xs
xsm
sm
md
lg

ฝีดาษลิง อย่าวางใจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



การระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่ส่อวี่แววว่าจะหายขาดจากโลกนี้ไปโดยเร็ววัน ปัจจุบันคนยังติดเชื้อทั่วโลกอย่างต่ำ 4-6 แสนกว่าคนทุกวัน รวมทั้งมีคนตายด้วย ช่วงนี้การระบาดหนักอยู่ที่เกาหลีเหนือและไต้หวัน ซึ่งยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้

ปรากฏว่ามีโรคระบาดใหม่คือฝีดาษลิงซึ่งมีแหล่งกำเนิดจากแอฟริกากลางและตะวันตก ซึ่งถือว่าเป็นโรคท้องถิ่นมีการระบาดทุกปีไม่ได้สร้างปัญหาในพื้นที่มากมายนัก แต่ครั้งนี้ได้ลามไปหลายประเทศในยุโรปสร้างความตื่นตระหนกได้ไม่น้อย

ประเทศที่มีการระบาดของฝีดาษลิงหรือไข้ทรพิษลิงมีสหรัฐอเมริกา แคนาดา อังกฤษ โปรตุเกส สเปน สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี ฝรั่งเศส ล่าสุดลามไปที่ออสเตรเลีย อิสราเอล และออสเตรีย ทั้งยังมีกรณีน่าสงสัยในประเทศที่มีการระบาดอยู่แล้ว

ประเทศในยุโรปอื่นๆ มีเนเธอร์แลนด์ เบลเยียม อิตาลี และสวีเดน ต่างก็มีการยืนยันการติดเชื้อ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของอังกฤษบอกว่ากำลังตรวจสอบจำนวนผู้ป่วยเป็นรายวัน และมีผู้ป่วยซึ่งติดเชื้อกับใครที่ไม่ได้เดินทางไปแอฟริกาตะวันตก

รวมประเทศในโลกที่มีรายงานการติดเชื้อของโรคฝีดาษลิงมี 15 ประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในยุโรปและทวีปอเมริกาเหนือ ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อในแอฟริกาไม่มีรายงานเพราะอาจจะถูกมองว่าเป็นโรคประจำถิ่นเกิดขึ้นทุกปี

แม้จะมีคำรับรองจากบรรดาองค์การแพทย์ต่างๆ ว่าโรคฝีดาษลิงยากในการแพร่กระจายเชื้อจากคนสู่คนก็ตาม การระบาดเกิดขึ้นทั้งที่กลุ่มที่เดินทางไปทวีปแอฟริกาหรือในยุโรปนั้นเท่ากับว่าแหล่งของการระบาดชัดเจนยังไม่สามารถกำหนดได้

ในอังกฤษมีการระบาดในกลุ่มชาวเกย์และชายรักชายเป็นส่วนใหญ่ และยังไม่มีรายงานผู้ป่วยเป็นหญิง ดังนั้นจึงมีข้อสงสัยเบื้องต้นว่าอาจจะเกิดจากกิจกรรมทางเพศระหว่างกลุ่มชายตามหลักฐานปรากฏอยู่

คำปลอบใจจากหน่วยงานแพทย์ว่าประชาชนไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไปนั้นไม่สามารถระงับความหวาดกลัวการระบาดเป็นวงกว้างได้ แม้อัตราการตายจะต่ำเพียง 1% ก็ตามเทียบกับไข้ทรพิษซึ่งสูงถึง 30% แต่ก็ยังไม่วายที่จะมีคำเตือนจากองค์การอนามัยโลกซึ่งเฝ้าติดตามสถานการณ์ด้วยความเป็นห่วง

อัตราการระบาดอย่างต่ำติดต่อกันโดยการสัมผัสกับผู้ป่วยและระบบลมหายใจเพราะเป็นเชื้อไวรัสยิ่งทำให้คนต้องระแวงถึงความเสี่ยงเพราะโลกนี้เมื่อเป็นแล้วสร้างความน่าเกลียดน่ากลัวในอาการเป็นตุ่มตามใบหน้ามือและลำตัวและอาจทิ้งแผลเป็น

ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรือยารักษาโรคฝีดาษลิง โดยเฉพาะนอกจากใช้วัคซีนไข้ทรพิษซึ่งวงการแพทย์มีความเห็นว่ามีประสิทธิภาพสูงถึง 85% ในการป้องกันและในกลุ่มผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนไข้ทรพิษในเยาว์วัยก่อนน่าจะมีภูมิคุ้มกันต้านทานได้

