xs
xsm
sm
md
lg

หมู่เกาะโซโลมอนกับ“สันติภาพ”ในแปซิฟิก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


สกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย
หายหน้าไปวัน-สองวัน...ก็ด้วยเหตุเพราะ “ความแก่-ความชรา” อีกแล้วนั่นแหละทั่น!!! แต่หลังจากได้ประกอบรวบรวมสังขารให้พอเข้าร่อง-เข้ารอย พอมีเรี่ยว มีแรง ขึ้นมามั่ง วันนี้...เลยคงต้องขออนุญาตชวนไปเปลี่ยนบรรยากาศจากการเทียวไปเทียวมาอยู่แถวๆ ยุโรปหรือยุโรปตะวันออก อันเนื่องมาจาก “วิกฤตยูเครน” ที่ยังคงไม่เรียบร้อย ไม่แล้วเสร็จ หาข้อยุติหาจุดลงตัวยังไม่เจอ มาเที่ยวชมชายหาด ชมทะเล เลียบๆ เคียงๆ ไปตาม “เกาะสวาท-หาดสวรรค์” แถวๆ ภูมิภาคแปซิฟิก อย่างเช่น “หมู่เกาะโซโลมอน” (Solomon Islands) กันสักเล็กๆ-น้อยๆ...

คือทั้งๆ ที่เรื่องร้อนๆ...ใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” อย่างเรื่องการบุกยูเครนของกองทัพรัสเซีย ด้วยเหตุเพราะไม่ต้องการให้พื้นที่ ดินแดน ที่เคยเป็นจักรวรรดิเดียวกันมาก่อนหน้านี้ หันไปซบอก ซบหว่างขา ของคุณพ่ออเมริกาและตะวันตก เตรียมคิดจะเข้านาโต เตรียมที่จะแปรสภาพตัวเองให้กลายเป็นฐานกำลังทางทหาร ชนิดสามารถขนจรวด ขนหัวรบ ชนิดต่างๆ มาติดตั้งไว้หน้าปากประตูบ้านรัสเซีย ได้ในอีกไม่นาน-ไม่ช้า ฝ่ายหมีขาวรัสเซียเขาเลยต้อง “Demilitarization” และ “Denazification” ควบคู่ไปด้วย แต่ด้วยเรื่องร้อนๆ ในทำนองเดียวกันนี้นี่แหละ เมื่อวัน-สองวันก่อน มันดันอุบัติขึ้นมาในประเทศเกาะสวาท-หาดสวรรค์ อย่างประเทศหมู่เกาะโซโลมอน ที่อยู่ห่างจากอ่าวด้านตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศผู้ช่วยนายอำเภอ อย่างออสเตรเลียไปประมาณ 2,000 กิโลเมตร...

โดยแม้ว่าจะเป็นไปในแบบพลิกด้าน สลับด้าน คือเกิดความเคลื่อนไหวที่ก่อให้เกิด “ความกลัว” ว่าประเทศพันธมิตรหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ของรัสเซีย อย่างคุณพี่พญามังกรจีน อาจมีโอกาสขนจรวด ขนหัวรบ หรือมีโอกาสเข้ามาจัดตั้ง “ฐานทัพทางทหาร” ไว้แถวๆ ปากประตูหน้าบ้านของออสเตรเลีย เลยทำให้ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่ออเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ ฯลฯ หรือบรรดาพันธมิตรที่พยายามร่วมมือกันต่อต้าน หน่วงรั้ง ประเทศจีนในย่านนี้ ออกอาการไม่น้อยไปกว่าหมีขาวรัสเซียเขานั่นแหละ คือออกอาการฉุนเต่า ฉุนขาด ถึงขั้นต้องออก “แถลงการณ์ร่วม” แสดงออกถึงจุดยืนในลักษณะเดียวกัน นั่นก็คือ...ไม่อยากที่จะเห็นจีนเข้ามายุ่มย่าม ยั้วเยี้ยอยู่แถวๆ นี้ หรือถ้าว่ากันตามคำพูด คำจา ของนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย “นายสกอตต์ มอร์ริสัน” (Scott Morrison) เมื่อช่วงวันอาทิตย์ (24 เม.ย.) ที่ผ่านมา ถึงขั้น... “เราไม่ต้องการที่จะเห็นทหารจีนเข้ามาเพ่นพ่านอยู่ในฐานทัพเรือภายในภูมิภาคที่เป็นเสมือนปากประตูบ้านของเรา...”

