

มนต์ขลังของทักษิณ ที่ยังครอบงำสังคมไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ


แม้จะถูกอัปเปหิออกจากการเมืองไปตั้งแต่หลังรัฐประหารปี 2549 แต่มนต์ขลังของทักษิณยังไม่เสื่อมคลาย เขาเป็นนักโทษหนีคดีที่ยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคม อย่างไม่ยี่หระต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ซ้ำยังมีอิทธิพลเหนือพรรคเพื่อไทย พรรคการเมืองตามกฎหมายที่เขาเป็นเจ้าของโดยพฤตินัย

วันนี้เขาออกมาพูดกับผู้คนในสังคมไทย โดยจัดรายการผ่านคลับเฮาส์ร่วมกับลิ่วล้อของเขาทุกสัปดาห์ในการวิพากษ์วิจารณ์สังคมไทยและการเมืองไทยอย่างมีอิสระ ซึ่งเป็นการสะท้อนความอ่อนแออำนาจรัฐไทยที่ให้นักโทษหนีคดี สามารถออกมาพูดคุยเย้ยหยันอย่างไม่ให้ค่าต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย

ทักษิณสร้างนายกรัฐมนตรีนอมินีของเขามาแล้วสามคนตั้งแต่สมัคร สุนทรเวช ที่มีบั้นปลายชีวิตที่ปวดร้าวและวันนี้ครอบครัวเมียและลูกต้องชดใช้กรรมที่เขาก่อขึ้นมาแทน รวมไปถึงน้องเขยของเขา สมชาย วงศ์สวัสดิ์ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว และเป้าหมายต่อไปของทักษิณคือการผลักดันลูกสาวคนเล็ก อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ให้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะมีโครงสร้างอย่างไร และมีกฎเกณฑ์อย่างไรของกกต.ในการควบคุมพรรคการเมือง แต่ถ้าทักษิณต้องการส่งลูกสาวของเขามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สิ่งนี้ก็จะถูกเนรมิตให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ได้อย่างไม่มีบิดพลิ้ว เป็นสิ่งที่นอกเหนือคำว่า ประชาธิปไตย ที่คนในพรรคพยายามเรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย

และคนไทยจำนวนไม่น้อยยังคงคลั่งไคล้ในตัวทักษิณ เพราะทักษิณเคยหยิบยื่นผลประโยชน์ให้ในระหว่างที่มีอำนาจ และคนส่วนหนึ่งเรียกมันว่า ประชาธิปไตยที่กินได้ ไม่มีใครสนใจว่า ทักษิณจะแสวงหาประโยชน์จากอำนาจ แต่คนมักบอกว่า แม้ว่าทักษิณจะทุจริตแต่ชาวบ้านก็ได้ประโยชน์ด้วย

การทุจริตของทักษิณจากการใช้อำนาจเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจของตัวเองไม่ใช่ข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้เคยมีพิพากษาให้ยึดทรัพย์สิน จำนวน 46,373 ล้านบาท ของ ทักษิณและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตกเป็นของแผ่นดิน โดยศาลได้จารนัยให้เห็นถึงพฤติกรรมต่างๆอย่างละเอียดว่ามีการใช้อำนาจแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ หรือใช้อำนาจสั่งการเพื่อแสวงหาประโยชน์ให้ธุรกิจของตัวเองอย่างไร

คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา 9 คน มีคำพิพากษาด้วยมติเสียงข้างมาก ให้ยึดทรัพย์อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ที่ได้จากการขายหุ้นและเงินปันผล ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยไม่สมควร สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ ตกเป็นของแผ่นดิน โดยให้ยึดเฉพาะเงินค่าขายหุ้น (ซุกหุ้น) ของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ส่วนที่เพิ่มขึ้น หลังจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเงินปันผล เป็นเงิน 46,373 ล้านบาท จากจำนวน 76,261.6 ล้านบาท และคืนส่วนที่เหลือ 30,247 ล้านบาท เพราะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เงินที่มีอยู่แต่เดิม

คำพิพากษาครั้งนั้นมีที่มาจากการใช้อำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีโดยมิชอบ เพื่อเอื้อประโยชน์ธุรกิจครอบครัว รวม 5 กรณี คือ

1. ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้บริษัท เอไอเอส หลังแปลงสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต ทำให้รัฐเสียหายกว่า 60,000 ล้านบาท

2. ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้บริษัท เอไอเอส หลังปรับลดส่วนแบ่งค่าสัมปทานโทรศัพท์ระบบเติมเงิน

3. ได้รับประโยชน์จากการแก้สัญญาให้รัฐร่วมรับผิดชอบค่าใช้เครือข่ายร่วมกับเอไอเอส ทำให้ องค์การโทรศัพท์ (ทศท.) และ การสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) ได้รับความเสียหาย

4. การสนับสนุนธุรกิจดาวเทียมไอพีสตาร์ เอื้อประโยชน์บริษัท ชินคอร์ปฯ และไทยคม

5. สั่งให้เอ็กซิมแบงก์อนุมัติเงินกู้ให้พม่า 4,000 ล้านบาท เอื้อประโยชน์บริษัทไทยคม และชินคอร์ปฯ

นี่คือ ตัวอย่างการใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลที่มีรูปธรรมที่เด่นชัด อย่างที่ทักษิณไม่มีวันปฏิเสธได้ว่าเขาถูกกลั่นแกล้งใส่ร้าย

แต่พฤติกรรมเหล่านี้ก็ไม่เคยถ่ายทอดออกไปสู่สาธารณชนในวงกว้าง มีแต่พูดลอยๆว่า ศาลยึดเงินของทักษิณ และฝ่ายของทักษิณตอบโต้ว่า เขาถูกกระบวนการยุติธรรมแต่งตั้งจากคณะทหารที่เข้ามายึดอำนาจกลั่นแกล้ง ทั้งที่ถ้าไปอ่านที่ศาลฎีกาซึ่งได้แจกแจงออกมาไม่มีสิ่งไหนที่ทักษิณจะมาปฏิเสธได้เลยว่าไม่เป็นความจริง

แต่ทักษิณและพวกก็ประสบความสำเร็จในการปลุกเรื่องไพร่กับอำมาตย์ อำนาจเก่ากับอำนาจใหม่ เขาและพรรคพวกเล่านิทานให้คนที่ศรัทธาฟังว่า ทักษิณถูกพวกอำมาตย์ อำนาจเก่ากลั่นแกล้ง เพราะอิจฉาทักษิณทำให้คนส่วนใหญ่รัก คนจำนวนมากหลงเชื่อ เพราะการไปอ่านคำพิพากษาของศาลนั้นมันยากเกินไป และฝ่ายที่กุมอำนาจรัฐก็ไม่มีใครออกมาอธิบายกับประชาชน

มิหนำซ้ำตอนที่ทักษิณหมดจากอำนาจไปใหม่ๆ ไม่เพียงแต่ไม่อธิบายเหตุผลที่แท้จริงต่อประชาชนแล้ว ตอนนั้นรัฐบาลในขณะนั้นพยายามประนีประนอมกับทักษิณด้วยซ้ำไป เพราะคิดว่าทักษิณคงจะเหมือนคนอื่น คือเมื่อถูกยึดอำนาจแล้วก็ยอมจำนน แต่ทักษิณไม่ยอมจนประสบความสำเร็จในการปลุกปั่นคนเสื้อแดงให้ขึ้นมาต่อสู้กับรัฐบาล

ทุกรัฐบาลคิดเพียงแต่ว่า กำจัดทักษิณให้พ้นจากอำนาจก็พอ ส่วนทักษิณจะไปอยู่ที่ไหนก็ไม่สนใจ แต่สุดท้ายก็ต้องเจอกับอิทธิฤทธิ์ของทักษิณที่สู้ไม่ถอยและไม่ยอมจำนน

ตอนที่ปลุกคนเสื้อแดงออกมาเมื่อปี 2553 ก่อนจะจบลงด้วยโศกนาฏกรรมและการเผาเมือง ตอนนั้นทักษิณก็หวังว่าเขาจะชนะแล้ว หลังการเจรจากับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตอนนั้นอภิสิทธิ์รับเงื่อนไขแล้วว่าจะยุบสภา แลกกับม็อบยุติการชุมนุม แต่มีการสั่งการให้ไม่รับเงื่อนไข เรื่องนี้ถามจากวีระกานต์ มุสิกพงษ์ ที่เคยเล่าว่ามีคนโทรศัพท์มาไม่ให้ถอย หรือถามจากวิสา คัญทัพก็ได้ วิสาเคยเขียนบันทึกก่อนจะถอยจากเวทีราชประสงค์ว่า มีคนสั่งให้ไม่รับเงื่อนไข วิสาใช้คำว่าเขา “ต้องการชัยชนะที่มากกว่านั้น” แม้วิสาจะไม่เอ่ยชื่อว่าใคร ก็เดาไม่ยากว่าทักษิณนั่นแหละ