ช่วงนี้ทั่วโลกเริ่มเปิดให้เดินทางไปมาหาสู่กันตามปกติหลังจากการระบาดของ โควิด-19 เริ่มลดลงและหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการป้องกัน รวมทั้งไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย แต่นั่นเท่ากับมีความเสี่ยงเหมือนกัน เชื้อโรคฝีดาษลิงสามารถติดต่อผ่านลมหายใจได้เพราะเป็นเชื้อไวรัสเหมือนโควิด-19

สหรัฐฯ แสดงความกังวลชัดเจนหลังจากพบผู้ป่วยหนึ่งรายในรัฐแมสซาชูเซตส์ทำให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถึงกับกล่าวว่าผลพวงที่เกิดขึ้นนั้นน่ากังวล และทางการได้ระดมซื้อวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษไว้เพื่อควบคุมสถานการณ์แล้ว

นอกจากการระบาดในยุโรปแล้วสิ่งที่น่ากังวลก็คือประเทศอิสราเอลและออสเตรเลียก็มีผู้ป่วยด้วย เท่ากับว่ามีคนติดเชื้อข้ามทวีปและยอดรวมผู้ติดเชื้อมีเป็น 100 รายนอกเหนือจากผู้ที่เข้าข่ายว่ามีอาการของโรคฝีดาษลิง

ในทวีปเอเชียยังไม่ปรากฏตัวเลขผู้ติดเชื้อ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเขตปลอดหรือไร้ความเสี่ยง การสัญจรไปมาระหว่างประเทศมีมากขึ้น ดังนั้นความเสี่ยงย่อมมีมากด้วยเช่นกันหากเกิดการระบาดเป็นวงกว้างจะส่งผลซ้ำเติมโควิด-19

ส่วนผลกระทบด้านเศรษฐกิจถ้ามีการระบาดของโรคฝีดาษลิงเป็นวงกว้างย่อมต้องมีมากเช่นกัน การที่หน่วยงานอนามัยของโลกจะต้องรับกับโรคระบาดร้ายแรงสองประเภทพร้อมกัน เป็นมหันตภัยต่อมนุษยชาติทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ลำบากมาก

การระบาดของโรคฝีดาษลิงได้สร้างความประหลาดใจให้นักวิทยาศาสตร์และแพทย์ เพราะความรวดเร็วในการข้ามทวีปแม้ผู้ป่วยอาจจะหายได้ภายใน 2-3 สัปดาห์

และอังกฤษนั้นมีการระบาดในชุมชนเฉพาะซึ่งหากมีคนเดินทางไปทวีปแอฟริกาอาการโดยทั่วไปมีไข้ปวดศีรษะ มีอาการบวมปวดกล้ามเนื้อเมื่อยล้าเกิดอาคารเป็นผื่นคันและผิวหนังแตกพุพองเป็นตุ่ม ส่วนใหญ่เกิดที่ใบหน้า มือ และเท้า

องค์การอนามัยโลกแถลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า การระบาดในพื้นที่ซึ่งไม่ได้เป็นแหล่งกำเนิดของเชื้อโรคนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ แต่ตอนนี้มีความเป็นไปได้ว่าไวรัสอาจจะมีการกลายพันธุ์แต่ก็ยังต้องรอหลักฐานว่าเป็นเช่นนั้นจริง ที่พอสรุปได้ก็คือว่าเชื้อไวรัสฝีดาษลิงได้พบกับสภาพที่เหมาะกับการอยู่รอดและแพร่เชื้อ

เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกได้เตือนว่าการระบาดในยุโรปอาจจะเป็นไปได้ในช่วงฤดูร้อน ซึ่งคนเดินทางท่องเที่ยวจัดงานเลี้ยงสังสรรค์แล้วก็มีงานเทศกาลต่างๆ

ดังนั้นโลกกำลังเผชิญกับการระบาดของโรคติดต่อชนิดใหม่และต้องดูว่าหน่วยงานสาธารณสุขทั่วไปจะสามารถระงับหยุดยั้งการระบาดไม่ให้เป็นความน่าสะพรึงกลัว และเป็นภัยต่อมนุษยชาตินอกจากโรคโควิด-19 หรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น