นี่...คือถ้าหากรัสเซียเขาเกิดความรู้สึกแบบเดียวกับตัวเองขึ้นมามั่ง หรือไม่อยากให้อเมริกาและนาโตเข้ามาเพ่นพ่านอยู่ในยุโรปตะวันออก ไม่ว่าในโปแลนด์ โรมาเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย ไปจนยูเครน ฯลฯ อันถือเป็นการขยายอำนาจ อิทธิพล เข้ามาจ่อแถวๆ ปากประตูบ้านของรัสเซีย อันนั้น...บรรดาประเทศตะวันตกและคุณพ่ออเมริกา ท่านถือว่าเป็น “สิทธิอันชอบธรรม” ของประเทศเหล่านั้น ที่จะเลือกซบอก ซบหว่างขา ใครต่อใครก็แล้วแต่ การขอร้อง วิงวอน คราวแล้ว คราวเล่า ให้อเมริกาและบรรดาประเทศตะวันตก หยุดยั้งนโยบายดังกล่าว หรือที่เรียกๆ กันว่า “Enlargement” จึงแทบเป็นไปไม่ได้เอาเลยแม้แต่น้อย แต่เพียงแค่มีข่าว ประเภทข่าวล่า-มาเรือ หรือ “ข่าวลือ” ว่าจีนอาจเข้ามาจัดสร้างฐานทัพทหารห่างไปจากปากประตูบ้านของประเทศพันธมิตรออสเตรเลียเกือบ 2,000 กิโลเมตรโน่นเลย บรรดาประเทศตะวันตกและคุณพ่ออเมริกาต่างออกอาการ “รับไม่ได้” ไปด้วยกันทั้งสิ้น หรือถือเป็นการ “ละเมิดเส้นตาย” (Red Line) อย่างที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลีย “นายPeter Dutton” ถึงขั้นต้องออกมาประกาศการเตรียมพร้อม เตรียมรบ เตรียมที่จะก่อสงคราม ด้วยเหตุว่า... “หนทางเดียวที่คุณจะสามารถรักษาสันติภาพเอาไว้ได้ ก็คือต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับสงคราม ต้องไม่ยอมคุกเข่าแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอ...” เอาเลยถึงขั้นนั้น...

คืออันที่จริง...บรรดาเกาะแก่งต่างๆ ที่ถูกชาวสเปนยุคก่อนๆ เรียกขานในนามหมู่เกาะโซโลมอนและกลายมาเป็นประเทศเอกราชเมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ก็มีเกาะหลักๆ อยู่แค่เพียง 6 เกาะเท่านั้นเอง นอกนั้นเป็นเกาะเล็กๆ ประมาณ 900 กว่าเกาะรวมพื้นที่บนบกแค่เพียง 28,400 ตารางกิโลเมตร หรือ 11,000 ตารางไมล์ มีประชากรอาศัยอยู่ในบรรดาเกาะเหล่านี้แค่ประมาณ 652,858 คน แต่ก็อย่างว่า...ด้วยเหตุเพราะสภาพที่ตั้ง หรือลักษณะทางภูมิยุทธศาสตร์ มันอาจมีความสำคัญอยู่ไม่น้อย เพราะเคยเป็นพื้นที่ที่กองทัพมหาอำนาจอเมริกาและคุณพี่ญี่ปุ่น ยุ่นปี่ ท่านเคยพยายามช่วงชิงความได้เปรียบ-เสียเปรียบทางทหาร ต่อพื้นที่อาณาบริเวณเหล่านี้ในยุค “สงครามโลกครั้งที่ 2” จนเกิดสมรภูมิการรบพุ่งที่ออกจะดุเดือดเลือดพล่าน หรือที่เรียกๆ กันว่า “สมรภูมิกัวดาลคาแนล” (Battle of Guadalcanal) อันเป็นชื่อของเกาะหลักที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเล็กๆ แห่งนี้ และเป็นที่ตั้งของเมืองหลวง “Honiara” จนตราบเท่าทุกวันนี้...

แต่อาจด้วยเหตุเพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามหลักประชาธิปไตยโดยทั่วไปเมื่อช่วงปี ค.ศ. 2017 ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี “Manasseh Damukana Sogavare” ท่านถูกคุณพี่จีนลูบหลัง ลูบไหล่ จับเข่า จับหัวหน่าวอีท่าไหนก็มิอาจสรุปได้ เลยทำให้เกิดการเปลี่ยนท่าที นโยบาย จากที่เคยใกล้ชิด ติดพัน กับประเทศตะวันตก ต้องอยู่ภายใต้อำนาจ อิทธิพลของอดีตนักล่าอาณานิคม ที่มีแต่ก่อให้เกิดความตกต่ำ ความด้อยพัฒนาทางการเมืองและเศรษฐกิจ ถูกเอารัด-เอาเปรียบอยู่ร่ำไป โดยหันมาเห็นดี-เห็นงามกับการลอดเลื้อย โอบกระหวัดรัดพันของคุณพี่จีน โดยเฉพาะในการขับเคลื่อนอภิมหาโครงการเปลี่ยนโลกอย่าง “BRI” (Belt and Road Initiative) ที่ต้องอาศัยพื้นที่ตั้งของหมู่เกาะโซโลมอนมิใช่น้อย จนทำให้เกิดการหันมารับรองสัมพันธภาพกับประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ หรือจีนเดียว แทนที่จะยังรับรองสัมพันธภาพกับ “จีนไต้หวัน” เหมือนอย่างเคย และนั่นเองที่ทำให้เกิดการประท้วง การก่อความสงบ การเผาบ้าน-เผาเมืองขึ้นมาในหมู่เกาะโซโลมอน เมื่อช่วงปีที่แล้ว โดยบรรดาผู้ที่ไม่ชอบหน้านายกรัฐมนตรีรายนี้ ที่ยกทัพโยธามาจากเกาะอื่น หรือเกาะ “Malaita” เข้ามาเผาบ้าน-เผาเมือง เผาสถานีตำรวจ บุกรัฐสภาและเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก...

แต่ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างไม่ประสบความสำเร็จไปตามนั้น...การดำรงรักษา ความสงบเรียบร้อยภายในบ้านเมือง ด้วยการหันไปเซ็นสัญญาข้อตกลงด้านความมั่นคงกับประเทศจีน เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี่เอง เลยทำให้เกิดข่าวล่า-ข่าวลือว่าข้อตกลงดังกล่าว อาจกลายเป็นการเปิดโอกาสให้ประเทศจีน เข้ามาตั้งฐานทัพ ขนจรวด ขนอาวุธ เข้ามาติดตั้งในพื้นที่หมู่เกาะเหล่านี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ แม้ว่ารัฐบาลจีนและตัวนายกรัฐมนตรี “Manasseh Sogavare” จะออกมาปฏิเสธคราวแล้วคราวเล่า ว่าเป็นแค่ข่าวลือจากผู้ไม่ประสงค์จะออกนามแต่ประสงค์ร้ายต่อสัมพันธภาพดังกล่าวอยู่แล้วแน่ๆ แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้ช่วยให้เกิดการลด-ละ-เลิก “ความกลัว” หรือ “ความหวาดระแวง” ของคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตก โดยเฉพาะออสเตรเลีย เอาเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่ยังไม่มีหลักฐานและข้อพิสูจน์ใดๆ เหมือนอย่างที่พันธมิตรนาโตขนเอาอาวุธ จรวด และกำลังทหารไปวางไว้ในแนวรบยุโรปตะวันออกเป็นจุดๆ ทั้งๆ ที่เคยสัญญิง สัญญา ว่าไม่คิดจะ “ขยายอำนาจทางทหาร” เข้าไปในดินแดนที่เคยเป็นเขตอิทธิพลของ “สหภาพโซเวียต” แม้แต่นิ้วเดียว...

อันนี้นี่แหละ...ที่มันเลยทำให้เกิดรายการ “สองมาตรฐาน” อย่างเห็นได้โดยชัดเจน คือถ้าหากหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ของจีนอย่างคุณน้ารัสเซีย ท่านทนไม่ไหวขึ้นมาหลังจากถูกละเมิดสัญญามาเป็นปีๆ จนหนีไม่พ้นต้อง “บุกยูเครน” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงไปเป็นอื่น อันนั้น...กลายเป็นเรื่องที่ต้องประณาม ต้องแซงชั่นกันแบบโหดสุดโหด ต้องส่งอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าไปในยูเครน จนอาจกลายเป็นชนวนความขัดแย้งที่นำไปสู่ “สงครามโลกครั้งที่ 3” เมื่อไหร่ก็ย่อมได้ แต่ขณะที่มีเพียงแค่ข่าวลือ หรือข่าวลวง ว่าจีนอาจคิดสร้างฐานทัพทหารในหมู่เกาะโซโลมอน จริง-ไม่จริงก็ยังไม่มีหลักฐานและข้อพิสูจน์ แต่ถึงกับส่งผลให้บรรดาประเทศตะวันตกและคุณพ่ออเมริกา ต้องออกแถลงการณ์ร่วมข่มขู่คุณพี่จีนเอาไว้ก่อนล่วงหน้า หรือต้องเตรียมพร้อมทางทหาร เพื่อรักษา “สันติภาพ” ในภูมิภาคแปซิฟิกกันอย่างเป็นระบบและเป็นกิจการ อันทำให้ความหมายของคำว่า “สันติภาพ” ในพจนานุกรมของอเมริกาและพันธมิตรตะวันตก ก็คือสิ่งที่ “ตัวกู-ของกู” ต้องเป็นผู้กำหนดขึ้นมาเอง หรือสันติภาพในแบบ “กูคือความถูกต้อง” นั่นแล!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น