xs
xsm
sm
md
lg

ระเบียบโลกใหม่กำลังจะปรากฏ???

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


ดมิตรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย
มาถึงขั้นนี้...คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า การ “แซงชั่นรัสเซีย”ของคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตก ในกรณีการบุกยูเครนตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาฯ ที่ผ่านมา กำลังก่อให้เกิดรายการย้อนศร หรือเกิด “ผลสะท้อนกลับ” ที่ไม่เพียงแต่ทำให้ฝ่ายที่พยายามรุมสหบาทา รุมเหยียบ รุมกระทืบผู้อื่น กลับกลายเป็นฝ่ายที่ยู่ยี่ ยับเยิน บาดเจ็บสาหัสกันไปมิใช่น้อย แต่กำลังทำให้โลกทั้งโลก หรือผู้ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ทั้งหลาย พลอยต้อง “ซวย” ไปด้วย อันเนื่องมาจากภาวะขาดแคลนพลังงาน วิกฤตอาหาร และภาวะเงินเฟ้อ ฯลฯ ที่อาจส่งผลให้ “เศรษฐกิจโลก” ถึงขั้น “ถดถอย”ในระยะยาวเอาเลยก็ไม่แน่!!!

หรืออย่างที่รองเอกอัครราชทูตจีนประจำสหประชาชาติ “นายDai Bing”ท่านได้กล่าวต่อที่ประชุมความมั่นคงสหประชาชาติเมื่อช่วงวันพฤหัสฯ (12 พ.ค.) ที่ผ่านมานั่นแหละว่า บรรดามาตรการแซงชั่นทั้งหลายของอเมริกาและพันธมิตรตะวันตกต่อรัสเซีย...“นอกจากไม่ได้ช่วยให้เกิดสันติภาพแต่อย่างใด ยังกลับก่อให้เกิดวิกฤตการณ์แผ่ซ่านไปทั่วทั้งโลก ไม่ว่าวิกฤตพลังงาน อาหาร ภาวะเงินเฟ้อ ฯลฯ มีแต่เพียงการเจรจาเท่านั้นที่เป็นทางออกที่ดีที่สุดและเป็นไปได้ที่จะยุติสงคราม ด้วยเหตุนี้...จีนจึงขอเรียกร้องประชาคมระหว่างประเทศทั้งหลาย ร่วมกันกดดันให้ทั้งสองฝ่ายกลับสู่โต๊ะเจรจาโดยเร็วที่สุด...”

จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ...สำหรับผู้ที่ไม่ได้มีสมองเอาไว้ทัดหู ก็ลองเก็บไปคิดเอาเองก็แล้วกัน แต่อย่างที่อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรีย “นางKarin Kneissl”เธอได้ออกมาให้ความคิด ความเห็น เอาไว้เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมานั่นแหละว่า “เศรษฐกิจรัสเซีย” นั้นเป็นส่วนหนึ่งและส่วนสำคัญของ “เศรษฐกิจโลก” อย่างมิอาจปฏิเสธได้โดยเด็ดขาด โดยเฉพาะบทบาทในการสนองตอบความต้องการสินค้าต่างๆ ที่ไม่เพียงแต่น้ำมันและแก๊สเท่านั้น แต่ยังมีแร่ธาตุสำคัญๆ ไม่ว่ายูเรเนียมและแร่ธาตุอื่นๆ อีกหลายต่อหลายอย่าง รวมทั้งผลผลิตด้านอาหารอีกด้วย ที่ล่าสุด...ผลการเก็บเกี่ยวของปีนี้สูงถึง 130 ล้านตันเป็นข้าวสาลีถึง 87 ล้านตัน ดังนั้น...ความพยายามแซงชั่นรัสเซีย หรือตัดขาดรัสเซียออกจากระบบเศรษฐกิจโลกของคุณพ่ออเมริกาและยุโรป จึงถือเป็น “การประเมินที่ผิดพลาดโดยสมบูรณ์”...

