ถ้าสดับฟังคอการเมืองถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าที่เชื่อว่าจะมีขึ้นอย่างเร็วต้นปีหน้า ซึ่งหมายความว่า รัฐบาลประยุทธ์จะอยู่ไปจนเกือบครบสมัยเป็นอย่างน้อย หลายคนถามกันว่า แลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยมีความเป็นไปได้ไหม ผมก็มักบอกว่าอาจจะเป็นไปได้นะ แต่ที่แน่ๆ พรรคเพื่อไทยจะได้รับเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 แน่
เพราะแม้แต่การเลือกตั้งครั้งที่แล้วภายใต้อำนาจของ คสช. พรรคเพื่อไทยที่เพลี่ยงพล้ำแตกพรรคแล้วถูกยุบไปพรรคหนึ่ง เหลือ ส.ส.ที่ส่งสมัครประมาณ 200 คนก็ยังได้รับการเลือกตั้งเขามาเป็นอันดับ 1 และครั้งนี้พรรคเพื่อไทยเรียกทุกคนกลับพรรคไปฟูลทีม พร้อมกับการเลือกตั้งแบบบัตรสองใบก็เชื่อได้ว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งแน่ๆ จะแลนด์สไลด์หรือไม่ก็คงต้องไปดูใกล้ๆ เลือกตั้งกว่านี้
เหตุผลหลักอีกอย่างหนึ่ง ครั้งหน้าทักษิณ เจ้าของพรรคในทางพฤตินัยจะต้องทุ่มสุดตัวก็คือ การส่งลูกสาวสุดรักของตัวเองอย่างอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ในวัย 36 ปีในปีหน้ามาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งนั่นหมายความว่าจะแพ้ไม่ได้ สิ่งที่คาดการณ์กันคือ อดีต ส.ส.ของพรรคหลายคนที่เคยแปรพักตร์ไปเพราะเหตุจำเป็นอาจจะกลับเข้าไปพรรคเพื่อไทยตามเสียงเรียกขานกลับสู่ครอบครัว
ตอนที่ผมไปอบรมหลักสูตรของ กกต.มีการเชิญ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐที่เคยอยู่พรรคเพื่อไทยมาบรรยาย ส.ส.ผู้นี้พูดถึงแต่คุณความดีของทักษิณ ผมเลยถามว่า แล้วทำไมถึงมาอยู่พรรคพลังประชารัฐ เขาบอกว่าจะไม่มาได้อย่างไรมีทหารไปเฝ้าหน้าบ้านทุกวัน
ที่สำคัญการเลือกตั้งครั้งหน้าไม่มีบรรยากาศกึ่งเผด็จการครอบงำ เพราะรังสีของ คสช.ไม่น่าจะเหลืออยู่อีกแล้ว และอยู่ในภาวะฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยกำลังฮึกเหิม ในขณะที่กระแสสังคมกำลังเบื่อหน่ายรัฐบาลชุดเก่าเพราะบริหารประเทศมาแล้วกว่า 9 ปี
ลองคิดดูว่าถ้าเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นการแข่งขันระหว่าง “พรุ่งนี้เพื่อไทย” อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร กับลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็นเหมือน “เมื่อวานนี้ของพรรคพลังประชารัฐ” เป็นคู่แข่งขันที่เปรียบเทียบกันเหมือนโลกอนาคตกับอดีตก็ว่าได้
แม้คนในสังคมจะแบ่งกันเป็นสองขั้วมายาวนานกว่าสิบปี และยากที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะสวิงโหวตในการเลือกตั้ง แต่แต้มต่อของพรรคที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยก็คือคนรุ่นใหม่ และคนกลางๆ ที่ไม่ยึดขั้วไหน แต่ต้องการเปลี่ยนแปลงเพราะอยู่กับรัฐบาลนี้มานานแล้ว มีความเบื่อหน่าย นั่นต่างหากที่จะเป็นตัวตัดสินชัยชนะที่สำคัญ
หากถามว่ามีปัจจัยที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ ส.ส.เข้ามาเป็นอันดับ 1 มั้ย ผมตอบเลยว่าไม่มี แม้หลายคนจะคาดหวังกับพรรคของเนวิน ชิดชอบ อย่างภูมิใจไทย ที่มีอาวุธเสบียงคลังมากจากการได้บริหารกระทรวงสำคัญอย่างคมนาคมและสาธารณสุข และพรรคภูมิใจไทยยังฝากเลี้ยงงูเห่าไว้ในพรรคเพื่อไทยจำนวนมาก แต่ผมคิดว่า ไม่น่าจะส่งผลกระทบอะไรกับพรรคเพื่อไทย เพราะในภาคอีสานนั้นพรรคเพื่อไทยขายแบรนด์ทักษิณมากกว่าผู้สมัครนั่นเอง
แล้วมีคนถามว่าพรรคภูมิใจไทยของเนวินจะร่วมรัฐบาลกับพรรคของทักษิณได้หรือไม่ เพราะมีข่าวว่าทักษิณประกาศว่าจะไม่เอาพรรคภูมิใจไทยร่วมรัฐบาลเด็ดขาด เพราะในอดีตเนวินกับพวกเคยเป็นงูเห่าในพรรคเพื่อไทยที่แยกตัวมาเลือกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีกับวลี “มันจบแล้วครับนาย”
