xs
xsm
sm
md
lg

อเมริกา-ตะวันตก...กับความ“ล่มสลาย”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท



ปิดฉากสัปดาห์นี้...คงหนีไม่พ้นต้องแวะไปดูแถวๆ เกาะผู้ดีอังกฤษเขาไว้มั่งแหละทั่น!!! คืออย่างน้อยก็อาจพอช่วยให้เกิดความสบายอก-สบายใจ ติดปลายนวมไว้บ้างเล็กๆ-น้อยๆ เพราะการได้มีโอกาสแอ่นระแน้อยู่ภายในประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ที่อย่างมาก...แค่ต้องเจอกับการต่อต้าน การสไตรค์ ของพวก “เด็กสร้างบ้าน” หรือพวกเด็กแว้น เด็กเวร ประเภทม็อบทะลุฟ้า ทะลุแก๊ส แต่ละช่วง แต่ละระยะกันไปตามสภาพ ต่างไปจากเกาะอังกฤษทุกวันนี้ ที่ไปๆ-มาๆ หนีไม่พ้นต้องเจอบรรดาพวก “ผู้ดี” ชนิดไม่ว่าหัวล้าน-ไม่หัวล้านก็ตามที แต่พร้อมอก-พร้อมใจก่อการสไตรค์ต่อต้านรัฐบาล นับเป็นหมื่นๆ แสนๆ เล่นเอาระบบขนส่งทางรถไฟเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ไม่น้อยไปกว่าครึ่งประเทศเอาเลยก็ว่าได้...

คืออย่างที่พอทราบๆ กันไปแล้วนั่นแหละว่า...ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนาฯ 23 มิถุนาฯ และ 25 มิถุนาฯ สหภาพการขนส่งอังกฤษหรือ “RMT” (Britain’s Specialist Transport Union) ที่มีลูกจ้าง พนักงาน อยู่ในเครือข่ายบริษัทเดินรถถึง 13 บริษัท หรือกว่า 40,000 คน เขาได้ตัดสินใจผละงาน พักงาน ไม่คิดจะให้บริการสาธารณชนตามปกติอีกต่อไป ด้วยเหตุเพราะการเจรจาต่อรองกับรัฐบาลเพื่อให้ขึ้นค่าจ้าง เพิ่มรายได้ ไม่อาจหาข้อยุติลงตัวกันได้ง่ายๆ การผละงาน การสไตรค์ จึงถูกงัดมาใช้เป็นเงื่อนไข-ข้ออ้าง ส่งผลให้ชาวผู้ดีรายอื่นๆ ที่ไม่รู้อีโหน่-อีเหน่อะไรด้วย เลยพลอยต้อง “ซวย” ไปด้วยอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ หรือทำให้สภาพชีวิตของบรรดาชาวอังกฤษในทุกวันนี้ น่าจะหนักหนาสาหัสกว่าบ้านเราไม่รู้จะกี่เท่าต่อกี่เท่า ยิ่งไม่มี “บุรุษผู้กล้ามใหญ่ที่สุดในปฐพี” โผล่ออกมาดื่มแสง ดูดแสง อย่างเป็นงาน-เป็นการและเป็นกระบวนการด้วยแล้ว ชีวิตชาวอังกฤษทุกวันนี้...น่าจะยิ่งว้าเหว่ แทบไม่เห็นแสงสว่างริบๆ หรี่ๆ ที่ปลายอุโมงค์ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...

เพราะนับตั้งแต่ต้องเจอกับการแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 มาเป็นปีๆ แล้วยังมาเจอกับ “ผลกระทบ” จาก “สงครามยูเครน” เข้าไปอีกดอก ส่งผลให้ “ภาวะเงินเฟ้อ” ในอังกฤษทุกวันนี้ เล่นเอาชาวผู้ดีทั้งหมด ทั้งมวล ต่างอ้วกแตก อ้วกแตน ตามกันไปเป็นแถบๆ ถ้าว่ากันตามตัวเลข “CPI” หรือ “The Consumer Prices Index” นับจากเดือนมีนาคมเป็นต้นมา ตัวเลขเงินเฟ้อก็ปาเข้าไปถึง 7 เปอร์เซ็นต์เข้าไปแล้ว พอมาเดือนเมษาฯ พุ่งขึ้นไปอีกเป็น 9 เปอร์เซ็นต์ จนเมื่อถึงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก็ทะลุเลยไปถึง 10 เปอร์เซ็นต์ โดยคาดๆ กันว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หรือตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงเป็นต้นไป ตัวเลขเงินเฟ้ออังกฤษน่าจะไม่น้อยไปกว่า 11 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป อันจะส่งผลให้อะไรต่อมิอะไรที่ไม่ว่าแดง-ไม่แดงก็เถอะ มีแต่ “แพง...กับ...แพง” ไปด้วยกันทั้งสิ้น ค่าแก๊ส-ค่าไฟฟ้าในทุกวันนี้เพิ่มขึ้นไปกว่าปีที่แล้วถึง 53.5 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นไปกว่าปีที่แล้วถึง 95.5 เปอร์เซ็นต์ หรือถ้าคิดเติมน้ำมันรถยนต์ให้เต็มถัง อาจต้องควักเงินนับเป็นร้อยๆ ปอนด์อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ จนบางรายต้องคิดแล้ว-คิดอีกว่าจะเลือกกินข้าว หรือจะเลือกให้รถยนต์ซดน้ำมันกันแทนที่ ชนิดถ้าว่ากันตามผลสำรวจวิจัยของ “Sky News Poll” ต้องเรียกว่า...วิถีชีวิตชาวอังกฤษกำลังเปลี่ยนจาก “หน้ามือ” เป็น “หลังตีน” ไปเป็นรายๆ แม้ว่ารัฐบาลท่านพยายามจะอุดหนุนจุนเจือกันเพียงไรก็ตาม แต่อย่างที่หัวหน้าผู้บริหาร “Mental Health Concern Charity” “นายAdam Crampsie” ท่านออกมาพูดดังๆ ว่า “ประชาชนกำลังจะตาย!!!” อะไรทำนองนั้น หรือดังที่ “นายSteve Hedley” ผู้ช่วยอาวุโสเลขาธิการทั่วไปสหภาพขนส่ง “RMT” ท่านสรุปเอาไว้ก่อนตัดสินใจลงมือสไตรค์นั่นแหละว่า... “ประชาชน...ไม่มีทางเลือก!!! เพราะราคาแก๊ส ไฟฟ้า อาหาร ฯลฯ ได้พุ่งทะลุหลังคาไปแล้ว ประชาชนต้องการรายได้เพิ่ม แต่เมื่อรัฐบาลไม่ยอมให้ เราจึงไม่มีหนทางอื่นใดนอกไปจากการสไตรค์”....

ส่วนเหตุที่รัฐบาลอังกฤษท่านไม่คิดจะตอบสนองความปรารถนาและต้องการของผู้คนแบบตรงไป-ตรงมา อาจด้วยเหตุเพราะการเพิ่มค่าจ้าง เพิ่มรายได้ แบบดื้อๆทื่อๆ นั้น มีสิทธิส่งผลให้เกิดภาวะที่เรียกขานกันในนาม “Wage Price-Spiral” หรือภาวะที่การปรับค่าจ้าง ปรับรายได้ นำไปสู่การปรับราคาสินค้าให้สูงโด่เด่ขึ้นไปเรื่อยๆอย่างมิมีวันรู้จบ เหมือนอย่างที่เคยเกิดในเกาะอังกฤษเมื่อช่วงยุค 1970 หรือต้นปี ค.ศ. 1980 ที่ครั้งนั้นว่ากันว่า...ถึงกับทำให้ภาวะเงินเฟ้ออังกฤษพุ่งขึ้นไปถึง 29.5 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น แต่ก็นั่นแหละ...การที่ประเทศผู้ช่วยนายอำเภออย่างอังกฤษ ที่เคยถึงกับถูกเรียกขานกันในนาม “สุนัขพูเดิลของอเมริกา” ยังคงกระเหี้ยนกระหือรือที่จะ “แซงชั่นรัสเซีย” อย่างไม่คิดหน้า-คิดหลัง หรือยังพร้อมที่จะ “ควักปืนออกมายิงหัวแม่เท้าตัวเอง” อย่างที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย คุณ “Maria Zakharova” เธอว่าไว้ อันส่งผลให้ “ราคาพลังงาน” สูงโด่เด่และกลายเป็นตัวฉุดกระชากลากถูราคาสินค้าอื่นๆ ให้แพง...แสน...แพง ตามไปด้วย มันจึงกลายเป็นสิ่งที่ “รัฐบาล” มิอาจปฏิเสธความรับผิด-รับชอบ ต่อปรากฏการณ์ดังกล่าวได้เลยแม้แต่น้อย...

และปรากฏการณ์ทำนองนี้นี่แหละ...ที่มันชักทำท่าว่าจะ “ลุกลาม” ไปทั่วทั้งยุโรป หรือแม้แต่นักยุแยงตะแคงรั่ว อย่างคุณพ่ออเมริกาก็เถอะ ว่ากันว่า...สหภาพแรงงานใหญ่ๆ อีก 2 แห่งของอังกฤษ คือ “NEU” (The National Education Union) ที่มีสมาชิกถึง 450,000 คน และบรรดาพนักงานลูกจ้างของ “NHS” (National Health Service) ก็กำลังทำท่าว่าเตรียมจะลุกฮือ เตรียมจะก่อการสไตรค์ ไม่ต่างไปจากสหภาพการขนส่งในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า ด้วยเหตุเพราะ “ประชาชน...ไม่มีทางเลือก” อีกเช่นกัน ไม่ต่างไปจากผู้คนในเมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม อันเป็นที่ตั้งของกองบัญชาการ “NATO” และ “EU” แท้ๆ ที่ผู้คนถึง 70,000-80,000 คน ได้แห่กันมา “ลงถนน” ชูป้าย “ไม่เอา...นาโต” ไม่เห็นด้วยการสนับสนุนยูเครนให้ทำสงครามกับรัสเซีย จนเดือดร้อนกันไปทั่วทั้งยุโรป หรืออาจจะทั่วทั้งโลกไปแล้วในทุกวันนี้...

แน่ล่ะว่า...ถ้าหากปรากฏการณ์ดังกล่าว มันเกิดแผ่ขยาย ลุกลาม แบบเดียวกับการแพร่ขยายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขึ้นมาแล้วล่ะก็ ไม่ใช่แค่เฉพาะอังกฤษ หรือเบลเยียมเท่านั้น แต่กระทั่ง “EU ทั้ง EU” อาจเจอสภาพแบบที่อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย “นายDmitry Medvedev” แกออกมาโพสต์ ออกมาทำนาย เอาไว้ก่อนล่วงหน้าประมาณว่า เผลอๆ...EU ทั้ง EU อาจต้องแตกดังโพละ หรืออาจถูกลบหายไปจากแผนที่ เหมือนดังที่อดีตประเทศ “สภาพโซเวียต” เคยเจอมาก่อนหน้านี้ หรือก่อนที่จะเปิดรับประเทศ “ตัวแทนสงคราม” อย่างยูเครน เข้าเป็นสมาชิก EU เอาเลยก็ไม่แน่!!! เพราะว่าไปแล้ว...ก่อนที่จะเริ่มเกาะกลุ่ม ก่อการ ความแตกต่างในหมู่ประเทศ EU ด้วยกันเอง ก็ทำให้โครงสร้างของกลุ่มประเทศดังกล่าว ค่อนข้าง “เปราะบาง” มานานแล้ว ยิ่งเมื่อเจอกับ “ปัญหาหนี้สิน” ที่ทำให้บางประเทศหาทางออก ทางไป แทบไม่เจอ แม้จะทุ่มเงินนับล้านล้านยูโร หรือ 1.7 ล้านล้านยูโร (1.8 ล้านล้านดอลลาร์) ตามแผนการล่าสุดของ “ธนาคารกลางยุโรป” หรือ “ECB” ก็เถอะ แต่ถ้าว่ากันตามข้อสรุปของนักวิเคราะห์แห่งสำนักข่าวบลูมเบิร์กและรอยเตอร์ ต่างมองไม่เห็นความเป็นไปได้เอาเลยแม้แต่น้อย แล้วยิ่งต้องมาเจอกับ “ภาวะเงินเฟ้อ” ระดับใกล้ๆ เลข 2 หลัก ไปทั่วทั้งยุโรปด้วยแล้ว โอกาส “แตกดังโพละ” หรือไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี อย่างที่อดีตประธานาธิบดีรัสเซียทำนายเอาไว้ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย...

ส่วนนักยุแยงตะแคงรั่ว ที่พยายามชี้ชวน เชิญชวน ให้ใครต่อใครเล่นงานประเทศคู่แข่งอย่างรัสเซียและจีนให้หนักๆ เข้าไว้ อย่างคุณพ่ออเมริกา มาถึงทุกวันนี้...ต้องเรียกว่า แทบต้อง “นิมนต์พระ” มาสวดนำหน้าก่อนแบกขึ้นเมรุอย่างเห็นได้โดยชัดเจน ความพยายามฉุดกระชากลากถูราคาพลังงานอย่างน้ำมันให้กลับมาเป็นปกติ เพื่อไม่ให้ “ภาวะเงินเฟ้อ” มันไปไกลยิ่งไปกว่านี้ ไม่ว่าการไขก๊อกเอา “น้ำมันสำรอง” ออกมาขายทอดตลาด การหันไปจูบปาก “ศัตรูคู่กัด” อย่างเวเนซุเอลา ให้ช่วยขนน้ำมันออกมาขายให้เยอะๆ ไปจนกระทั่งการเตรียมตัวเดินทางไปง้องอน วิงวอน ร้องขอ ต่อผู้ที่ตัวเองเคยเรียกขานในนาม “คนชั้นต่ำ” หรือ “ผู้ที่สังคมรังเกียจ” (pariah) อย่างอภิมหาเศรษฐีน้ำมันซาอุฯ เจ้าชาย “MbS” (Mohammed bin Salman) ถึงประเทศซาอุฯ ในเดือนกรกฎาคมที่จะถึง ของผู้นำอเมริกาอย่าง “ผู้เฒ่าโจ ซึมเซา” และล่าสุด...ถึงขั้นเตรียมเจรจา “ลดภาษี” ให้กับ “สินค้าจีน” ตั้งแต่ยุค “สงครามการค้า” ของ “ทรัมป์บ้า” ที่เชื่อๆ กันว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อเมริกันชนต้องซื้อสินค้าในราคาแพง...แสน..แพงนับจากนั้นเป็นต้นมา ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่แหละ ที่น่าจะสะท้อนให้เห็นว่า แนวโน้มที่ “โลกยุคเก่า” ภายใต้การนำของผู้นำรายเก่าอย่างอเมริกาและชาติตะวันตก กำลังใกล้ถึงกาล “ล่มสลาย” ยิ่งมีความเป็นไปได้แจ่มแจ้ง ชัดเจน ยิ่งเข้าไปทุกที...


กำลังโหลดความคิดเห็น