เพราะไม่เพียงแต่ความขาดแคลนสินค้าต่างๆ จากรัสเซีย กำลังทำให้ยุโรปทั้งยุโรปปั่นป่วนวุ่นวาย เพราะปัญหาพลังงาน จนต้องเกิดการ “เอาตัวรอด” ของประเทศยุโรปไม่น้อยกว่า 10 ประเทศที่ต้องยอมซื้อ-ขายน้ำมันและแก๊สด้วยเงินรูเบิล อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้เลย หรือเกิดรอยแตก รอยแยก ขึ้นมาในหมู่ชาวประชาคมยุโรปอย่างเห็นได้โดยชัดเจน แต่กระทั่งนักยุแยงตะแคงรั่ว หรือประธานสมาคมเสือกกิตติมศักดิ์ อย่างคุณพ่ออเมริกาเองก็เถอะ ภาวะความปั่นป่วนวุ่นวาย จากปัญหาราคาพลังงานที่พุ่งขึ้นเกินกว่า 100 ดอลลาร์บาร์เรลยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้ราคาน้ำมันที่จำหน่ายตามปั๊มต่างๆ ในอเมริกากว่า 60,000 แห่งทั่วประเทศ ตามตัวเลขสถิติที่หน่วยงาน “AAA” (American Automobile Association) เพิ่งระบุไว้เมื่อช่วงวันศุกร์ (13 พ.ค.) ที่ผ่านมา เห็นว่าปาเข้าไปถึง 4.432 ดอลลาร์ต่อแกลลอน (3.785 ลิตร) อันเป็นระดับราคาสูงสุดเท่าที่เคยมีมา หรือเฉพาะบางแห่ง บางพื้นที่ อย่างเช่นแคลิฟอร์เนีย ว่ากันว่าปาเข้าไปถึง 5.872 ดอลลาร์ต่อแกลลอน เอาเลยก็ยังมี...

และด้วยภาวะดังกล่าวนี่เอง...ที่มันยิ่งกลายเป็นตัวเร่งอัตราเงินเฟ้อ ให้ยิ่งพุ่งทะลุเพดาน ทะลุหลังคา ส่งผลให้ราคาสินค้าแทบทุกชนิดแพง...แสน...แพงตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นข้าว-ปลา-อาหาร ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ฯลฯ จนไม่ว่าจะเป็นชาวยุโรปหรืออเมริกันชนก็เถอะ ต่างหนีไม่พ้นต้องเจ็บปวดรวดร้าวไปด้วยกันทั้งสิ้น หรือทำให้ “ผลโพล” ล่าสุดขององค์กรอย่าง “Democracy Institute for Express”ถึงกับต้องสรุปแบบตรงไป-ตรงมาว่า ชาวอเมริกันจำนวนถึง 56 เปอร์เซ็นต์ ต่างเริ่มไม่พอใจนโยบายต่างประเทศของผู้นำตัวเอง โดยมีถึง 50 เปอร์เซ็นต์ที่ตัดสินใจจะไปเลือกพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลอย่างพรรครีพับลิกัน ในการเลือกตั้งกลางเทอมอีกไม่นานนับจากนี้ มีเพียงแค่ 42 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ที่ยังยอมเถลือกไถลไปกับพรรคเดโมแครต...

หรืออย่างที่ผู้อำนวยการองค์กรดังกล่าว “นายPatrick Basham”ได้พยายามให้คำอธิบายถึงอารมณ์-ความรู้สึกของบรรดาอเมริกันชนทั้งหลาย ที่คิดเห็นเป็นไปในแนวนี้ ว่าอาจด้วยเหตุเพราะช่วงแรกๆ ของการ “แซงชั่นรัสเซีย”ผู้นำอเมริกันอย่างประธานาธิบดี “โจ ไบเดน”ท่านอาจคุยโม้ คุยโต ไว้เยอะไปหน่อย เช่นบอกว่าการแซงชั่นของอเมริกาและพันธมิตรตะวันตกจะทำให้เศรษฐกิจรัสเซียหดหายไปชนิดครึ่งต่อครึ่ง จากประเทศที่เคยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 11 ของโลก แต่อาจต้องหล่นไปอยู่ที่อันดับ 20 ของโลกเป็นอย่างน้อย เพราะความร่วมมือ-ร่วมใจของอเมริกาและตะวันตก กำลังทำให้ “Ruble was immediately reduced to rubble”หรือเงินรูเบิลของรัสเซียกำลังกลายเป็นเศษอิฐ เศษปูน หรือเศษเหล็กไปในท้ายที่สุด...

แต่ยังไม่ทันขาดคำ หรือยังตดไม่หายเหม็น การตอบโต้การแซงชั่นด้วยการขายน้ำมันและแก๊สรัสเซียเป็นรูเบิล หรือด้วยอะไรก็แล้วแต่ ทำให้ทุกวันนี้ค่าเงินรูเบิลกลับ “แข็งค่า” ซะยิ่งกว่าช่วงที่ยังไม่ได้ถูกแซงชั่นไปซะอีกต่างหาก ดังนั้น...ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันแทบไม่ได้เป็นไปตามคำทำนายของผู้นำอเมริกันเอาเลยแม้แต่น้อย ความเชื่อมั่น เชื่อใจ ความไว้วางใจต่อ “ผู้เฒ่าโจ ซึมเซา” มันเลยต้องซึมๆ เซาๆ ไปด้วยประการละฉะนี้ หรือทำให้รัฐบาลอเมริกันอาจต้องกลายเป็น “เป็ดง่อย” หลังจากการเลือกตั้งกลางเทอม หรือกลายเป็นรัฐบาลที่มีเสียงข้างน้อยทั้งในสภาล่าง สภาสูง ไม่อาจผลักดันอะไรต่อมิอะไรได้ตามที่ปรารถนาและต้องการ หรือตามที่เคย “หาเสียง”เอาไว้ได้เลย...