แต่อย่าลืมว่าการเมืองไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร มีแต่ผลประโยชน์เท่านั้น เมื่อไม่นานมานี้มีคนไปถามทักษิณถึงความสัมพันธ์กับเนวิน ทักษิณบอกว่า “คุณเนวินมีคาแร็กเตอร์ของตัวเอง ก็รู้จักกัน แต่การเมืองก็ทำห่างเหิน” พร้อมกับร่ายยาวถึงเนวินตั้งแต่ตอนที่ลุงชัยผู้เป็นพ่อนำมาฝากจนกลายเป็นขุนพลคู่ใจที่สู้รบตบมือกับฝ่ายเสื้อเหลืองในอดีต และเนวินนี่แหละที่เป็นต้นตำนานของคนเสื้อแดง แต่ตัวเองเปลี่ยนมาเป็นเสื้อน้ำเงินในเวลาต่อมา
ยังไงเสียก็เชื่อว่า สุดท้ายแล้วไม่ว่าพรรคไหนก็อยากเป็นรัฐบาลมากกว่าฝ่ายค้านที่บรรหาร ศิลปอาชา ผู้ล่วงลับเคยบอกว่าเป็นฝ่ายค้านมันอดอยากปากแห้ง
มีคำถามอีกว่า ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้จับมือกันอย่างเหนียวแน่น เพื่อรวมกันรักษาเสียงข้างมากในสภาฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะมีความเป็นไปได้ที่จะสู้กับกระแสของพรรคเพื่อไทยได้ไหม ก็มีคำถามว่า พรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์จะยังสามารถรักษาที่นั่งเอาไว้ได้อย่างน้อยเท่าเดิมหรือไม่ ถ้าดู ณ เวลานี้ก็ต้องบอกว่ายากมาก
แม้ตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์จะมั่นใจที่ชนะในการเลือกตั้งซ่อมมาก แต่ดูแล้ว ณ เวลานี้ภาคใต้สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่ของตายอีกแล้ว กว่าจะชนะแต่ละเขตก็หืดขึ้นคอ เพราะคนใต้รุ่นใหม่ไม่ได้ยึดติดกับพรรคประชาธิปัตย์เหมือนคนรุ่นเก่า
ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วที่พรรคเพื่อไทยได้มา 136 ที่นั่ง เป็นอันดับ 1 แต่ไม่ได้ฟอร์มรัฐบาล เพราะตอนนั้นมีกระแสกดดันให้พรรคร่วมรัฐบาลจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะ 250 ส.ว.มั่นหมายเอาไว้แล้วว่าจะยกมือให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นหวยล็อกที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงและฝ่าฝืนไปจากนั้นได้
ถ้าพรรคเพื่อไทยจะฝ่ากระแส ส.ว.ก็ต้องรวบรวมเสียงในสภาผู้แทนให้ได้ถึง 376 เสียงซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย สุดท้ายก็ไหลมารวมกับพรรคพลังประชารัฐให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และทำให้พล.อ.ประยุทธ์พูดว่า เขาตั้งรัฐบาลได้เพราะมีเสียง ส.ส.เกิน 250 คนไม่ใช่ได้เป็นเพราะเสียง 250 ส.ว.
ในการเลือกตั้งครั้งหน้า แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่สามารถแลนด์สไลด์ได้เสียงพรรคเดียวเกินกึ่งหนึ่งอย่างที่คุยโม้อยู่ตอนนี้ แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยได้สัก 200 ที่นั่ง ก็จะเป็นแรงกดดันมากพอที่จะได้เป็นแกนนำรัฐบาล เมื่อรวมกับเสียงพรรคก้าวไกลอีกจำนวนหนึ่ง เพราะเสียง 250 ส.ว.ที่ยังมีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีอยู่ก็คงไม่กล้าฝืนกระแสสังคม ซึ่งผมเชื่อว่า จะเป็นแรงกดดันให้พรรคร่วมรัฐบาลอื่นเข้ามาร่วมกับพรรคเพื่อไทย
แต่สุดท้ายพรรคเพื่อไทยจะไม่เอาพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล ผมอาจจะทายผิดก็ได้แต่รอดูผลในอนาคต เหตุผลเพราะพรรคก้าวไกลเป็นอันตรายต่อสถาบันหลักของชาติมากจนเกินไป และที่สำคัญเป้าหมายของทักษิณคือการได้กลับประเทศ เขาน่าจะรู้ว่าไม่ควรขัดแย้งกับใคร
ถ้าถามต่อว่า ประเทศไทยในมือทักษิณหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร ถ้าอุ๊งอิ๊งเป็นนายกรัฐมนตรี โดยประสบการณ์แล้วก็คงจะเป็นหุ่นเชิดของทักษิณผู้พ่อ ถึงวันนั้นอุ๊งอิ๊งจะมีชะตากรรมเดียวกับพ่อและอาไหม ผมคิดว่า ทักษิณน่าจะสรุปบทเรียนในอดีตได้ นอกจากว่า อดีตนั้นเป็นสันดานที่ฝังอยู่ในดีเอ็นเอจนไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าอย่างนั้นประวัติศาสตร์อาจจะซ้ำรอย
ถึงตอนนี้ก็ยังมองไม่ออกเลยว่าประเทศไทยจะหลุดรอดอุ้งมือของทักษิณได้อย่างไร
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan