ปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตออกอาการอ่อนเพลีย ละเหี่ยใจ หรือใจตุ๊มๆ ต่อมๆ กันไปตามสภาพ คือแทบมองไม่เห็นโอกาสที่จะสดชื่นเหมือนยืนอยู่บนเนินเขา หรือมีอะไรที่พอจะช่วยให้เกิดความสบายกาย สบายใจ เอาเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เพียรพยายามเจาะ-เกาะ-ติด ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวสถานการณ์ความขัดแย้งในแนวรบยุโรปตะวันออก ระหว่างรัสเซียกับยูเครน หรือรัสเซียกับโลกตะวันตกก็แล้วแต่จะเรียก...
คือขนาดที่บรรดาทวยทหารยูเครน ไม่ว่าจะประกอบไปด้วยพวก “นาซีใหม่” ไปจนถึงทหารอเมริกัน อังกฤษ สวีเดน ฯลฯ ที่จำแลงแปลงกายไปเป็น “กองพันอาซอฟ” (Azov battalion) พยายามยึด “ฐานที่มั่นสุดท้าย” ณ โรงงานเหล็ก “Azovstal” ในเมืองท่ามาริอูโปล เอาไว้ในลักษณะไหนก็ตาม แต่เมื่อไม่มีทางออก ทางไป หรือแม้แต่ “ทางรอด” ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อยการยอมแพ้ ยอมวางอาวุธ ตามคำขาดหรือ “เส้นตาย” ของกองทัพรัสเซียที่ล้อมกรอบเอาไว้แทบทุกด้านจึงถือเป็นเรื่องปกติที่พอเข้าใจได้ หรือเป็นสิ่งที่น่าจะเป็นไปตามนั้นอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลย แต่การถูกสั่งการ ถูกบัญชาการ โดยรัฐบาลหรือผู้นำกองทัพยูเครนก็แล้วแต่ ห้ามมิให้ยอมแพ้ ห้ามมิให้วางอาวุธโดยเด็ดขาด ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากการสั่งให้ไปตาย ให้พลีชีพ พลีชีวิต เพื่อ “เซ่นสังเวย” ต่ออะไรบางสิ่ง บางอย่าง ที่หาคำอธิบายแทบไม่ได้ ไม่ว่าในแง่การทหาร หรือในแง่ความเป็นมนุษย์มนาโดยปกติธรรมดาก็แล้วแต่...
แต่ก็นั่นแหละ...นี่ก็คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึง “ท่าที” รัฐบาลยูเครน ภายใต้การนำของผู้นำอดีตดาวตลกอย่างประธานาธิบดี “โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้” (Volodymyr Zelensky) ที่แทบไม่ได้สนใจว่าพลเมืองตัวเอง ทหารในกองทัพของตัวเอง จะประสบความฉิบหายวายวอดไปแล้วถึงขั้นไหน แต่มุ่งที่จะอาศัยอาณาเขต ดินแดน และบรรดาผู้คนในประเทศตัวเองเป็นเครื่องเซ่นสังเวยให้กับการ “จุดไฟนรกสุดขอบฟ้า” ขึ้นมาในโลกทั้งโลกให้จงได้!!! การไม่คิดจะยอมแพ้ ยอมอ่อนข้อ ประนีประนอมใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อยกับฝ่ายรัสเซีย ที่แม้จะเป็นชนชาวสลาฟด้วยกันเอง หรือเคยเป็นชนชาติเดียวกันมาก็แล้วแต่ เลยก่อให้เกิดความปวดเศียรเวียนเกล้า ความอ่อนเพลียละเหี่ยใจ ต่อการหาจุดจบ การหาข้อยุติ ภายใน “โต๊ะเจรจา” ระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่น้อยทีเดียว ถึงขั้นที่ตัวแทนฝ่ายรัสเซียเลยต้องส่ง “ร่างข้อตกลง” ไปให้กับตัวแทนฝ่ายยูเครน โดยแทบไม่รู้ว่าจะได้คำตอบ การยอมรับหรือปฏิเสธ กันในรูปไหนต่อรูปไหน ดังที่โฆษกประธานาธิบดีรัสเซีย “นายดมิตรี เพสคอฟ” (Dmitry Peskov) ออกมาสรุปกับผู้สื่อข่าวเมื่อช่วงวันพุธ (20 เม.ย.) ที่ผ่านมานั่นแหละว่า...ขณะนี้ลูกบอลอยู่ในเท้าของฝ่ายยูเครนเรียบร้อยแล้ว จะเล่น-ไม่เล่น จะเตะไปในทางไหนต่อทางไหน ก็แล้วแต่จะตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน ขณะที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย “นางมาเรีย ซาคาโรวา” (Maria Zakharova) ถึงกับอดรนทนไม่ได้ ต้องออกมาสรุปว่าตัวแทนเจรจาของฝ่ายยูเครนในโต๊ะเจรจานั้น...เชื่อถือไม่ได้อีกต่อไปแล้ว!!!
