คบสหรัฐฯ ได้หรือเสียมากกว่า?

"โสภณ องค์การณ์"

ท่านผู้นำห้าวเป้งได้เข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและผู้นำสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี รายละเอียดของวัตถุประสงค์เบื้องต้นที่เปิดเผยได้ ก็ได้รับการเปิดเผยให้ประชาชนได้รับทราบแล้ว ผ่านกระบอกเสียงของรัฐบาล


การประชุมร่วมกับผู้นำอาเซียนซึ่งมีฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเป็นผู้นำนั้นไม่น่ากังวล มีอะไรก็ว่ากันไปอย่างเปิดเผย มีคนรับรู้ว่าแผนของสหรัฐฯ กับอาเซียนนั้นจะเป็นอย่างไร แต่เรื่องที่คนอยากรู้คือการประชุมทวิภาคีระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ต่างหาก

ถ้าประชุมแล้ว ผลออกมา ผู้นำห้าวเป้งเปิดเผยทุกประเด็นให้คนไทยได้รับรู้ว่าไปเจรจาเรื่องอะไร มีข้อตกลงอะไรหรือไม่ โดยเฉพาะในเรื่องที่มีคนอยากรู้ว่าจะมีผลต่อเนื่องกับยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกที่สหรัฐกำลังผลักดันอย่างแรงในขณะนี้

คนที่ติดตามข่าวสารข้อมูลโดยถี่ถ้วนก็จะรู้ชัดว่ายุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกนั้นมีเป้าหมายคือการปิดล้อมอิทธิพลของจีน ซึ่งได้กลายเป็นคู่แข่ง และภัยคุกคามสหรัฐฯ

สหรัฐฯ ต้องการเป็นจ้าวโลกแต่เพียงผู้เดียว นี่ก็เป็นคำประกาศและเจตนาของสหรัฐฯ โดยตลอด ไม่ยอมให้ประเทศอะไรเข้ามาทาบชั้น ขอเป็นเบอร์ 1 ทุกด้านทั้งแสนยานุภาพด้านการทหาร การค้าระหว่างประเทศ ทำตัวเป็นผู้จัดระเบียบโลก

ขณะเดียวกันก็ตีสองหน้า อ้างว่าทุกประเทศมีสิทธิกำหนดชะตากรรมของตัวเอง แต่ในความเป็นจริง ถ้าใครท้าทายสหรัฐฯ เรื่องใด ต้องโดนเล่นงานอย่างสาหัส ดูตัวอย่างอิรัก โดนสหรัฐฯ บุก 2 ครั้งเพื่อคุมบ่อน้ำมัน ทำลายลิเบียที่ไม่ยอมก้มหัวให้

ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ ไม่เป็นมิตรแท้จริง หาเรื่องคนอื่น ล่าสุดนายโจ ไบเดนซึ่งล้มเหลวในการแก้ใขปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ เงินเฟ้อพุ่งสูง 8.3 เปอร์เซ็นต์ ชาวอเมริกันเดือดร้อนทั่วประเทศ แต่ไบเดนโทษผู้นำรัสเซียว่าเป็นต้นเหตุทั้งหมด

ทั้งที่จริงโจ ไบเดนเป็นหัวโจกของ 40 ประเทศ รุมกินโต๊ะรัสเซีย ล่าสุดอนุมัติเงินช่วยเหลือยูเครนอีก 4 หมื่นล้านดอลลาร์ เสริมจากที่เคยอัดฉีด 4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อเป้าหมายอย่างเดียวคือ ทำลายความแข็งแกร่งของรัสเซียให้อ่อนแอทุกด้าน

โจ ไบเดน นำนาโต้และประชาคมยุโรป ใช้มาตรการคว่ำบาตรรุนแรงเล่นงานรัสเซีย แต่เอาไม่อยู่ ผลที่ตามมาคือความเดือดร้อนของคนยุโรป คนอเมริกันเพราะปัญหาเงินเฟ้อ มี 9 ประเทศในกลุ่มอียูซึ่งมีอัตราเงินเฟ้อเกิน 10 เปอร์เซ็นต์

ความอยากเป็นจ้าวโลกของสหรัฐฯ จึงกำหนดยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกเพื่อปิดล้อมจีนซึ่งสหรัฐประกาศขึ้นป้ายว่าเป็นศัตรูและภัยคุกคามอันดับ 1 ทั้งๆ ที่จีนไม่เคยไปยุ่มย่ามกับสหรัฐฯ ในทวีปอเมริกา มีแต่โครงการ 1 แถบ 1 เส้นทางเข้าไปในยุโรป

ลำพังประเทศเดียวสหรัฐฯ ไม่กล้า ต้องหาพวก อย่างที่เล่นงานรัสเซียขณะนี้ หรือระดมพลกว่า 20 ประเทศเล่นงานอิรักจนย่อยยับ และระดมพวกเกือบ 10 ประเทศไปทำสงครามในอัฟกานิสถานนาน 20 ปี ไม่สามารถเอาชนะได้ ต้องลนลานหนีกลับ

สหรัฐฯ จะทำอะไรกับจีน เป็นเรื่องของสหรัฐฯ แต่ผู้นำห้าวเป้งดันเข้าไปร่วมในยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกด้วย ลงนามในข้อตกลงปี 2562 โดยไม่บอกกล่าวให้ประชาชนได้รับรู้ หรือได้ปรึกษาหน่วยงานด้านความมั่นคงรอบคอบหรือยัง

ผลของการเข้าร่วมในยุทธศาสตร์นี้เพื่อสหรัฐฯ เท่ากับลากไทยเข้าไปร่วมในแผนปิดล้อมจีน ประกาศสถานภาพว่าเป็นพวกสหรัฐฯ อยู่ตรงข้ามกับจีนนั่นเอง แถมยังจัดไทยให้เป็น “พันธมิตร” ร่วมกับออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลี ฟิลิปปินส์ ในภูมิภาคนี้

อีกกลุ่มซึ่งสหรัฐฯ จัดเป็น “หุ้นส่วน” สถานภาพรองลงมา คือ อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย มองโกเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ ไต้หวัน เวียดนาม และหมู่เกาะแปซิฟิก

ทั้ง 2 กลุ่ม อยู่ในคำประกาศยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกชัดเจน ประเทศไทยโชว์ตัวหรา ว่าเป็นระดับ “พันธมิตร” แล้วจะให้เข้าใจว่าอย่างไร ถ้าไม่ใช่จะร่วมเล่นงานจีน

แล้วจะให้จีนรู้สึกอย่างไร อยากซื้อทุเรียน มังคุด หรือสินค้าอื่นๆ อยากส่งคนจีนมาท่องเที่ยวไทยเป็นล้านๆ คน สร้างรายได้ให้ไทยอย่างที่เคยเป็นเช่นนั้นหรือ

คำว่า “นาโต 2” เป็นเรื่องที่จีนเปรียบเทียบกับประเทศอยู่ในกลุ่มยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ไม่ใช่ว่าใครจะนั่งจินตนาการเอาเอง หรือกินข้าวอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำ

นางลิซ ทรัซซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษยังอยากให้เป็น Global NATO หรือให้เป็น “นาโตทั้งโลก” และขยายครอบคลุมยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกด้วย อังกฤษทำตัวเป็นสมุนสหรัฐฯ ในนาโต แต่ไม่มีอะไรในประชาคมยุโรป หลังจาก Brexit

ไทยได้ถลำตัวไปแล้ว จะดิ้นหลุดก็ยาก ยิ่งผู้นำห้าวเป้งไปประชุมทวิภาคีกับรัฐมนตรีกลาโหม ลอยด์ ออสติน ด้วยแล้ว ก็จะยิ่งกว่าวัวพันหลัก เพราะรัฐมนตรีคนนี้แหละที่ไปประกาศในช่วงการเยือนยูเครนว่าจะต้องเล่นงานรัสเซียให้สิ้นสภาพ

อยากถามบรรดาติ่งลุง หรือพวกเชียร์รัฐบาลว่าเราจะได้อะไรจากการเข้าร่วมแผนปิดล้อมจีน ทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับจีน การที่จะได้นั้นคุ้มกับความเสียหายหรือไม่ เป็นสิ่งถูกต้องหรือไม่ที่สร้างศัตรูไกล้บ้าน แต่มิตรที่ไว้ใจไม่ได้ อยู่ห่างกันคนละทวีป

เจตนาชัดเจนของแผนนี้คือการปิดล้อมจีน ที่ผ่านมาสหรัฐฯ ก็ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรจีนด้านการค้า และส่งกองเรือมาเพ่นพ่านย่านนี้ตลอด สร้างเครือข่าย Aukus ร่วมกับอังกฤษเพื่อให้ออสเตรเลียมีเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ปิดล้อมจีน

การเข้าร่วมปิดล้อมจีน ไม่เข้าข่าย “ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน” เช่นนั้นหรือ

คนทั่วไปที่ไม่ติดตามข้อมูลข่าวสาร ก็คงไม่มีวันเข้าใจ ก็น่าเห็นใจเพราะมีวิกฤติเศรษฐกิจ ต้องดิ้นรนดูแลตัวเอง เอาตัวรอด แต่ถ้ารู้แล้วยังวางเฉย ไม่เปิดทางให้ชาวบ้านรับรู้ข่าวสาร ถ้าเกิดวิกฤติขึ้นมา ไทยเป็นเบี้ยเหมือนยูเครน จะว่าไง

ท่านห้าวเป้งและพวกไม่มีวันรับผิดชอบอะไรอยู่แล้ว พฤติกรรมก็รู้เห็นอยู่