เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องไปเริ่มต้นกันที่ “เลือกตั้งฝรั่งเศส” นั่นแหละทั่น!!! โดยขณะที่ต้นฉบับชิ้นนี้ได้รับการเผยแพร่คงน่าจะพอรู้ๆ กันไปแล้วว่า ใคร “นอนมา” โดยต้องมีพระสวดนำหน้าหรือไม่? ประการใด? ระหว่าง “แชมป์เก่า” ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน “นายเอ็มมานูเอล มาครง” (Emmanuel Macron) กับผู้ท้าชิง อย่าง “นางมารีน เลอ แปน” (Marine Le Pen) แต่ระหว่างที่กำลังปั่นต้นฉบับ คงต้องสารภาพว่า...ยังไม่รู้หมู่ รู้จ่า ไม่รู้สารวัตร ว่าไผเป็นไผ-ใครเป็นใคร ที่จะผงาดขึ้นเป็นผู้นำประเทศที่ถือเป็น “เสาหลัก” ของอียู อีย้วย ไม่น้อยไปกว่าประเทศเยอรมนี...
คือถ้าว่ากันตาม “โผ” หรือ “โพล” ก่อนที่บรรดาลูกหลาน “พระนางมารีแอ๊ด” (มารี อองตัวเนตต์) หรือผู้สืบเชื้อสายนักปฏิวัติฝรั่งเศส อย่าง “โรแบสปิแอร์-มาราต์-ดังตอง” ก็แล้วแต่ จะมีโอกาสได้ “เขย่าประชาธิปไตยในมือของท่าน” สำหรับการเลือกตั้งเที่ยวนี้ ที่ต้องถือเป็นครั้งสำคัญเอามากๆ จะโดยเหตุผลกลใดก็ลองติดตามกันดู ว่ากันว่า... “คะแนนนิยม” ของคู่ชิงเท่าที่เหลืออยู่เพียง 2 ราย อย่าง “มาครง คนหนุ่ม” กับ “คุณป้ามารีน” นั้นออกจะคู่ๆ คี่ๆ ระดับ “หายใจรดต้นคอ” ระหว่างกันและกันเอาเลยก็ว่าได้ อย่างที่สำนักโพล “Democracy Institute” และหนังสือพิมพ์ “Daily Express” ของอังกฤษ เขาไปสำรวจก่อนหน้าวันลงคะแนนไม่กี่วัน เห็นว่าทิ้งห่างกันแค่ประมาณ 2 จุด 2 เปอร์เซ็นต์ คือระหว่าง 43 เปอร์เซ็นต์ที่คิดจะเทคะแนนให้ “มาครง” กับประมาณ 41 เปอร์เซ็นต์ที่คิดจะหย่อนบัตรให้ “คุณป้ามารีน”...
ต่างไปจากการเลือกตั้งเมื่อปี ค.ศ.2017 ครั้งนั้น... “มาครง คนหนุ่ม” มาแรง แซงโค้งถึงระดับ 66 เปอร์เซ็นต์ ขณะ “คุณป้ามารีน” ต้องตามดมฝุ่น ดมกลิ่นผายลม เพราะได้คะแนนมาแค่ประมาณ 34 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง แต่มาคราวนี้...หรือตั้งแต่การเลือกตั้งเที่ยวแรกเมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ขณะที่ “มาครง” ได้คะแนนประมาณ 27.85 เปอร์เซ็นต์ “คุณป้ามารีน” เธอก็เร่งสปีดขึ้นมาถึง 23.5 เปอร์เซ็นต์ เลยต้องมา “ตัดเชือก” กันในช่วงวันอาทิตย์ (24 เม.ย.) ที่ผ่านมา โดยถ้าว่ากันถึง “จุดอ่อน-จุดแข็ง” ของทั้งคู่ ใครที่สนใจรายละเอียดคงต้องไปติดตามกันเอาเอง เพราะบรรดานักวิเคราะห์เจาะลึก เรื่องราวต่างประเทศเขาได้ว่ากันไปแล้วเป็นฉากๆ แต่ถ้าพูดโดยรวมๆ...บรรดาชาวฝรั่งเศสหรือเศษฝรั่งทั้งหลาย ไม่ว่าที่ “เอามาครง” หรือ “เอาคุณป้ามารีน” ดูจะมีพื้นฐานความคิดและการตัดสินใจที่วางเอาไว้บน “ความกลัว” ไปด้วยกันทั้งคู่!!!