อันนี้นี่แหละ...ที่มันเลยทำให้อะไรต่อมิอะไรยิ่งยุ่งยากมากความยิ่งขึ้นไปอีก เพราะไม่ใช่แค่เฉพาะผู้นำยูเครนอย่างอดีตดาวตลก “เซเลนสกี้” เท่านั้น ที่พร้อมจะแปรสภาพประเทศตัวเองให้กลายเป็น “สมรภูมิสงคราม” หรือเป็น “กับดักหมี” ตามคำชี้แนะ ชี้นำ หรือ “คำบงการ” ของผู้ที่คอยยุแยงตะแคงรั่ว อยู่เบื้องหลังอย่างคุณพ่ออเมริกา แต่กระทั่งประเทศยุโรปหรืออียูแทบทั้งอียู ที่ถูกอเมริกาปั้นให้เป็นรูป-เป็นร่างขึ้นมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และถูกทำให้ “กลัวรัสเซีย” หรือติดเชื้อไวรัส “Russophobia” แบบอุจจาระขึ้นสมอง แม้ว่า “สงครามเย็นยุคเก่า” จะจบไปแล้วตั้งแต่ปีมะโว้ แต่ด้วยความกลัวหรือความอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ ลักษณะอาการแบบ “โง่ไม่เลิก” หรือ “ไม่เจ็บนอนไม่หลับ” จึงอุบัติขึ้นมาในหมู่นักการเมืองชาวยุโรป หรือรัฐบาลยุโรปในแต่ละประเทศ หรือทำให้เกิดความพยายามต่อต้านการส่งออกพลังงานจากรัสเซีย ชนิดที่ถูกเรียกขานกันในนาม “Energy Masochism” อะไรประมาณนั้น...
คือทั้งๆ ที่เคยซื้อแก๊สราคาถูกจากรัสเซียถึง 40 เปอร์เซ็นต์ของความต้องการในหมู่ชาวยุโรป เคยสั่งเข้าน้ำมันจากรัสเซียวันละถึง 4,000,000 บาร์เรล แต่กลับไม่คิดจะซื้อ-จะขายเอาดื้อๆ!!! ส่งผลให้ภาวะการขาดแคลนพลังงานในยุโรป กลายเป็นตัวฉุดดึง “ราคาน้ำมัน” ให้มีสิทธิ์สูงขึ้นไปถึง 182 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเอาง่ายๆ อันนี้...ถ้าว่ากันตามรายงานเอกสารของบริษัท “J.P. Morgan” ที่มีไปถึงผู้บริหารวงใน เมื่อช่วงวันอังคาร (19 เม.ย.) ที่ผ่านมา หรือทำให้ “ภาวะเงินเฟ้อ” ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในทั้งยุโรป อเมริกา ยิ่งมีแต่ “เฟ้อ...กับ...เฟ้อ” หนักขึ้นไปใหญ่ โดยแทบไม่ได้สนใจว่าบรรดาฝรั่งยุโรปหรือผู้คนพลเมืองของประเทศตัวเอง จะต้องทุกข์ยากลำบาก เดือดร้อนลำเค็ญกันไปอีกถึงขั้นไหน อันแทบไม่ต่างอะไรไปจากการอาศัยพลเมืองในประเทศตัวเอง เป็นเครื่อง “เซ่นสังเวย” หรือ “บูชายัญ” ให้กับอิทธิพลของ “โลกาภิวัตน์” หรือการถูกครอบงำภายใต้แนวคิดแบบ “ประชาธิปไตยเสรีนิยม” แบบเดียวกับผู้นำยูเครนนั่นเอง...
ด้วยเหตุนี้นี่เอง...การหาจุดจบ หาข้อยุติทั้งหลาย มันเลยเหลือแต่ต้องอาศัยการตัดสินกันด้วย “กำลัง” แบบใครใหญ่-ใครอยู่ ไปตามสภาพ และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา คุณน้าหมีขาวรัสเซียท่านเลยต้องหันไปควักอาวุธบางชนิดขึ้นมาทดสอบ นั่นก็คือการทดลองยิงจรวด หรือขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ล่าสุดที่เรียกๆ กันในนาม “Samart Super-heavy International ballistic missile” ที่จะถูกนำมาแทนขีปนาวุธ “ICBM R-36M2” ภายในสิ้นปีนี้ โดยยิงจากฐานทัพอวกาศ “Plesetsk” ในภาคตะวันออกมายังฝั่งตะวันตกแถวๆ คาบสมุทร “Kamchatka” อันถือเป็นสิ่งที่ผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” ท่านสรุปไว้ว่า...เป็นเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความหมายครั้งสำคัญ ครั้งยิ่งใหญ่ของรัสเซีย เอาเลยถึงขั้นนั้น...