ตอนนั้นมีการโจมตีด้วยวาทกรรมไพร่กับอำมาตย์อย่างรุนแรง ไม่ต้องสงสัยว่า พวกเขาสื่อถึงใครคือ อำมาตย์ แต่ไม่ใช่อภิสิทธิ์ที่เป็นนายกรัฐมนตรีในตอนนั้นแน่ “ชัยชนะที่มากกว่านั้น”ของพวกเขาน่าจะหมายถึงการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างหรือระบอบเลยทีเดียว

เมื่อทักษิณจากไปแล้วเขาจึงยังสามารถสร้างรัฐบาลหุ่นเชิดได้ แม้กระทั่งผลักดันคนในครอบครัวขึ้นมามีอำนาจ อย่างที่เราเห็นเขาส่งน้องสาวยิ่งลักษณ์มาเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ไม่ประสีประสาและไม่มีความรู้ความสามารถเลย เพราะเขาสั่งการแทนอยู่ข้างหลัง

ต้องยอมรับว่า ทักษิณประสบความสำเร็จมาก ที่ทำให้คนเชื่อว่าเขาถูกกระทำกลั่นแกล้งรังแก จนมีคนเชื่ออย่างนั้นมากกว่าคนที่เชื่อว่าเขาทุจริตและฉ้อฉล จะไม่ให้มีคนเชื่อได้อย่างไรวันนี้ทักษิณยังคงออกมาลอยหน้าลอยตาพูดกับคนในสังคมไทยท้าทายกระบวนการยุติธรรมของไทย คนส่วนหนึ่งก็บอกว่า ถ้าทักษิณทำผิดทำไมเขายังไปไหนมาไหนได้นอกจากประเทศไทยเท่านั้น

วันนี้ทักษิณกำลังปลุกมวลชนเสื้อแดงขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อสร้างบันไดฝันให้ลูกสาวของเขาก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ เพื่อเขาจะได้ชักใยกำกับอยู่เบื้องหลัง เหมือนกับยังมีอำนาจเสียเอง เส้นทางที่ทักษิณปูให้ลูกสาวดูเหมือนจะไม่ไกลเกินฝันและราบเรียบปราศจากอุปสรรค ท่ามกลางความเบื่อหน่ายของประชาชนส่วนหนึ่งต่อรัฐบาล 3 ป.ที่ปกครองประเทศมาแล้ว 8 ปีกำลังจะย่างขึ้นปีที่ 9

วันนี้เราตอบได้ไหมว่าทักษิณที่คือนักโทษหนีคดีหนีคำพิพากษาหนีโทษจำคุก ทำไมจึงยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้ และยังมีอิทธิพลในทางการเมืองไทย และกำลังสถาปนาอำนาจใหม่ให้กับตระกูลชินวัตรในการสืบสายเลือดทางการเมืองผ่านกลไกการเลือกตั้งขึ้นมาปกครองประเทศ ทำไมมีคนจำนวนมากยังคงภักดีและศรัทธาในตัวทักษิณทั้งที่เขาโกงประเทศแสวงหาประโยชน์ส่วนตัวและใช้อำนาจอย่างฉ้อฉล

หรือว่าเรื่องที่กล่าวหาทักษิณเป็นเรื่องที่ไม่จริงเหมือนที่เขาและพรรคพวกบอกกับมวลชนที่ศรัทธา

ปัญหาที่ชัดเจนเลยที่ทำให้อำนาจและศรัทธาของทักษิณต่อคนไทยจำนวนมากไม่อาจลบหายไปได้คือ ไม่มีใครที่คิดจะจัดการกับทักษิณจริงๆ ไม่ใช่การจัดการที่ไปกลั่นแกล้งใส่ร้ายทักษิณให้คนเกลียดชัง แต่คือ การไม่อธิบายในสิ่งที่ทักษิณทำกับสังคมไทยและการใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลของเขาในระหว่างที่มีอำนาจ

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น