คือขณะที่ฝ่าย “คุณป้ามารีน” นั้น...ดูจะหนักไปทาง “กลัวผู้อพยพ” ที่เข้ามาแย่งงาน แย่งการ บรรดาชาวฝรั่งเศส จนก่อให้เกิดกระแส “ชาตินิยม” เกิดการกีดกัน รังเกียจบรรดาคนต่างด้าว ต่างบ้าน-ต่างเมือง แบบเดียวกับบรรดาอเมริกันชนที่เคยหันไปเทคะแนนให้ “ทรัมป์บ้า” เมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมานั่นเอง อันทำให้บรรดานักการเมือง พรรคการเมือง ประเภท “ขวาจัด” ทั้งหลายในยุโรป ต่างมาแรงแซงโค้งกันเป็นจำนวนไม่น้อย แต่ในขณะเดียวกัน...จะโดยประวัติศาสตร์ โดยภูมิรัฐศาสตร์ หรือโดยการยุยง ปลุกปั่น ยุแยงตะแคงรั่ว อันเป็นสิ่งที่บรรดาสมาชิก “สมาคมเสือกกิตติศักดิ์” ในอเมริกา ออกจะเชี่ยวชาญชำนาญการเอามากๆ การสร้างความรู้สึกหวาดหวั่น ขวัญสยองต่อหมีขาวรัสเซีย หรือความ “กลัวรัสเซีย” ให้กับชาวฝรั่งเศสจำนวนไม่น้อย เลยทำให้ไม่ว่าชาวฝรั่งเศสหรือบรรดาชาวอเมริกันทั้งหลาย ต่างเป็นผู้ที่ติดเชื้อการแพร่ระบาดของโรค “Russophobia” ไม่น้อยไปกว่ากัน แม้ว่าสิ่งที่เรียกว่า “สงครามเย็น” ได้จบลงไปแล้วตั้งแต่ปีมะโว้ หรือทั้งๆ ที่ไม่มี “คอมมิวนิสต์โซเวียต” ให้ต้องหวาดกลัว หวาดเกรง อีกต่อไป...
แต่ก็นั่นแหละ...ด้วย “ความกลัว” ที่แม้แตกต่างไปคนละรูป ละแบบ ผู้ที่กลัวการอพยพเข้ามาแย่งงาน แย่งการ ของพวกแขกอาหรับ แขกตะวันออกกลาง ฯลฯ และผู้เบื่อหน่ายต่อความย่ำแย่ทางเศรษฐกิจ ที่ความเป็น “โลกาภิวัตน์” ภายใต้การขับเคลื่อนของทุนนิยมเสรี หรือเสรีนิยมใหม่ แทบไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลย ชนิดถึงขั้นที่ไม่คิดจะอยู่ร่วมกับบรรดาประเทศในยุโรป หรืออียูต่อไปอีกแล้ว แบบเดียวกับที่เคยก่อให้เกิดอาการ “Brexit” หรือที่ทำให้พวกผู้ดีอังกฤษต้องแยกตัวออกไปจากสหภาพยุโรปก่อนหน้านี้ ชาวฝรั่งเศสประเภทนี้...เลยมักหันไปเทคะแนนให้กับ “คุณป้ามารีน” ซะเป็นหลัก ขณะที่บรรดาผู้ที่กลัวรัสเซีย ด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ แต่ยังเห็นว่า...การส่งเงิน ส่งอาวุธ ไปช่วยเหลือกองทัพยูเครนให้สู้กับกองทัพรัสเซีย ไปจนการต่อต้านเล่นงานประเทศหมีขาวด้วยการ “แซงชั่น” อันสุดแสนหฤโหด แม้ต้อง “เด็ดปัสสาวะทิ้ง” ในหน้าหนาวกันเอาเอง แต่ถือเป็นสิ่งที่เหมาะแล้ว ชอบแล้ว ก็เลยยังคงยืนหยัด ยืนกราน เทเสียงให้กับ “มาครง คนหนุ่ม” ที่ล่าสุด...เห็นว่าขนเอาปืนใหญ่ 155 มิลลิเมตร หรือปืน “Caesar Howitzers” ไปจนจรวดต่อต้านรถถัง “Milan” ไปประเคนให้กับประธานาธิบดียูเครนถึงที่ กันอีกต่อไป...
ดังนั้น...ไม่ว่าจะ “กลัวแขก” หรือ “กลัวหมีขาว” ก็ตามแต่ บรรยากาศการเมืองภายใต้พื้นฐานแห่ง “ความกลัว” แม้จะเป็นระบอบประชาธิปไตยฉบับของแท้และดั้งเดิม เลยออกจะเป็นอะไรที่ “ห่วยแตก” ไปด้วยกันทั้งคู่ หรือก่อให้เกิดบรรดาผู้ที่ไม่คิดจะเอาทั้ง “มาครง” ไม่เอาทั้ง “เลอแปน” หรือ “Ni-Macron” และ “Ni-Le Pen” อย่างที่อภิมหานักประชาธิปไตยบ้านเรา ผู้ต้องนิราศห่างเห ทิ้งบ้าน ทิ้งเมือง ไปหลบแดด หลบฝน อยู่ในฝรั่งเศส คืออดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนเมืองไทย อย่างคุณพี่ “จรัล ดิษฐาอภิชัย” ท่านได้โพสต์ข้อความเอาไว้ในแนวนี้นั่นแล อันสะท้อนให้เห็นถึง “ความเสื่อม” ของระบอบการเมืองดังกล่าวอย่างเห็นได้โดยชัดเจน และคงไม่ใช่แต่เฉพาะ “ประชาธิปไตยฝรั่งเศส” เท่านั้น ไม่ว่าจะ “ประชาธิปไตยอเมริกา” “ประชาธิปไตยอังกฤษ” ไปจน “ประชาธิปไตยเยอรมนี” ฯลฯ ไปๆ-มาๆ แล้ว ต่างก็ออกอาการไปในแนวนี้ด้วยกันทั้งสิ้น...
ยิ่งเมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา...จะด้วยเหตุเพราะกลัวนักประชาธิปไตยอย่าง “มาครง คนหนุ่ม” เกิดพลาดท่า เสียที ในการเลือกตั้งคราวนี้ หรือด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ นักประชาธิปไตยในเยอรมนี สเปน และโปรตุเกส อย่าง “นายOlaf Scholz” ผู้นำเยอรมนี “นายPedro Sanchez” นายกรัฐมนตรีสเปน และ “นายAntonio Costa” นายกฯ โปรตุเกส ถึงกับร่วมร่ายเรียงข้อเขียน บทความ ลงในหนังสือพิมพ์ “Le Monde” และ “El Pais” ของฝรั่งเศส ผนึกกำลังกันยกหาง ยกก้น ประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนปัจจุบันแบบสุดลิ่มทิ่มริดสีดวงทวาร ถึงขั้นโดดข้ามถิ่น ข้ามพรมแดน ข้ามประเทศ ฉวยโอกาสเข้าไป “เป่าหู” บรรดาชาวฝรั่งเศสทั้งหลาย ว่าการเลือกตั้งคราวนี้สำคัญกว่าทุกครั้ง โดยจะต้องเลือกผู้ที่ยืนอยู่ข้างฝ่ายประชาธิปไตย อย่าง “นายมาครง”ลูกเดียวเท่านั้นเอง ต้องร่วมกันต่อต้านพวก “ขวาจัด” อย่าง “นางมารีน เลอแปน” ที่ไม่เห็นถึงความสำคัญของ “เอกภาพ” อันจะนำมาสู่ความรุ่งโจน์ของอียู และ “โลกาภิวัตน์” ตามแบบฉบับเสรีนิยมใหม่ อีกทั้งยังคิดจะเปิดกว้างให้กับผู้ที่ต่อต้านเสรีภาพและประชาธิปไตย อย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ของรัสเซียซะอีกด้วยต่างหาก...ฯลฯ
พูดง่ายๆ ว่า...แทบไม่ต่างอะไรไปจากการ “แทรกแซงกิจการภายใน” กันอย่างตรงไป-ตรงมาเอาเลยถึงขั้นนั้น!!! หรืออย่างที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย “นางมาเรีย ซาคาโรวา” (Maria Zakharova) อดไม่ได้ที่จะต้องออกมาตั้งคำถามประมาณว่า ในขณะที่ฝ่ายตะวันตกมักตั้งข้อกล่าวหารัสเซียว่าพยายามแทรกแซงการเลือกตั้งในอเมริกาหรือยุโรปมาโดยตลอด แต่การที่ผู้นำประเทศใดประเทศหนึ่งโดดออกมาสนับสนุน หรือออกมาแสดงความเป็น “ติ่ง” ให้กับผู้นำอีกประเทศหนึ่งแบบไม่คิดจะ “แอบจิต” ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ถือเป็นสิ่งที่สอดคล้อง เหมาะสม มาก-น้อยขนาดไหน โดยเฉพาะในแง่ความถูกต้อง ยุติธรรม ตามระบอบปกครองประชาธิปไตยตะวันตก ที่ชักจะเละเป็นขี้-เละเป็นโจ๊ก ยิ่งเข้าไปทุกที...
สรุปรวมความแล้ว...ไม่ว่าสุดท้ายจะ “มาครง” หรือ “เลอแปน” คงต้องถือเป็นเรื่อง “รสนิยม” ของบรรดาชาวฝรั่งเศสทั้งหลายที่จะว่ากันไปตามมี-ตามเกิด แต่ไม่ว่าจะออกลูกไหน หน้าไหน ก็ตามที ภายใต้บรรยากาศทางการเมืองแบบประชาธิปไตยฉบับตะวันตก ที่กำลัง “เสื่อมถอย” ลงไปทุกที อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ชักเริ่ม “ถดถอย” อันเนื่องมาจากการ “แซงชั่น” รัสเซียแบบชนิดไม่คิดหน้า-คิดหลังให้ถ้วนถี่ หรือแบบ “Energy Masochism” ที่แม้แต่รัฐมนตรีคลังอเมริกา “นางเจเน็ต เยลเลน” (Janet Yellen) ยังต้องออกมาท้วงๆ ติงๆ เอาไว้ประมาณว่า อาจก่อให้เกิดผลร้ายแรงต่อประเทศยุโรปหรือกระทั่งต่อโลกทั้งโลกมากซะยิ่งกว่าต่อประเทศรัสเซียเสียอีก ภายใต้สภาพเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้โอกาสที่บรรดาประเทศอียูทั้งหลาย อาจต้องกลายสภาพไปเป็นอีย้วย หรืออียับเยิน ดูๆ ชักจะมีความเป็นไปได้สูงยิ่งเข้าไปทุกที...