อันเนื่องมาจากจรวด หรือขีปนาวุธชนิดนี้ ว่ากันว่า...ไม่เพียงแต่ประกอบไปด้วยหัวรบ จำนวนไม่รู้จะกี่ต่อกี่หัวรบ ที่สามารถแตกตัว แยกย้ายไปสู่ “เป้าหมายทางยุทธศาสตร์” ในแต่ละพื้นที่ แต่ละซีกโลก ได้อย่างทั่วถึงเท่านั้น แต่ละหัวรบยังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วและด้วยวิถีการโคจรแบบ “ไฮเปอร์โซนิก” อีกด้วยต่างหาก หรือเร็วระดับสูงกว่า 10 Mach ขึ้นไป จนสามารถ “เจาะทะลวงทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศทุกชนิดของฝ่ายตรงข้าม” แถมยัง “ไม่มีใครในโลกนี้สามารถลอกเลียนแบบได้” หรือทำให้กลายเป็นตัว “รับประกันความมั่นคง ปลอดภัย ของรัสเซีย ไม่ว่าจากภัยคุกคามใดๆ ก็ตาม” อันนี้...ถ้าว่ากันตามคำพูด คำจา ของผู้นำรัสเซีย ที่กล่าวเอาไว้หลังการทดสอบได้ประสบความสำเร็จเรียบร้อยแล้ว...
จริง-ไม่จริง น่าเชื่อ-ไม่น่าเชื่อ...ก็แล้วแต่จะว่ากันไป แต่ถ้าดูจากท่าทีโฆษกกระทรวงกลาโหมอเมริกา “นายJohn Kirby” ที่ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องราวเหล่านี้ ดูจะไม่ยี่หระ หรือแยแสมากมายสักเท่าไหร่ หรือถือเป็น “เรื่องปกติ” ของการทดสอบอาวุธของรัสเซีย รายการยั่วยวนกวนส้นตีน หรือการยุแยงตะแคงรั่ว ต่อ “มหาอำนาจคู่แข่ง” อย่างรัสเซียและจีน เลยยังคงต้องดำเนินต่อไป ไม่ว่าในแนวรบยุโรปตะวันออก หรือแนวรบทะเลจีนใต้ และนั่นเองที่ทำให้สีสันบรรยากาศ หรือฉากสถานการณ์ความเป็นไปของโลกในทุกวันนี้ จึงเป็นไปดังที่หัวหน้าคณะผู้บริหารแห่งสถาบัน “RDCY” ของประเทศจีน หรือ “นายWang Wen” ท่านได้สรุปไว้ในข้อเขียน บทความเรื่อง “The World has become more dangerous and the chance of World War are increasing” หรือโลกที่มีแต่อันตรายยิ่งขึ้นๆ ด้วยเหตุเพราะโอกาสเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ยิ่งมีความเป็นไปได้เข้าไปทุกที ดังที่เคยหยิบยกเอามาอ้างอิงไว้เมื่อวันวานนั่นเอง...
โดยสงครามที่ว่า...จะมีลักษณะอาการออกไปในรูปไหน จะหฤโหด เหี้ยมเกรียม อำมหิตไปได้ถึงเพียงใด??? ภายใต้ความพยายามเอาแพ้-เอาชนะ ระหว่างกันและกันอย่างชนิดไม่ลดรา-วาศอก ภายใต้การแข่งขันในการประดิษฐ์คิดค้นอาวุธมหาประลัยออกมาอย่างเป็นระลอกๆ ก็ยังมิอาจคาดคำนวณ มิอาจจินตนาการได้โดยชัดเจน หรืออย่างที่โฆษกเลขาธิการสหประชาชาติ “นายStephane Dujarric” ท่านได้สรุปไว้เมื่อช่วงวันอังคารที่ผ่านมานั่นแหละว่า ถึงขั้นนี้แล้ว...ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งในระดับสงครามนิวเคลียร์ สงครามที่ใช้อาวุธเคมี อาวุธชีวภาพ ฯลฯ ต่างเป็นสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้อีกต่อไป!!! นี่...อะไรมันเลยช่างน่าห่อเหี่ยว น่าอ่อนเพลียละเหี่ยใจไปได้ถึงปานนั้น สำหรับโลกในทุกวันนี้...