การ “แซงชั่นรัสเซีย”ของคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตก ที่แทบไม่ต่างอะไรไปจากการ “ควักปืนออกมายิงหัวแม่เท้าตัวเอง” ถ้าว่ากันตามสำบัด-สำนวน ของของอดีตประธานาธิบดีและรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซียคนปัจจุบัน “นายดมิตรี เมดเวเดฟ” (Dmitry Medvedev) ที่ได้ออกมาโพสต์ ออกมาประเมินสถานการณ์ไว้เมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา จึงไม่เพียงแต่กลายเป็นตัวทำให้อเมริกาและพันธมิตรในยุโรป เกิดอาการตีนบวม เท้าบวม ต้องตะแคงตีนเดินกันไปเป็นประเทศๆ แต่ยังทำให้โลกทั้งโลกพลอยต้อง “ซวย” ไปด้วย หรือทำให้เกิดฉากสถานการณ์ดังที่อดีตประธานาธิบดีรายนี้ได้ไล่เรียงเอาไว้เป็นฉากๆ เช่น การทำลาย “ห่วงโซ่อุปทานของโลก” การก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบขนส่งสินค้าต่างๆ เป็นตัวก่อให้เกิดวิกฤตพลังงานหรือทำให้ราคาพลังงานในตลาดโลกสูงยิ่งขึ้นไปทุกที อีกทั้งยังเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดวิกฤตการเงิน-การคลังในแต่ละประเทศ อันเนื่องมาจากความไร้เสถียรภาพของสกุลเงินตราภายในประเทศ ที่จะถูกบ่อนทำลายได้โดยง่ายภายใต้ภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรง และไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สินส่วนบุคคล แต่ยังลุกลามไปสู่วิถีชีวิตของผู้คนในหลายรูป หลายแบบ แถมยังก่อให้เกิดวิกฤตอาหารที่อาจส่งผลให้เกิดความอดอยากในหลายต่อหลายประเทศ จนอาจนำไปสู่ความขัดแย้งในภูมิภาคที่จะระเบิดออกมาในพื้นที่ซึ่งมีความตึงเครียดและเป็นปัญหาที่ต้องใช้เวลาแก้ไขนับเป็นทศวรรษๆ ไปจนแม้แต่การก่อการร้ายที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นๆ เพราะการเบนเป้าหมายของอเมริกาและพันธมิตรตะวันตกมายังรัสเซีย แทนที่จะมุ่งไปสู่เป้าหมายเดิมๆ ฯลฯ...

ภายใต้ฉากสถานการณ์เช่นนี้นี่เอง...ที่อดีตประธานาธิบดีรัสเซียรายนี้ประเมินว่า ไปๆ-มาๆ แล้วการต่อต้านรัสเซียหรือการ “แซงชั่นรัสเซีย” กำลังจะกลายเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการ “จัดระเบียบโลกใหม่” ขึ้นมาในอีกไม่นาน-ไม่ช้า หรือหลังจากที่ผู้ซึ่งมีบทบาทในการแก้ปัญหาในหมู่ประชาคมระหว่างประเทศ ได้ถูกพิสูจน์แล้วว่าขาดประสิทธิภาพในการคลี่คลายปัญหาต่างๆ และต้องตกอยู่ในสภาพแห่ง “ความเสื่อม” ลงไปทุกที เมื่อนั้น... “พันธมิตรระหว่างประเทศกลุ่มใหม่จะเริ่มก่อรูป ก่อร่างบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ มากกว่าที่จะเป็นไปตามแนวคิดหรือหลักการของพวก Anglo-Saxon โดยการประดิษฐ์คิดค้นระบบความมั่นคงแบบใหม่ จะถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาท่ามกลางความอ่อนแอของโลกตะวันตกและท่ามกลางการพังทลายของโลกที่มีอเมริกาเป็นศูนย์กลาง และจะดำรงอยู่บนพื้นฐานแห่งความเคารพต่อผลประโยชน์ของแต่ละชาติ ด้วยการยอมรับในทางพฤตินัยในช่วงแรก จนนำไปสู่ความยอมรับในทางนิตินัยในท้ายที่สุด” นี่...จริง-ไม่จริง ก็ลองไปนั่งคิด-นอนคิดเอาเองก็แล้วกัน...




กำลังโหลดความคิดเห็น